Jiro Wang : Van Gogh & Me [ตอนที่ 2] วาดภาพด้วยหัวใจ
Jiro Wang : Van Gogh & Me [ตอนที่ 2] วาดภาพด้วยหัวใจ
Translated from : 梵谷與我:汪東城的字‧畫‧像╱擁有一顆畫家之心 Thai Translation by LaRieN @ Bloggang.com
ดอกทานตะวันมอบความฝันที่อยากจะเป็นจิตรกรให้แก่ผม
ตั้งแต่เด็ก ผมก็ชอบวาดรูปแล้วล่ะ ถึงขนาดเคยคิดว่าถ้าโตขึ้นผมจะเป็นจิตรกรครับ เป็นจิตรกรที่สามารถวาดรูปดอกทานตะวันให้มีชีวิตชีวาแบบนั้นได้
ผมเอง ก็ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในการวาดรูปหรอกครับ แต่ว่าผมชอบวาดรูปมากๆตั้งแต่เด็ก ถ้าหากไม่มีอะไรทำผมก็เอาปากกากับกระดาษออกมาวาดรูปเล่น สนุกสุดๆเลยล่ะ วิชาศิลปะที่โรงเรียนเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุดและก็ตั้งใจเรียนที่สุด เมื่อเทียบกับเพื่อนๆร่วมชั้น ผมวาดได้ดีเลยทีเดียวล่ะ สีที่ใช้ก็โดดเด่น รูปที่วาดก็ดูเหมือนจริง จนหลายๆครั้งที่ผมได้รับคำชมจากเพื่อนๆรวมทั้งอาจารย์ และเมื่อรู้สึกว่าผมประสบความสำเร็จมากจากการวาดรูป เลยยิ่งทำให้ผมรักการวาดรูปมากขึ้น
และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ แม่ของผมเองก็ชอบผลงานของผมมากเสียด้วยสิ สมัยก่อนบ้านที่พวกเราอยู่จะมีระเบียงทางเดินรวมอยู่ด้านนอก แม่ก็จะวางโต๊ะเล็กๆเอาไว้ตัวนึง แล้วแม่ก็จะเอารูปของผมบางรูปออกมาวางบนโต๊ะ อย่างกับงานนิทรรศการขนาดย่อมๆเลยล่ะ พอเพื่อนบ้านเดินผ่านมาเห็นเข้าก็จะไปคุยกับแม่ผม : "นี่ลูกชายคุณวาดเหรอคะ วาดสวยจริงๆเลย" พูดจนแม่ผมหน้าบานด้วยความภูมิใจ ผมก็เลยมีความสุขไปด้วย รู้สึกว่าการวาดรูปช่างเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ
ที่ผมฝันอยากจะเป็นจิตรกรจริงๆนั้น สาเหตุก็มาจากดอกทานตะวันครับ ตอนเด็กๆผมรู้สึกชอบดอกทานตะวันเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะว่าหลังจากผมได้รู้ที่มาของชื่อดอกไม้ชนิดนี้แล้ว ผมก็ชอบมันมากขึ้นๆ นึกถึงครั้งแรกที่ผมได้เห็นดอกทานตะวัน ผมก็ถูกสีเหลืองทองที่สวยงามของเธอดึงดูดเข้าให้เสียแล้ว ถามเพื่อนว่า "ทำไมมันถึงชื่อดอกทานตะวันล่ะ" เพื่อนบอกผมว่า "ก็เพราะว่ามันจะหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ตลอดน่ะสิ" "จริงๆนะ" นั่นทำให้เด็กชายตัวน้อยๆ รู้สึกประทับใจขึ้นมาทันทีเลยล่ะ ถึงแม้ว่าผมเองจะยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไรก็เถอะนะ
ส่วนที่ผมชอบ แวน โก๊ะ มันเป็นเรื่องหลังจากนั้นอีก ตอนที่ผมเรียนประมาณมัธยมต้น มีเพื่อนของพ่อคนหนึ่งส่งโปสการ์ดมาจากเนเธอร์แลนด์ บนโปสการ์ดนั้นเป็นรูปวาดดอกทานตะวันสีเหลืองทองในแจกัน พอผมได้เห็นเท่านั้นก็รู้สึกราวกับสายตาได้ถูกตรึงเอาไว้ ในใจก็คิด "ทำไมถึงวาดได้มีชีวิตชีวาขนาดนี้นะ?" พอดูคำบรรยายข้างๆรูป ที่แท้เป็นผลงานของจิตรกรที่ชื่อว่า "แวน โก๊ะ" นี่เอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็เลยนับถืออาจารย์แวนโก๊ะอย่างมากครับ การที่สามารถวาดดอกไม้ดอกหนึ่งให้มีชีวิตได้ ช่างเป็นเรื่องที่อัศจรรย์จริงๆ หลังจากนั้นผมก็ยิ่งมุ่งมั่นที่จะเดินบนถนนแห่งการวาดรูป จนตอนหลังได้ไปสอบเข้าโรงเรียนศิลปะฟู่ซิงก็เพื่อความฝันที่จะเป็นจิตรกร
ตั้งแต่เด็กผมก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเรียนวาดรูป แล้วก็ยังตั้งใจที่จะเจริญรอยตามแวน โก๊ะอีกด้วย ในการเดินทางครั้งนี้ เมื่อผมได้มาเห็นผลงานของแวน โก๊ะจริงๆเป็นครั้งแรกที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแวนโก๊ะ กรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อได้อยู่ใกล้ๆรูปวาดเหล่านี้ ผมรู้สึกพอใจมากครับจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ เหมือนกับว่าผมได้เข้าใกล้แวน โก๊ะ มากขึ้นอีกหน่อยล่ะ ตลอดชีวิตของแวน โก๊ะนั้นต้องร่อนเรพเนจรไปเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเป็นจิตรกรนั้นได้เคยลองมาแล้วหลายอาชีพ แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคล้ายกับประสบการณ์ของผมก่อนที่จะเป็นฟาเรนไฮต์ ต้องล้มลุกคลุกคลานไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างนี้ แต่ว่าแวน โก๊ะกลับต้องตายเสียก่อนจึงจะเป็นที่รู้จักของผู้คน ก่อนตายเขาคงจะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จเลยซักอย่างแน่เลย ส่วนผมโชคดีมาก ที่อายุยังน้อยแท้ๆแต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมายขนาดนี้ คิดๆแล้วก็รู้สึกโชคดีจังเลย
เพราะแวน โก๊ะรู้สึกท้อแท้จึงได้หายเงียบไประยะหนึ่ง ตอนหลังได้กำลังใจจากครอบครัวจึงได้หันเข้าสู่ศาสนา คนที่ชอบสันโดษอย่างเขาจึงได้มีเส้นทางชีวิตใหม่ ไม่คิดว่าเลยเพราะบุคลิกที่สุดโต่งและต่อต้านสังคมจะทำให้เขาตัดสินใจที่จะบวชเป็นพระ แต่ก็ด้วยนิสัยและความคิดที่แปลกประหลาดของเขาเองที่ทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากโบสถ์ ถูกคนอื่นพูดจาบั่นทอนกำลังใจ เรื่องจริงก็คือ : เราไม่สามารถขอให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ใจเราหวังได้ บางครั้งก็เป็นปัจจัยจากตัวเราเอง บางครั้งก็เป็นปัจจัยจากภายนอกที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เหมือนกับที่เราจินตนาการไว้ หากว่าไม่สามารถปล่อยวางหรือเปลี่ยนมุมมองการคิดได้ เกรงว่ายิ่งนานก็ยิ่งไม่มีทางแก้ แต่กลับเป็นการขังตัวเองไว้ในหอคอยงาช้างแทน
เรื่องที่แวน โก๊ะไม่ได้เป็นพระ สำหรับแวน โก๊ะในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย แต่สำหรับพวกเรา การที่เขาไม่ได้เป็นพระ และหันเหความสนใจมาวาดรูป แล้วก็กลายเป็นจิตรกรที่มีผู้คนให้ความเคารพและชื่นชม เรื่องนี้ต้องเรียกว่า "โชคดีในความโชคร้าย" ครับ
แสงดาวที่สุกสว่างอยู่บนฟ้า
เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวของแวน โก๊ะ มากขึ้น ผมเลยตัดสินใจที่จะไปที่พิพิธภัณฑ์ Kroller-Muller ในเมือง Arnhem ได้ยินว่าที่นั่นมีผลงานของแวน โก๊ะ เป็นร้อยๆชิ้น ทำให้ผมอดใจไม่ไหวอยากจะไปดูเร็วๆซะแล้วสิ
พิพิธภัณฑ์ Kroller-Muller ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Hoge Veluwe ที่นี่เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอแลนด์ และยังเป็นที่เก็บรวบรวมผลงานทางศิลปะที่มีคุณค่าไว้มากมายด้วย คนเนเธอร์แลนด์นี่ช่างมีความสุขเสียจริง ได้ชื่นชมความงามของป่าและยังได้ชมผลงานศิลปะหลากหลายชนิดด้วย ถ้าได้มาอยู่แถวนี้ตอนบ่ายๆ รับรองว่าเรื่องที่ไม่สบายใจทั้งหลายจะต้องหายไปหมดอย่างแน่นอน
อุทยานแห่งชาติครอบคลุมเนื้อที่กว่า 5,000 ตารางวา (ประมาณเกือบๆ 20,000 ตร.ม.) ตอนแรกคิดว่าได้เห็นจุดหมายแล้ว แต่จริงๆแล้วต้องนั่งรถไปอีกตั้ง 10 กว่านาทีจึงจะถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ มองจากหน้าต่างรถบัสออกไปข้างนอกผ่านแสงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่อง ได้เห็นผืนป่าสีเขียวขจีลึกสุดลูกหูลูกตา ถ้าหลงป่าละก็ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะจริงๆแล้วไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าที่นี่ได้รวมรวบผลงานทางศิลปะของเนเธอร์แลนด์ไว้เกือบทั้งหมด รวมทั้งภาพวาดสีน้ำมัน เครื่องมือศิลปะสมัยใหม่ ประติมากรรม เป็นต้น รวมทั้งรูปวาดที่ทรงอิทธิพลของแวน โก๊ะในยุคหลังก็อยู่ที่นี่ด้วย พรสวรรค์ของศิลปินแต่ละสาขา วันนี้ต้องมาจัดแสดงร่วมกัน ประชันความงามกันในพิพิธภัณฑ์เล็กๆแห่งนี้
ภาพ The Cafe Terrace on the Place du Forum (ร้านกาแฟกลางแจ้ง) ที่แขวนอยู่ตรงกลางกำแพงของระเบียงสะดุดตาผมทันที รูปวาดนี้เป็นผลงานคลาสสิคชิ้นหนึ่งของแวน โก๊ะ สีเหลืองสดใสนั้นทำให้ผมหวนคิดถึงตอนเด็กๆ ที่ได้เห็นดอกทานตะวันบนโปสการ์ดใบนั้น เป็นความหลงใหลที่ไม่อาจต้านทานได้ ราวกับว่ามันเกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง หลายปีแล้วที่ได้เห็นโฆษณาชิ้นหนึ่งทางโทรทัศน์ เป็นภาพวาด De Sterrennacht (The Starry Night) ของแวน โก๊ะ มาพร้อมกับเพลงในชื่อเดียวกัน สร้างบรรยากาศแห่งความสุขได้อย่างมีสไตล์ ผมจำไม่ได้แล้วล่ะว่ามันโฆษณาอะไร แต่ว่าผมลืมความสวยงามของ The Starry Night ไม่ลง ก้อนเมฆถูกล้อมรอบไปด้วยแสงจากกลุ่มดวงดาว เหมือนอยู่ในจักรวาลน้อยๆ ดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าต่างก็แข่งกันอวดความงามของตัวเอง แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสมดุลได้อย่างน่าพิศวง ถึงจะใช้สีที่เข้มและเป็นมันวาวแต่กลับให้ความรู้สึกสดชื่น ผมลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นแวน โก๊ะในตอนที่วาดรูป เวลาที่ยืนอยู่บนที่สูงแล้วมองลงยังโลกนั้น นอกจากบ้านเรือนและทุ่งนาทั้งหลายแล้ว เขายังเห็นอะไรอีกบ้างนะ
เมื่อเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ พระอาทิตย์ตกดินสาดแสงลงบนตัวผมอย่างนุ่มนวล ป่าผสมไปด้วยกลิ่นของลมและใบไม้ ผมขี่จักรยานไปตามสายลม อยู่ๆความทรงจำสมัยเป็นนักเรียนก็ผุดขึ้นในใจผม ขี่จักรยานของวัยรุ่นกับเวลาที่วาดรูป ถึงแม้วันเวลาพวกนี้จะไม่ได้อยู่ห่างจากผมเท่าไรนัก แต่ว่าหลายปีมานี้ การเปลี่ยนแปลงความคิดในใจ ทำให้ผมกลายเป็นผู้ใหญ่จนลืมความเรียบง่ายและความสุขของวัยรุ่นไปอย่างรวดเร็ว ขี่จักรยานในผืนป่าที่อุทิศให้แวน โก๊ะถึงจะเป็นในชื่ออื่น ส่วนความฝันที่อยากจะเป็นจิตรกรของผมเหรอ ก็ถูกปลุกให้ตื่นอีกแล้วน่ะสิ
----------------
แปลเสร็จซักพักแล้ว แต่ไม่มีเวลามาแปะเลย ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยค่ะ
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2553 |
|
39 comments |
Last Update : 4 ธันวาคม 2553 17:09:55 น. |
Counter : 25922 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: po IP: 182.52.93.198 24 พฤศจิกายน 2553 21:34:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: minnie_RR IP: 124.122.83.126 27 พฤศจิกายน 2553 22:49:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 15 ธันวาคม 2553 0:07:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 15 ธันวาคม 2553 0:09:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 15 ธันวาคม 2553 0:24:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: zinepat 15 ธันวาคม 2553 1:23:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 15 ธันวาคม 2553 9:06:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิลเม 15 ธันวาคม 2553 9:33:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ter_pt 15 ธันวาคม 2553 9:59:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: สีฟ้าใส 15 ธันวาคม 2553 16:25:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: หน่อยอิง 15 ธันวาคม 2553 19:55:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: po IP: 125.24.90.206 15 ธันวาคม 2553 21:34:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 15 ธันวาคม 2553 23:05:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 20 ธันวาคม 2553 17:44:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอบรักต้าตง IP: 101.109.81.170 18 พฤศจิกายน 2554 11:15:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอบรักต้าตง IP: 223.204.74.129 4 มิถุนายน 2555 22:59:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: DavidZat IP: 188.40.113.83 13 ธันวาคม 2563 15:09:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: DaDwql IP: 136.243.138.66 13 ธันวาคม 2563 20:55:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: Kevinjoync IP: 37.139.53.22 20 สิงหาคม 2566 7:20:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แวะมาชื่นชมคนหนุ่มรูปหล่อหน่อยนะค่ะ..