แบกเป้ไปตามใจฝัน : เวียดนามใต้ โฮจิมินทน์-ดาลัด
Xin Chao Vietnam 18/10/2011 เป็นครั้งแรกของการเดินทางมาเวียดนาม ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ให้เราได้เรียนรู้มากมาย
วันที่ 1 การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินราคาสบายกระเป๋า มุ่งหน้าสู่นครโฮจิมินทน์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ไซ่ง่อน" พวกเรามาถึงสนามบินไซง่อนเวลา 10.30 สมาชิกร่วมก๊วนมีทั้งหมด 5 สาวด้วยกัน โปรแกรมครั้งนี้เนื่องจากมีเวลาน้อย เลยเพลนได้แค่เที่ยวโฮจิมินทน์ กับ ดาลัด ออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองพวกเราก็ไปแลกเงินจากดอลล่าร์เป็นเงินเวียดนาม แต่ไม่ได้แลกเยอะเพราะเรทที่สนามบินจะได้น้อยกว่าเข้าไปแลกในเมือง แลกเงินเรียบร้อยเดินออกจากประตูสนามบินไป ก็มองทางได้ขวามือก่อนเลย เพราะได้ข้อมูลมาว่ารถเมลล์ที่จะเข้าเมืองจอดอยู่บริเวณนั้น....และแล้วพวกเราก็เจอ 

รถเมลล์สาย 152 เป็นสายเดียวจากสนามบินที่วิ่งเข้าไปในตัวเมือง ค่าโดยสารก็ราคาถูกมาก ถ้าเทียบกับระยะทาง คือคิดเป็นเงินไทยแล้วก็ประมาณ 7 บาท โดยคนขับรถจะเป็นคนฉีกตั๋วให้เรา แล้วเราก็ใส่เงินเข้าไปในกล่องที่อยู่ด้านข้างคนขับ พวกเราโชคดีที่เจอคนขับรถอัธยาศัยดีมาก ไม่มีหงุดหงิดโมโหเลยซักนิด (ไปครั้งหลังเจอแบบแย่มากกกก) พอถึง Pham Ngo Lao เค้าก็บอกให้พวกเราลงแล้วเดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงจุดที่นักท่องเที่ยวเค้ามาเริ่มต้นกัน เมื่อไปถึง อันดับแรกที่พวกเราทำกันคือ "หาอะไรอร่อยๆกิน" ได้ข้อมูลมามีร้านแนะนำเยอะมาก แต่ด้วยเราไม่รู้จักทาง จึงหาไม่เจอเลยซักร้าน สุดท้ายก็เลือกร้านที่อยู่แถวๆนั้น หาอะไรกินรองท้องไปก่อน จากนั้นก็ไปจองตั๋วรถสำหรับไปดาลัด ถนน Pham Ngo Lao มีร้านขายทัวร์เยอะมาก ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลย สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆ แถมแต่ละที่นั้นบริการค่อนข้างดี เราอยากได้อะไรก็บอกเค้าไปได้เลย สำคัญคือต้องต่อราคาเค้าและคำนวนดีๆ พวกเราเลือกเข้าไปที่ร้านขายทัวร์ที่อยู่ใต้ที่พัก Hong Linh Hotel น้องๆที่นี่ให้คำแนะนำดีมาก รวมถึงช่วยพวกเราโทรหาที่พักที่ดาลัดด้วย เพราะเรามีข้อมูลที่พักที่ต้องการที่ดาลัดไว้แล้วแต่ไม่รู้จะติดต่อยังไง อีกอย่างคือ รถที่พวกเราจะนั่งไปดาลัดจะถึงปลายทางประมาณ เที่ยงคืน ถ้าไม่บอกเค้าก่อนล่วงหน้า เกรงว่าจะได้นอนหน้าโรงแรมแน่นอน อิอิอิ สรุปสิ่งที่พวกเราใช้บริการจากที่นี่ก็คือ ซื้อตั๋วรถ (Sleeping Bus) ราคาไม่แพงประมาณ 300 บาท / ฝากกระเป๋าสัมภาระ เพียงเท่านี้ แต่เค้าก็ให้บริการพวกเราเป็นอย่างดี หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว ลำดับต่อไปคือ การเดินเที่ยว (บริษัททัวร์เค้าจะเชียร์ให้เราซื้อ City Tour แบบครึ่งวัน แต่ไม่จำเป็นเลย เราสามารถเดินเที่ยวเองได้ และยังได้อัธรสมากกว่าด้วย) เป้าหมายแรก พวกเราจะไปเริ่มต้นที่ ตลาดเบ็นถาน(Ben Thanh Market) ระยะทางก็ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่พอเดินได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ เวลาข้ามถนน เนื่องจากว่ารถมอเตอร์ไซต์ที่นี่เยอะมากกกก แล้วรถก็จะบีบแตรตลอดเวลา เรียกว่าทำเอาคนไม่ชินอย่างพวกเราเวียนหัวเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวในตัวโฮจิมินทน์ก็ไม่มีอะไรมาก ซึ่งพวกเราก็เดินเที่ยวได้เกือบหมดในเวลา 3 ชั่วโมง เริ่มจาก จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue) โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)
ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ (Main Post Office)
พวกเราเที่ยวได้เท่านี้ก็หมดเวลา เพราะว่าต้องกลับไปขึ้นรถให้ทันตอน 17.00น. ที่เวียดนามสิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ ร้านกาแฟ มีให้เลือกเยอะมาก แต่ละร้านก็บรรยากาศดี พวกเราไปเจออยู่ร้านหนึ่ง ระหว่างทางจากจัตตุรัสไปโบสถ์ ตกแต่งร้านได้น่ารักมากจึงเข้าไปใช้บริการซักหน่อย
ขากลับพวกเราเลือกนั่งแท็กซี่ เพราะกลัวไปไม่ทัน+ร้อนและเหนื่อยมาก กลับไปที่เราฝากสัมภาระก็ล้างเนื้อล้างตัว เสร็จพอดีกับที่รถมารับไปขึ้นรถทัวร์ การเดินทางที่เวียดนามถือว่าสะดวกสะบายเป็นอย่างยิ่งถ้าเทียบกับบ้านเรา รถทัวร์แบบ Sleeping Bus ดีกว่า VIP บ้านเราเยอะ แถมราคาก็ถูกกว่า การบริการดี เรียกว่าไม่ผิดหวังเลยกับการจ่ายค่าตั๋วเดินทาง เบาะที่นั่งแยกเป็นเบาะเดี๋ยว มีที่เก็บของส่วนตัว และก่อนขึ้นรถนั้น เค้าจะให้เราถอดรองเท้าทุกคน มีถุงใส่รองเท้าให้เวลารถจอดพักระหว่างทางก็จะมีรองเท้าแตะให้บริการใส่ลงจากรถ เรียกว่าคุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ พวกเราได้นั่งชั้นบน อาจจะเวียนหัวไปนิดแต่ก็ถือว่าสบาย 
จากโฮจิมินทน์ไปดาลัด ใช้เวลาทั้งสิ้น 6-7 ชั่วโมง ระหว่างทางก็หลับกันมาเกือบตลอดทาง กว่าจะถึงดาลัดก็ 5ทุ่มกว่า พวกเราก็ต่อรถแท็กซี่ไปยังที่พักที่พวกเราเลือกคือ Phuong Hanh Hotel ราคาที่พักก็ตกคืนละ 30$ ต่อ 5 คน โดยเราได้ห้องที่มี 2 เตียงใหญ่ กับ 1 เตียงเล็ก เรียกว่าพอใช้ได้ ไปถึงพอเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ท้องก็เริ่มครวญคราง เลยตัดสินใจเดินออกมาหาอะไรกินกัน แต่เนื่องจากว่ามันดึกแล้วทั้งตลาดและร้านค้าก็ปิดหมด เหลือเพียงร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกับที่พัก เหมือนจะเป็นซีฟู้ดก็ไม่อยากกิน เลยเดินขึ้นมาทางไปตลาด ประมาณแยกที่ 2 เราก็เห็นคุณป้าเค้าขายเหมือนจะเป็นนมถั่วเหลืองกับไข่กะทะ เลยตกลงเลือกร้านนี้กัน เป็นร้านข้างทางธรรมดาแต่รสชาติถูกปากมากมาย โดยเฉพาะไข่กะทะที่พวกเราสั่งกันคนละ 2-3 ชุด ราคาตกชุดละประมาณ 20 บาท กับนมถั่วเหลืองอุ่นๆที่ยังมีกากใยผสมอยู่ สำหรับอากาศหนาวๆเช่นนี้ถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศเลยก็ว่าได้
น้ำเต้าหู้ กับ ไข่กะทะ
วันที่ 2 : ดาลัด ปารีสตะวันออก นครแห่งดอกไม้ วันที่ 2 ของการเดินทางพวกเราอยู่ที่ดาลัด และตกลงกันว่าจะเช้ามอเตอร์ไซด์ขี่เที่ยวกันเอง โดยเช่ารถจากที่พัก (ประมาณ 150บาท/วัน) ถนนหนทางที่นี่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย จะมีก็แต่วงเวียนเยอะมาก เพราะที่นี่เค้าไม่ได้ใช้สัญญาณไฟจราจร แต่จะใช้วนรอบวงเวียนแทน บางครั้งก็ชุลมุนวุ่นวายเหมือนกัน การขี่รถเที่ยวเองให้บรรยากาศที่ดีมาก แต่สิ่งที่ควรต้องเตรียมตัวคือ การทำความเข้าใจกับแผนที่ และวางแผนการเที่ยวไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะไปที่ไหนบ้าง เพราะพวกเรามีปัญหากันพอสมควรกับเรื่องแผนที่ อีกอย่างคือ ป้ายบอกเส้นทางตลอดจนบอกจุดต่างๆ แทบไม่มีภาษาอังกฤษเลย เล่นเอาโมโหไปหลายรอบ เพราะหลงทางตลอด ขนาดว่าจอดถามทางยังหลงเลย เพราะเราอ่านป้ายไม่ออกว่ามันบอกว่าอย่างไร สุดท้ายพวกเราเลยเหมือนไปขับรถเล่น ชมวิว ได้เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแค่ไม่กี่ที่ รู้สึกเสียดายจริงๆ แต่มันก็ทำให้เราตั้งใจว่าต้องกลับไปแก้ตัวให้ได้ คราวนี้แหละรับรองไม่พลาด ^^ ช่วงกลางวันอากาศก็ไม่ร้อนมาก แต่สิ่งที่ควรมีหากต้องการขี่รถเที่ยวเองก็๋คือ เสื้อคลุมกับหน้ากากกันฝุ่น เพราะฝุ่นระหว่างทางเยอะมาก พวกเราไม่ได้เตรียมไปเลยต้องใช้ผ้าพันคอมาปิดแทน 
ทะเลสาปกลางเมือง
มื้อเช้าเลือกร้านนี้อยู่ใกล้กับที่พัก เติมพลังตอนเช้า แวะซื้อแผนที่จากร้านหนังสือ พร้อมกับขอคำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจากเจ้าของร้าน
แก๊งค์เด็กแว้นซ์ เป็นร้านกาแฟที่บรรยากาศดีมาก อยู่ใกล้กับทางขึ้น Cable Car และสถานีขนส่งของดาลัด
สถานีขนส่งจากมุมร้านกาแฟ
มาทั้งทีต้องมาให้ถึง ต้องลองกาแฟชะมด หลวงจีนน้อย ณ วัดจีน
นั่งรถม้ารอบทะเลสาป ชมวิวทะเลสาปกลางเมือง
มื้อเย็นฝากท้องที่ จะ ดาลัด จะ ดาลัด เป็นตลาดกลางเมือง ช่วงค่ำส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวหรือคนในพื้นที่จะนิยมมารวมตัวกันที่ตลาดแห่งนี้ เนื่องจากมีสินค้ามาวางขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ท้องถิ่น หรือของฝากต่างๆ และยังมีอาหารให้เลือกทานอยู่มาก ราคาก็อยู่ในระดับปานกลาง การเดินทางมาตลาด เราสามารถเดินจากที่พักมาได้เลย เพราะระยะทางไม่ไกลมาก อาหารยอดฮิต (ต้มไก่) เฝอไก่ เมนูต้องลอง อีกเมนูที่มาแล้วต้องลองคือพวกอาหารทะเลที่จะมีวางขายอยู่มากในตลาด โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นผัดกระเทียม หรือว่าเป็นลวก เป็นเผา จะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเฉพาะของที่นี่ ซึ่งรสชาติก็อร่อยดีไปอีกแบบ ราคาก็อยู่ประมาณจานละ 60-80 บาท อันนี้พวกเราบังเอิญเดินมาเจอพี่เค้าขายอยู่ตรงกลางวงเวียน เห็นคนเยอะเลยอยากลองดู ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง มันคือ เต้าฮวยร้อน น้ำขิงเค้ารสชาติดีมาก ไม่หวาน ไม่เผ็ดจนเกินไป เหมาะกับทานตอนอากาศเย็นๆแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง คิดเป็นเงินไทยถ้วยละไม่ถึง 10 บาท
วันที่ 3 วันนี้เรามีเวลาถึง 10.30 ในดาลัด เพราะตั๋วที่ซื้อกลับโฮจิมินทน์นั่นได้รถเที่ยว 11.00 เลือกนัดให้แท็กซี่มารับที่โรงแรมแต่เช้าไป Cable Car เนื่องจากว่าเมื่อวานไปแล้วตอนเที่ยง ติดเจ้าหน้าที่พัก 1 ชั่วโมงเค้าไม่เปิดให้บริการ ส่วนตอนเย็นก็หลงทางจนค่ำซะก่อนไปไม่ทัน ดังนั้นหากใครจะไปเที่ยวที่ Cable Car ก็อย่าไปตรงกับตอนเที่ยงนะคะ แล้วก็ต้องไปก่อน 17.00 น. ด้วยความไม่รู้ของพวกเรา ตอนซื้อตั๋วจึงซื้อแบบเที่ยวเดียว คิดว่าไปหารถกลับมาน่าจะไวกว่า แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วมันเป็นการยากมากเลยแถมแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารก็จะให้เหมาอย่างเดียว กว่าจะหารถได้ก็แทบแย่ ดังนั้น ถ้าไม่ติดอะไรก็ซื้อตั๋ว Cable Car แบบไป-กลับดีกว่านะคะ ค่าตั๋วก็อยู่ประมาณ 140บาท/คน ระหว่างรอขึ้น Cable Car วิวจากด้านบน
ขากลับเราให้แท็กซี่จอดส่งที่ทะเลสาปกลางเมือง ลงรถปุ๊บก็หาเสบียงกันเลย ได้บั่นหมี่มากินกันรองท้อง (ชิ้นละ 20 บาท) จากนั้นก็เดินข้ามฟากไปที่ จะ ดาลัด เพื่อหาอะไรทานกัน ร้านเฝอในตลาด ซึ่งร้านนี้รสชาติน้ำซุปมันแปลกๆอยู่ พวกเรายังกลับมาคุยกันอยู่เลยว่ามันคือ เฝอ อะไร??? ทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางก็ซื้อของฝาก+เก็บภาพไปเรื่อยเปื่อย ^ ^ ใครมาดาลัดสิ่งที่ควรจะต้องลองและซื้อเป็นของฝากก็คือ กาแฟ กับ ไวน์ เพราะที่นี่ 2 อย่างนี้เค้าขึ้นชื่อมาก ไม่งั้นเรียกว่ามาไม่ถึงดาลัดนะคะ
หลังจากเก็บของเรียบร้อยรถก็มารับพวกเราไปสถานีขนส่ง ซึ่งที่นี่เค้าดีอย่างคือ จะมีรถของบริษัทที่เราซื้อตั๋วมารับจากที่พักไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งเลย โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม และไม่ต้องเหมาแท็กซี่ไป ขากลับพวกเราก็ซื้อแบบ Sleeping Bus เหมือนเดิมแต่คราวนี้จองเป็นด้านล่างค่อยสบายหน่อย ติดตรงที่ขากลับเป็นช่วงเวลากลางวัน รถไม่สามารถวิ่งทำความเร็วได้จึงใช้เวลานานกว่าขามาค่อนข้างเยอะ ระหว่างทางก็ไม่จอดให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ จึงมีผู้โดยสารบางคนทนไม่ได้ต้องเอาถุงหูหิ้วมาปลดทุกข์เบา และมัดไว้ที่เสาข้างตัวกันเลยทีเดียว 555 กว่าจะกลับไปถึงโฮจิมินทน์ก็เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว พวกเราก็ไปเดินหาที่พักกัน สุดท้ายก็ได้เป็นเกสเฮ้าท์ราคาไม่แพงมาก ห้องนึงอยู่ได้หมดเลย 5 คนชื่อว่า Diep ANH อยู่ในซอยเล็กๆ เลยร้านขายขนมชื่อ ABC ไปนิดนึง Ho Chi Minh ยามค่ำคืน การจราจรใน Ho Chi Minh Night Life in Ho Chi Minh
Phi สาวเวียดนาม เพื่อนใหม่ที่พวกเราได้รู้จักที่นั่น ตอนไปซื้อโปสการ์ด เป็นคนน่ารักมาก อัํธยาศัยดี ซึ่งตอนนั้นเค้ามาทำงาน Part time ที่ร้านขายของฝาก หลังจากเลิกงานแล้วพวกเราก็ไปนั่งดื่มอะไรเบาๆ แลกเปลี่ยนความคิด และมุมมอง รวมถึงถามข้อสงสัยต่างๆที่พวกเรามีกับเวียดนาม ฉลองส่งท้ายทริป วันที่ 4 : บะบายโฮจิมินทน์ วันสุดท้ายของทริปพวกเราตื่นมาแต่เช้าเหมือนเดิม ออกไปหาอะไรทานใกล้ๆกับที่พัก เพราะต้องรีบไปขึ้นเครื่องตอน 8โมงเช้า คุณป้าเจ้าของที่พักก็น่ารักมาก แนะนำร้านเบเกอรี่ให้กับพวกเรา ก็คือ ร้าน ABC เบเกอรี่อร่อยมาก แถมราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย ประมาณ 7.30น. รถแท็กซี่ก็มารับพวกเราไปสนามบิน เสียค่ารถประมาณ 300 บาท(เหมือนจะแพงเลย) เป็นอันจบทริปเวียดนามใต้ครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน เพราะยังมีอะไรค้างคาใจอีกเยอะ โดยเฉพาะที่ดาลัดแทบไม่ได้เที่ยวอะไรเลย มัวแต่หลงทาง จึ่งตั้งใจเลยว่าจะกลับไปอีกแน่นอน คราวนี่้จะทำการบ้านก่อนไปเป็นอย่างดี อิอิอิ ภายในร้าน ABC เบเกอรี่ร้าน ABC
บะบาย Ho Chi Minh City แม่น้ำไซ่ง่อนจากบนฟ้า
Create Date : 28 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 29 สิงหาคม 2556 17:48:09 น. |
|
8 comments
|
Counter : 6801 Pageviews. |
 |
|