ในพระพุทธประวัติ แม้พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระราชมารดาของเจ้าชายสิทธัตถะ จะสิ้นพระชนม์ไปหลังที่เจ้าชายประสูติได้เพียง ๗ วัน , แต่ครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ได้เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนดาวดึงส์ถึงเทวโลก
พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระราชบิดา , พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จไปโปรดถึงพระราชวังที่ประทับ และในวันที่พระพุทธบิดาประชวรหนักใกล้สวรรคต , พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปโปรด จนพระราชบิดาได้บรรลุ โสดาบันปติผลถึงนิพพานในพระราชวังนั้นเอง
ในเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดา และผู้มีอุปการะก่อนนั้น ,พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้หลายพระสูตร เช่น ในหลักทิศ ๖ เป็นต้น ซึ่งความกตัญญูนั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะกับบุคคลเท่านั้น แต่รวมไปแม้กระทั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาด้วย , ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า “บุคคลนั่งหรือนอน ที่ร่มไม้ใด ไม่ควรหักกิ่งต้นไม้นั้น ผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม”
ความกตัญญู จึงนับได้ว่า เป็นหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง , มีตัวอย่างหลายเรื่องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่า พระพุทธองค์ทรงยกย่องผู้ที่มีความกตัญญูต่อบิดามารดา เช่น เรื่องพระภิกษุเลี้ยงบิดา มารดา ในมหานิบาต เป็นต้น ซึ่งทำให้พระพุทธองค์ ตรัสว่า “นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา” แปลว่า “ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี”
ในเหตุการณ์วันตรัสรู้ หลักธรรมสำคัญที่นำมาเทียบเคียงได้อีก คือ “อริยสัจ ๔” อันเป็นหลักธรรมความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ
๑ ทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ สภาวะที่ทนได้ยากทั้งหลาย คือ ปัญหา
๒ สมุทัย เหตุเกิดของความทุกข์ คือ ต้นเหตุของปัญหา
๓ นิโรธ ความดับทุกข์หรือดับปัญหาต่างๆ คือ วางเป้าหมาย พุทธศาสนามีหลักคำสอนเกี่ยวกับเรื่องความสุขมากมาย จุดหมายสูงสุด คือ นิพพาน เป็นบรมสุขที่สูงสุด
๔ มรรค แนวทางในการปฏิบัติเพื่อพ้นจากความทุกข์ คือ ลงมือแก้ไข
ในเหตุการณ์วันปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสปัจฉิมโอวามไว้บทหนึ่ง อันเป็นยอดของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรนำมาปฏิบัต คือ การมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ให้ทุกข์ร้อนใจอันเกิดจากอำนาจกิเลสเข้าครอบงำ กล่าวคือ ความไม่ประมาทในกาลทุกเมื่อ โดยพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ”(อับ-ปะ-มา-เท-นะ, สัม-ปา-เท-ถะ) “พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ : Lifestyle ธรรม(-ะ)ดา