ที่เก็บรูปของคนบ้าเที่ยว ...
Group Blog
 
All blogs
 
~~ 22 - 23 ตุลาคม อช.เขื่อนศรีฯ - เอราวัณ ~~

ทริปนี้ออกสตาร์ทตอน 6 โมงครึ่ง
แล้วก็เช่นเดิมเหมือนเหมือนที่อตนไปสังขละ คือแวะกินข้าวเช้าที่นครปฐมตอน 7 โมง
แต่คราวนี้ไปตรงกับช่วงกินเจพอดี ก็เลยเข้าร้านอาหารเจเลย

ร้านนี้ อาหารจานละ 15 บาท บริการตัวเอง ตักแค่ไหนก็ 15 บาท ถูกซ้า แถมอร่อยซะด้วย อยู่แถวๆ ตลาดตอนเช้าแถวถนนเรียบคลองแหละ
อิ่มกาย สบายใจ แล้วก็เดินทางต่อ



7 โมงครึ่ง ออกเดินทางต่อตามเส้นทางเพชรเกษม แล้วเข้ากาญฯ ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองไป เพื่อไปเขื่อนศรีนครินทร์ พอถึงแยกเขื่อนฯ ก็เลี้ยวขวาขึ้นไป อ.ศรีสวัสดิ์ (เพราะรถกระป๋องอ่ะ ไม่กล้าลุยเส้นถ้ำพระธาตุ)
จน 10 โมงครึ่ง ก็มาถึงแพขนานยนต์แพแรก ใครไม่ใช้ริการ ก็อ้อมไปอีกหลายสิบโล กว่าจะมาบรรจาบอีกฝั่งเน้อ
ค่าบริกาม 60 บาท กับเวลา 15 ยาทรบนแพ เพื่อย่นเส้นทางไปได้เยอะเลย



หลังจากลงจากแพแรกแล้ว ก็ขับต่มาเรื่อยๆ จนถึงอ.ศรีสวัสดิ์ แล้วก็เลี้ยวเข้าไปสู่แพต่อที่สอง ทางเข้ากลายเป็นลูกรังซะแล้ว แต่สภาพยังดีอยู่ ก็ยังใช้ความเร็วได้บ้าง
แพนี้เสียอีก 170 บาท กับเวลา 45 นาที

วิวเกาะกลางน้ำ มีแพที่พักซะด้วย


หลังจากขึ้นจากแพแล้ว ก็เข้าสู่เขตของ อช.เขื่อนศรีฯ
เส้นทางลูกรัง สภาพเป็หลุมเป็นบ่อเป็นช่วงๆ จนถึงศูนย์ฯ

เราแวะเก็บตราประทับที่นี่ก่อน แล้วจึงขับตามที่จนท.บอกทมางว่ามีทางขึ้นไปตรงชั้นที่สี่ได้เลย
แต่สภาพนั้น .... ไม่น่าเชื่อว่ากระป๋องของเราจะผ่านมาได้
แบบว่า.....ทั้งชัน ทั้งหลุม บางทีก็เป็นร่องน้ำเซาะเลยอ่ะ
แต่ก็ผ่านมาจนได้

มาถึงก็บ่ายแล้ว ก็จัดการมื้อเที่ยงซะก่อน แต่เจแตกซะแล้ว เพราะไม่มีให้เลือกง่ะ
จากนั้นก็ไปกางเต๊นท์จองที่กัน
ก่อนจะเริ่มเดินไปเก็บรูปน้ำตกซะที เริ่มที่ชั้นสี่กันเลย

ชั้นที่สี่ ฉัตรแก้ว อย่างสวย.....


อีกสักมุม


แล้วเราก็เลือกที่จะลงชั้นล่างก่อน
ไปที่ชั้นสาม

ชั้นที่สาม วังหน้าผา


แล้วก็ไปชั้นสอง

ชั้นที่สอง ม่านขมิ้น


แล้วก็เดินลงต่ออีก ระหว่างทางเจออีกหน่อย ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนบนของชั้นที่หนึ่งนั่นเอง



แล้วก็มาถึงชั้นหนึ่ง

ชั้นหนึ่ง ดงว่าน


ดินลง แล้วก้ต้องเดินขึ้นกลับขึ้นไปที่ชั้นสี่ ไปพักเติมพลังกันสักแป๊บ แล้วก็เริ่มเดินขึ้นด้านบนกันต่อ ไปที่ชั้นห้า

ชั้นที่ห้า ไหลจนหลง เพราะเป็นชั้นเดียวที่ออกนอกเส้นทางมาแล้วไหลหายไปใตดิน ก่อนจะย้อนไปบรรจบกันที่ปลายสาย


แล้วก็ไปถึงชั้นที่หก
อย่างสวยเลยชั้นนี้
ไม่รู้จะบรรยายยังไง ดูกันเอาเอง

ชั้นที่หก ดงผีเสื้อ


อีกมุม


มุมนี้ สุดยอดดดดด


แสงอาทิตย์ยามเย็นเป็นลำสีทอง ทอสายแทรกผ่านผืนป่า มากระทบกับละอองของสายน้ำตก ที่กระเซ็นฟุ้งอยู่บนกลุ่มหิน ดูเป็นประกายระยิบระยับ โอว.........บรรเจิด


อีกสักที ก็งามแต้


ดื่มด่ำ กับชั้นที่หกจนพอใจ แล้วก็มาต่อที่ชั้นสุดท้าย ชั้นที่เจ็ด

ชั้นที่เจ็ด ร่มเกล้า


ดูหมดทุกชั้นแล้ว ก็กลับไปพัก เช้ามาก็ตื่นแต่เช้า ดูอาทิตย์ขึ้นซ้าหน่อย





หันไปเก็บอย่างอื่นมั่ง

กระรอกออกหากินยามเช้า


หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว
เราก็เก็บเต๊นท์ อพยพลงมา ไปจุดหมายต่อไปกัน
ก่อนกลับ ก็ตามล่าป้ายกัน







แล้วก็ออกมาต่อแพกลับกัน
เก็บวิวมาอีก





หลังจากต่อแพ มาสองต่อ วิ่งกลับมาจนถึงแยกเชื่อนศรีฯ แล้วเลี้ยวเข้าเขื่อนศรี ก็วิ่งเลี้ยวซ้ายมาสู่ตลาดเอราวัณ
ใช้เวลาตั้งแต่ลงจาก อช.เขื่อนศรีฯมา ก็ร่วม 4 ชม.
มาถึงตอนบ่าย ก็แวะกินมื้อเที่ยงที่นี่
ก่อนจะขับขึ้นด้านบนสู่อช.เอราวัณ

ตลาดเอราวัณ


มาแล้วก็ต้องไม่ลืมป้ายซะหน่อย


มาดูน้ำตกแต่ละชั้นกัน


ดูระยะจากป้าย ถ้ารวมกับระยะทางเข้า ก็เท่ากับระยะของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นพอดีเลย 2.2 กม.เท่ากัน

เนื่องจากเป็นวันหยุด ทำให้คนมาเล่นน้ำกันเยอะมากๆ
เราเลยตัดสินใจ เดินขึ้นไปชั้นบนสุดก่อน แล้วจึงไล่ถ่ายลงมาเรื่อยๆ เผื่อคนจะน้อยลงบ้าง
ใช้เวลา ชม.กว่า ถึงจะเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ความชันต้องบอกเลยว่า น้องๆ ภูกระดึง ระยะสั้นกว่า แต่ก็ชันเกือบตลอดตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป

มาถึงก็เริ่มเก็บภาพตั้งแต่ชั้นเจ็ด
เสียดายอยู่อย่าง ที่มัวแต่ถ่ายน้ำตก จนลืมถ่ายป้ายผู้พิชิตที่ปักไว้ด้านบนมาด้วย

ภูผาเอราวัณ


อีกมุม


มาที่ชั้นหก ดงพฤกษา ก็เลยโดนต้นไม้บังซ้าหมดเลยอ่ะ แหะๆ



มาที่ชั้นห้า
เบื่อไม่ลงจริงๆ ชั้นนี้ เพราะมันชื่อเบื่อไม่ลงไง
เอ้ย ไม่ใช่ๆ เพราะมันใสขนาดนี้ น่าเล่นน้ำจนเบื่อไม่ลงจริงๆ



แถมยังสวยอย่างนี้

ทั้งสวย ทั้งใส ใครจะเบื่อลง ใช่ป่ะ อิอิ


ตรงนี้ไม่ใช่ชั้นอะไร แต่เป็นที่ๆ น้ำใสมากๆ น่าเล่น แต่ไม่ยักกะมีใครลงไปเล่น
เพราะอะไรน่ะเหรอ ...

ดูทางซ้ายจิ เห็นผ้าพันอยู่มั้ย นั่นคือผ้าสามสี พันอยู่บนต้นตะเคียนยักษ์ ใหญ่ขนาดราวๆ 3 คนโอบ สูงลิบเลย
ซึ่งเป็นที่มาของสระนี้ ที่ชื่อว่า สระแก้วนางตะเคียน

แล้วใครมันจะกล้าลงไปเล่นล่ะเนี่ย

ปล.ถ่ายมาแบบเบลอๆ เพราะไม่ใช้ขาตั้งอ่ะ ไม่ใช่เพราะสั่นกลัว หรืออาถรรณ์อะไรหรอกนะ

สระแก้วนางตะเคียน


ส่วนตรงนี้ ก็ไม่ใช่ชั้นอะไร แค่ทางผ่านเท่านั้น ก็ยังสวยใช่ม๊ะ
น้ำใสมากๆ



ลงมาถึงชั้นที่สี่
อ่านชื่อแล้วจะนึกภาพออกเลยนะ ชั้นนี้
ตอนลงมาถึงชั้นนี้ ก็ 4 โมงพอดี จนท.เริ่มไล่คนขึ้น แต่คนก็ยังไม่ยอมขึ้นกัน ส่วนมากจะเป็นพวกฝรั่งทั้งนั้น กำลังมันกับสไลด์เดอร์ จนท.ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมขึ้น แรกๆ อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอดูๆ ไปมันก็ฟังรู้เรื่องนี่หว่า แต่ไม่ยอมขึ้นกัน เฮ้อ... เซ็ง
คนยังเต็มอยู่
เราก็รอๆๆ จนไปกันหมด เลยได้ภาพนี้น้ำตกแบบไม่มีคนมาจนได้ ฮี่ๆ



ตรงนี้ ชั้นสาม ผาน้ำตก


แล้วก็ชั้นสอง วังมัจฉา เพราะมีปลาเยอะมาก อยู่ตามริมน้ำ รอเราให้อาหาร


แล้วก็ชั้นที่หนึ่ง ไหลคืนรัง


แต่ละชั้นได้รูปมาแบบแทบไม่มีคน เพราะตอนไล่ลงมาเรื่อยๆ คนก็เริ่มกลับกันแล้ว ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ก็ 5 โมงเย็นพอดีเลย ก็เลยว่างขนาดถ่ายได้สบายๆ

ก่อนออก ก็ถ่ายป้ายอีกสักหน่อย


จากนั้นก็ขับรถไปที่สันเขื่อนศรีฯ เพื่อดูวิวยามเย็น







ออกเดินทางกลับจากสันเขื่อน 6 โมงครึ่ง วิ่งยาวมาถึงนครปฐม แวะกินของอร่อยๆ รอบองค์พระสักหน่อย ตอนสองทุ่มครึ่ง
กินบะหมี่แห้ง แล้วก็ต่อด้วยเต้าทึงร้านข้างๆ ไอติมลอยฟ้าชื่อดัง(ไม่ได้ถ่ายลีลาเด็ดๆ ของเจ้าของร้านไว้เลย เสียดาย)



แล้วถึงกลับกทม.กัน ถึงราวๆ 4 ทุ่มกว่า (อีกแล้ว ออกพร้อมทริปที่แล้ว กลับถึงพร้อมทริปที่แล้ว)
เบ็ดเสร็จ ใช้ระยะทางไปทั้งสิ้น 515 กม. กับน้ำมัน ราวๆ 1 ถังพอดี 35 ลิตร (รถกระป๋องวิ่งตจว.ก็ประหยัดดีวุ้ย หมดไป 900 เอง)

ว่าแล้วก็ขอจบทริปกาญไว้เพียงเท่านี้เน้อ


Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2549 17:29:12 น. 0 comments
Counter : 4193 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Redrum
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สาวกแป้นแตก


Friends' blogs
[Add Redrum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.