|
||||
โหด มัน ฮา งูๆปลาๆ กับญี่ปุ่นครั้งแรก #2 " วันที่ 3 " วันนี้เป็นวันที่แสนดี ฝนไม่ตกละจ้า มันเริศจริงๆ ลุยฝนกันมาสองวัน เปียกปอนเท้าเหม็นจนไม่ไหวละ วันนี้หละ ถึงทีฉันบ้างงงงงงงงง ง ง ง ง ง ง ง
ช่วงเช้าวันนี้ อาจารย์นัดเรากันที่ 2k540 วันนี้เดินทางได้ลื่นไหลกว่าวันก่อนๆมาก เริ่มซื้อตั๋วรถไฟและดูแผนที่เส้นทางรถไฟเป็นละ แต่เดี๋ยวก่อน .... นั่งรถไฟมาได้สักพักนึงรถไฟที่เรานั่งก็หยุดที่สถานีนึง ( จำไม่ได้ว่าสถานีอะไร ) แล้วก็ไม่ไปต่อ ตอนแรกคนที่อยู่ในรถไฟกับเราก็ยืนรอในรถอยู่สักพักก็มีเสียงประกาศอะไรสักอย่าง ซึ่งเราไม่รู้เรื่องเลย =_= แล้วหลังจากนั้น คนก็ค่อยๆเดินออกไป ออกไป ออกไป ขึ้นรถไฟฝั่งตรงข้ามกัน แต่ก็ยังพอมีบางส่วนที่นั่งรออยู่ในรถไฟเหมือนเราด้วยความไม่รู้เรื่อง เราจึงนั่งรอกันต่อไป จนเวลาผ่านไปสัก 10 นาที คนก็เริ่มออกจากรถไฟกันหมด และผู้หญิงคนข้างๆ ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยหันมาบอกพวกเราว่าต้องออกไปเปลี่ยนขึ้นรถไฟอีกฝั่ง เพราะมีคนกระโดดรถไฟฆ่าตัวตายทำให้รถไฟสายนี้วิ่งต่อไปไม่ได้ o.O !!!!! เอ่อ ออ อ อ อ อ..............
ผ่านเรื่องระทึกจนไปถึงที่หมาย
จากนั้นช่วงบ่าย เราก็ไปตะลุยกันต่อที่ Shibuya ![]() วันนี้เดินช็อปกันอย่างเมามัน อย่างว่าแหละ เรามากันเองแบบชิวๆ เมื่อยไหน กินนั่น วันนี้อยากไปแค่ไหนก็ไปแค่นั้น เอาที่เราสะดวกและสบายใจ มันสุดตรงนี้แหละ ![]() วันนี้เดินกันเมามันมาก นั่งรถไฟกลับโรงแรมจบด้วยการนั่งพักโดยไม่แคร์สายตาคนขึ้นรถไฟที่สถานี ก็เค้าเมื่อยนี่หน่า คืนนี้กลับไปพักแช่น้ำจากนั้นนอนหลับเป็นตายข่าาาาาา " วันที่ 4 " วันนี้จากที่เราวางแผนกันไว้ ว่าจะอยู่และไปเที่ยวต่อกันที่อาซากุสะ ก็เก็บกระเป๋าเดินทาง มุ่งหน้าสู่ อาซากุสะกันเลยจ้า ![]() อย่างที่บอกว่า เราเริ่มชินและเข้าใจกับการซื้อตั๋วและดูแผนที่กันแล้ว การเดินทางจากโตเกียวมาอาซากุสะวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เอาจริงๆนะ เราว่าถึงเราจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราพยายาม พูดญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ศึกษาคู่มือไกด์เอาภาษาไทยมีขายเยอะแยะไป ถ้าลองศึกษามาก่อน ให้พอรู้บ้าง บวกกับถามเค้าบ้างบอกเลยว่าคิดจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ใช่ เรื่องยากเลย ยิ่งมีเพื่อนมาด้วยอย่างนี้หละก็ยิ่งไม่ต้องกลัวใหญ่ ไปไหนไปกัน ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เดินทางด้วยตัวเองบ้าง หลงบ้างถามบ้าง คนญี่ปุ่นถ้าเค้าช่วยได้ เค้าช่วยตลอดบอกเลย มีครั้งนึงจำไม่ได้ละว่าวันไหน เราเดินหาทางขึ้นไปสถานีไม่ถูก ก็มีแม่ลูกญี่ปุ่นคู่นึงเดินเข้ามาหาพวกเรา เพราะคงเห็นว่าเรา งงๆ กับทางกันอยู่ลูกสาวเค้าอายุน่าจะประมาณ ม.ต้น ได้ พูดภาษาอังกฤษพอได้คู่แม่ลูกชาวญี่ปุ่นก็เลยเดินนำพวกเราไปส่งถึงที่เลย >.< ขอบคุณกันยกใหญ่ น่ารักที่สุด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ![]() วันนี้เราอยู่เดินเที่ยวกันที่อาซากุสะทั้งวัน คือเดินทั้งโซนนี้ก็คงไม่เบื่อจริงๆ เดินไปทางนี้ทะลุไปนู้น เดินไปเดินมาอีกทีก็มึดซะแล้ว![]() " วันที่ 5" วันสุดท้ายก่อนกลับ วันนี้เป็นวันช็อปปิ้งส่งท้ายของวันเราเลยคุยกันว่าอยากไปช็อปปิ้งกันที่ย่าน โอเอนจิ และร้านที่เราตั้งเป้าหมายไว้คือ Mode Off (ร้านที่ไม่ว่าหนังสือเล่มไหนก็แนะนำ) ![]() ด้วยความมั่นอกมั่นใจในการนั่งรถไฟของพวกเราวันนี้จึงเดินทางออกจากโณงแรม ด้วยความมั่นอกมั่นใจ แต่......... สุดท้าย 5555 ![]() เนื่องจากที่ที่เราจะไปนั้นอยู่ไกลและต้องนั่งรถไฟออกไปอีกฝาก ครั้งนี้เลยต้องมีการเปลี่ยนสายรถไฟด้วยและด้วยรถไฟแต่ละสาย บางทีไม่ใช่รถไฟมาแล้วเราจะขึ้นเที่ยวนั้นได้เลยแต่เราจะต้องคอยสังเกตเวลาที่เราซื้อตั๋วด้วย ว่าเที่ยวของเรานั้น รถไฟมาเวลาไหน แล้วคค่อยขึ้นไป เพราะไม่อย่างนั้น จะเหมือนกับพวกเราครั้งนี้ 555 นั่งไปนานมาก กก กก ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ และก็ไม่ถึงสถานีที่เราจะไปสักที นั่งไป เริ่มนานไป นานไป จนฟังชื่อสถานีละมันเลยมาหลายสถานีแล้วนี่หน่า แต่ทำไมไม่ได้ยินชื่อสถานีที่เราจะลงเลยด้วยความรู้ตัวว่าเลยแล้วแน่ๆ เลยยิ้ม และหันไปหาพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆว่าเราต้องการลงสถานีนี้ เลยแล้วใช่ไหมคะ โชคดีที่พี่ผู้หญิงช่วยเราได้ เย้!!!! เค้าบอกว่า เลยมาแล้วเราต้องลงสถานีหน้าและนั่งย้อนกลับไป เพราะขบวนที่เรานั่งมาเป็นแบบเร่งด่วนอะไรทำนองนี้แปลไม่ถูก แบบ จะจอดเฉพาะสถานีหลักเท่านั้น และโชคดีที่พี่ผู้หญิงคนนั้น ลงสถานีหน้าพอดีเค้าจึงเดินพาเราไปส่ง ให้ขึ้นรถไฟกลับ และบอกว่าเราต้องขึ้นรอบไหน ^^
และแล้วก็มาถึงซะที ![]() มาถึงปุ๊ปก็ถามทางและมุ่งหน้าสู่ร้าน Mode Offตามที่ตั้งใจไว้
คือร้าน Mode off ที่สวรรคนักช็อปมากๆค่ะ ของมือสองที่นี่เริศเลอ ล้ำค่ามากอะแก บอกเลยบางตัวมือหนึ่งนั้นก็มีนะ ถ้าหาดีๆ ของมือสองก็สภาพแบบ ดีเว่อมาก บรรยายไม่ถูกคือลายหูลายตาไปหมด ถึงขนาดลืมถ่ายรูปร้านมาฝากกันเลย >.<
เสร็จจากช็อปของมือสองตรงนี้ กินซูชิสายพานเสร็จ เราก็นั่งรถไฟ กลับเข้าไป ฮาราจุกุกันอีกรอบ เพราะเพื่อนๆ อยากจะช็อปกันส่งท้ายย ย ย ยย ย เดินช็อปกันที่ฮาราจุกุได้จนบ่ายสามด้วยความที่หลายๆคนยังอยากได้ของที่ตัวเอง ตั้งใจจะซื้อกลับกันอยู่ เราเลยตกลงที่จะแยกย้ายกันเดินแล้วไปเจอกันที่โรงแรมเลยทีเดียว ก็พอนั่งรถไฟกันได้หมดแล้ว จึงแบ่งกันเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มนึงเดินช็อปต่อที่ฮาราจุกุอีกกลุ่มขอกลับไปซื้อของที่อาซากุสะ และส่วนของเรา ขอกลับไปที่ 247 อีกครั้งเพราะตอนนั้นดูกระเป๋าตังให้ป๊าไว้ พอเดินกลับไปซื้อเสร็จ ด้วยอากาศกำลังดี ลมเย็นสบายเราเลยตัดสินใจที่จะเดินจากตรงนี้ เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเมื่อย ค่อยขึ้นรถไฟกลับแต่ที่ไหนได้ เดินไปเดินมา เดินไปสักพัก เจอของดีซะงั้น จากตรง ..... เราเดินตามถนนข้างล่างเรียบทางรถไฟไปเรื่อยๆจนไปเจอย่านที่เค้าขายพวก รองเท้า ชุดกีฬาเยอะๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเรียกว่าย่านอะไร(ใครพอรู้บอกทีนะค่ะ อยากไปอีกเหมือนกัน ) เป็นตลาดสองข้างทางเรียบทางรถไฟเป็นแผงคล้ายๆจตุจักรบ้านเราเลย ราคาก็ถูกมาก ก ก ก ก ก ก ก ถูกจนน่าตกใจ !!! ผู้ชายหลุดไป คือสวรรคแหละค่ะ กว่าจะรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดซะแล้ว พอเดินต่อจากตลาดพวกของกีฬามาหน่อย ก็เจอเป็นตลาดปลา ของกินเยอะมากก กกกก เหมือนเป็นตลาดปลาและขายอาหารหน้าร้านเลย เราฝากท้องกันที่นี่ และเดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอเป็นตึกที่ขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ตอนนั้นเหมือนร้านค้าข้างทางเริ่มวายกันหมดแล้ว เพราะจากเวลาตอนที่เราเดินไปจนถึงจุดนั้นก็สามทุ่มได้แล้ว อากาศเริ่มหนาวลงเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงสถานี อูเอโนะซะงั้น !!!! 555 คือจากที่เราซื้อของให้ป๊า จนเดินกลับมาถึงอูเอโนะก็สามสี่สถานีแหละ ถึงว่า มารู้ตัวอีกทีก็ปวดขาซะแล้ว อิอิ
เรานั่งรถไฟจากอูเอโนะต่อไปที่อาซากุสะ และเดินกลับโรงแรมด้วยความอ่อนล้า แต่คุ้มค่า :D วันนี้มันคุ้มค่าจริงๆ ไปนู้น โผล่นั้น กลับมานี่เดินได้เป็นกิโลๆ คือไกลมาก คืนนี้จบลงหัวถึงหมอน กลับสนิท วันรุ่งขึ้นแพ็คของกลับละจ้า
ตื่นเช้ามา เดินทางกลับจากสนามบินนาริตะถึงสุวรรณภูมิประมาณห้าโมงเย็น ทริปนี้สนุกมากๆ สะพายเป้ ลากกระเป๋าขึ้นลงรถไฟกันอย่างทุลักทุเล เดินลุยฝน ถูกบ้าง หลงบ้าง เหนื่อยก็พักถือเป็นประสบการณ์ต่างถิ่น ที่สนุกและมันมากๆทริปนึง ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันมาจนจบนะค่ะ เขียนผิดๆถูกๆบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ พบกันใหม่ทริปหน้า เร็วๆนี้นะค่ะ ^^
|
maybedong
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |