วันที่ครูให้ออกมาเล่าประสบการณ์ชีวิต... พี่ไมเป็นเบอร์แรกที่ต้องออกไปหน้าชั้น “วันนี้ ผมจะมาเล่าเรื่อง คาถาปราบผีขี้โม้” เพื่อนๆ ยังคุยกันจอแจบ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนวารุฒก็ทำหน้าตาน่ารัก ปอยผมปรกห้อยลงมาที่แทนที่จะดูเก๋กลับดูอ่อนโยน “วันหนึ่ง ผมได้เดินไปพบกับเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้เขาบอกว่าเขาไปได้รับคาถาบทหนึ่งมา เขาลองสวด สามารถเรียกผีที่เร้นกายให้ออกมาได้ และสามารถใช้บทเดียวกันนี้ไล่มันไปก็ยังได้ ผมเลยไปลองอ่านคาถานี้บ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏอะไรออกมา” ทีนี้...เพื่อนๆ ต่างไหวกายกันจนเห็นได้ชัด วารุฒได้แต่ทำตาโตปฏิเสธเป็นพัลวัน “ไม่นะ ไม่นะ” มันเป็นเรื่องเล่าเปิดฉากที่เรียกเสียงฮากันทั้งห้อง ผมจำได้ว่าตัวเองหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่พี่ไมเล่าให้ฟังที่หลังห้องว่าฮาแล้ว พอได้เห็นวารุฒทำหน้าตาตื่น ยิ่งตลกเข้าไปกันใหญ่ สิ่งปฏิกูล...ทำให้ท่อ...อุดตัน ข้อความบางประโยคในหนังสือเรียน ส.ป.ช. ของพวกเรา... “ฉายาไรดีวะ” ‘เฉิน ฉันทพล’ ได้เขียนไว้ในประวัติของตนเองแล้ว เฉิน จี้เสี้ยน “พี่ไม ไฉไลไส้กรอกมั้ย” “ไม่เอา” ผมพยายามหาชื่อหล่อๆ ให้พี่ไมเพื่อประจบเอาใจ ตอนนั้นหลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ เราเดินจากโรงอาหารผ่านสนามเด็กเล่นไปยังอาคารเรียน “พงษา ดาราเด่น” “ไม่เอา” “พงษา มหาสมบัติ” “พงษา หล่อเกินหน้าใครๆ โว้ย” ว่าแล้วแกก็หัวเราะ “...” “ส่วนแก ไอ้คิ้ม ยุรยาตร อุจจาระราดใส่กางเกง” ผมแอบสบถด่าแกในใจ วันนั้น...เป็นคาบเรียนวิชาภาษาไทย ครูให้นั่งรวมกลุ่มกัน ให้แต่งประโยคตามกัน มันมีคำว่า “อุดตัน” อยู่ในโจทย์ด้วย พี่ไมก็แต่งว่า... ฉันเอามืออุดตันต้นไม้ ส่วนผม... ท่ออุดตันทำให้น้ำไม่ไหล พอครูเริ่มถาม คำว่าอุดตันกลับทำให้ทุกคนมองไปที่วารุฒ คิดว่าถ้าเขารู้ตัวเขาคงไม่ทำหน้าแปลกใจ โกรธ ระคนน่ารักเช่นนี้ พวกเราขำกันจนท้องแข็งแทบตาย มันไม่ใช่แต่งประโยคแล้ว วารุฒ อุดตัน มันฉายา (ขณะที่วารุฒกำลังจะบอกเพื่อนๆ ว่า “ตูไม่ใช่สิ่งปฏิกูลนะ” เสียงหัวเราะก็กลบหมดแล้ว) วันเวลาในโรงเรียนเป็นอีกแบบ พอหลังเลิกเรียนแล้วก็กลายมาเป็นอีกแบบ... แต่ละช่วงเวลาค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละเล็กละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว คนขายกุ้งตัวเล็กตัวเป็นๆ ไม่ได้แผ้วพานมาอีกเลย ส่วนพี่กรก็ยังปรากฏอยู่ในอีกหลายๆ ช่วงเวลา เพียงเปลี่ยนมุมของสถานที่บ้างก็เท่านั้น จะมีมาเพิ่มก็คงเป็นลูกชิ้นของ ‘ป้าเพ็ญ’ ที่แกพ่วงติดท้ายรถมาขาย น้ำจิ้มลูกชิ้นแกจะออกดำนิดๆ แต่ก็ออกรสหวานมากกว่าเผ็ด ลูกชายคนหนึ่งของแกชื่อ ‘พราว’ ชอบทำตัวกระตุ้งกระติ้งน่าแกล้ง ในความทรงจำผมมันน่าแกล้งแต่ตอนเด็กๆ พอโตแล้วแลโหด ผมไม่กล้าไปแหยม เท่าที่ผมพอจำได้ในช่วงนั้น... ยามอยู่โรงเรียนก็ฮิตห่อข้าวกันทั้งห้อง หน่อไม้คั่วไข่นี่เป็นเมนูกินตามกระแสของเด็กสมัยนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเอาหน่อไม้ชนิดไหนมาทำก็อร่อยทั้งนั้น เพื่อนๆ ผมชอบห่อข้าวเหนียวมากินกับไอ้หน่อไม้คั่วไข่นี่ ถ้าเป็นหน่อไม้คั่วไข่ของพี่ไมก็จะมีวุ้นเส้นเพิ่มรสสัมผัสเข้าไปด้วยบ้างในบางวัน ก็พี่ไมนี่แหละตัวนำเทรนด์หน่อคั่วไข่ และก็ตัวแกล้งผมชั้นดี ท้องฟ้าของกลางวันในยามนั้นช่างเฉิดฉาย ดวงตะวันทอแสงกลางฟ้าเหนือหมู่เมฆที่ดูเหมือนปุยนุ่นน่าสัมผัส พอคล้อยบ่ายตะวันอ่อนแสงลง มันก็เป็นกิจกรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างกันออกไปให้เราได้สัมผัส ตอนนั้นผมพอมีจักรยานไว้ขี่บ้างแล้ว พอเลิกเรียนน่าจะเป็นแม่ที่เอามาจอดไว้ให้ได้ใช้ ยังมุมหนึ่งใต้ต้นหูกวางอันแสนร่มรื่น ตะกร้าหน้าจะมีนมกล่องให้ผมกินแก้หิวหลังเลิกเรียนเสมอ กล่องยังจับไปด้วยละอองไอน้ำเพราะเคยผ่านการแช่เย็นมาก่อนหน้านี้ ผมควบจักรยานไปเรียนพิเศษต่อในที่ใกล้ๆ แม่เดินกลับบ้านที่อยู่ใกล้ๆ จะว่าไปมันก็ไม่ใช่การเรียนพิเศษอะไรที่เข้มข้นหนักหนา แต่มันสนุกที่ได้เจอรุ่นน้องต่างชั้น ได้พบอะไรใหม่ๆ นอกเหนือจากความจำเจที่เป็นอยู่ ที่นั่น...ก็เคยเป็นสถานที่ๆ รอยเท้าของผมเคยฝากอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้มันจะกลายเป็นอดีตอันไกลโพ้นแล้วก็ตาม ผมจำได้ว่าผมจะพยายามปั่นจักรยานขึ้นเนิน แล้วก็เลียบตามถนนไปยังที่เรียนพิเศษที่ไม่ไกลจากโรงเรียนภาวีนัก จอดที่รั้วกั้นบ้านพัก ข้างๆ มีลานกว้าง มีกอไผ่ นั่นเป็นสถานที่เรียนพิเศษ ผมไปนั่งทำการบ้านตรงโต๊ะยาวขัดมันใต้บ้านพักข้าราชการนั้นเสมอ สักพักพวกรุ่นน้องก็จะตามมาสมทบ ครูที่สอนแกก็สอนตามแต่รายบุคคล บางครั้งแกก็มีรายละเอียดเพิ่มเติ่มของการเรียนมาให้ฝึกให้ทำ แต่สำหรับผม ผมติดเล่นมากกว่า แต่ผมก็ทำการบ้านที่นั่นประจำ ก็ยังถือว่าไม่ได้ติดเล่นเสียจนเกินไป การที่เห็นรุ่นน้องเล่นกันให้เจียว มันไม่ได้รำคาญ มันเป็นเสียงยั่วเย้าที่ทำให้เราอยากก้าวขาออกไป ไป เพื่อไปเล่นบ้าๆ กับไอ้พวกนั้น กลุ่มสาวน้อยยืนตีแบดมินตันอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่ผมทำการบ้าน กั้นเพียงแค่ขอบรั้วไม้เล็กๆ ‘เก๋ เกวลิน’ พี่เก๋ที่ผมเคยเรียกและขอขนมจากเธอเป็นประจำตอนเรียนอนุบาลสอง เป็นว่าเธออ่อนกว่าผมหนึ่งปี ในทีมจะมี ‘ยุ้ย ยุพา’ สาวอีสานผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าคม ดูแกร่ง และใจดี และก็สาวเหนืออีกคนที่ทำให้จิตใจของผมระทวยแล้วระทวยเล่า ‘พอมแพม พรพริมา’ สาวน้อยผิวขาว ฟันกระต่าย ผมสั้นระต้นคอ น่ารัก บางครั้งผมก็รีบทำการบ้านแล้วไปตีแบดกับพวกเธอ ส่วนใหญ่ผมจะได้อยู่ทีมกับยุ้ยเสมอ ซึ่งจะว่าไปแล้วผมสบายใจที่ได้ร่วมทีมกับเธอคนนี้มากกว่าคนอื่น (ต่อให้ผมชอบพอมแพมก็ตาม) ในบางครั้งก็จะมีอะไรหลอนๆ ให้เห็นราวกับปีศาจที่โหยหวนมาจากขุมนรกอเวจี อย่างเช่นเรื่องของ ‘เคตุง อัดชีวา’ ชอบไปโหนต้นไม้ซะจนจะถอนรากถอนโคนเค้า (ต้นลำไยเค้า) ให้จงได้ กรี๊ดกร๊าด โหยไห้หวยหอน จนคนที่อยู่ใกล้สกิวกายของเสียงแทรกเข้าไปทุกอณูขุมขน ทำครูตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำรุ่นพี่รุ่นน้องตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะมีครั้งหนึ่งที่ผมเดินผ่านมันเงียบๆ ร่างหนาอ้วนยืนพิงประตู มันแว่วเสียงห่าเหวอะไรผมไม่ทราบได้ หรือมันหาข้ออ้างจะต่อยผม ผมก็ไม่ทราบ ผมโวยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หาว่าผมไปต่อว่ามัน กำปั้นลูกเท่าแอปเปิ้บฟูจิไซส์พิเศษประเคนเข้ากลางหลังอันบอบบางของผม แอ๊ก (เดียว) จุก (และจุกฉิบหาย) มันมีฉายาว่า “เคตุง อัสดง” สำหรับผมคิดว่านั่นคือบุญหัวของมันแล้ว ผมไม่น่าตั้งฉายาอันไพเราะนี้ให้มันเลย เวลามันลงไปเตะบอลอัดกำแพง อย่าไปอยู่ใกล้เชียว อย่างกะลูกปืนใหญ่ระเบิดลงที่ไหนสักแห่ง น้องๆ หลายคนบ่นสงสารลูกบอล เพราะมีเล่นกันที่เรียนพิเศษอยู่แค่ลูกเดียวแถมยังเก่ามากแล้วด้วย ผมไม่กล้าไปเล่นอะไรกับมันมาก เพียงมันวิ่งเหยาะๆ เข้ามา แหกปาก... “เข อัสดงมาแว้ววววค่า...” ทุกคนวิ่งหนีกันหมด สักพักมันจะเป็นเสียงอัดหนักๆ ราวกับระเบิด แต่ถ้าเผลอโชคร้ายโดนมันเตะใส่ อย่างที่ผมกับรุ่นน้องคนหนึ่งเจอ คือน้ำตาไหลพราก จุก พูดไม่ออก ราวกับอยู่ในห้วงฝันร้ายก็มิปาน ทุกครั้งที่ผมเห็นมันไปขึ้นต้นไม้ขย่มกิ่งก้าน (ที่แทบขุดรากถอนโคน) ผมภาวนาในใจเสมอ “หักเถิด หักเถิด” จนวันหนึ่ง... เคตุงก็ไปโยก ไปขย่มย่ำยี เสียจนต้นลำไยมันสั่นไปทั้งต้น กางแขนขา ร้องวู้ๆ ราวกับลิงคิงคอง น้ำหนักขนาดนั้นไม่วันใดก็วันหนึ่งมันต้องมีเรื่องแน่ๆ แล้ววันนั้น...มันก็มีเรื่องขึ้นมาจริงๆ ตุ๊บ! เสียงแน่นๆ ตกลงบนพื้นปฐพี คลุกฝุ่น หน้าเหยเก พอปัดแขนขาได้สักพัก เอาใหม่...ขึ้นไปร้องโหยหวนอีก (ฝันร้ายชัดๆ) หันกลับมาที่พอมแพม “ยืมจักรยานแป๊บ” ทำไมมันราวกับเสียงของมโหรีแห่งสวรรค์ คำพูดไม่กี่คำที่ทำให้ใจผมละลายและล่องลอย
Create Date : 27 พฤษภาคม 2566 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2566 9:41:03 น. |
|
2 comments
|
Counter : 298 Pageviews. |
 |
|
ช่วงหลังผมไมไ่ด้ค่อยได้เแนะนำหนังสือในบล็อกเลย
แต่มักจะนำไปลงทีเ่ฟซบุ๊กก่อนเสมอ
ในบล็อกยังคิวยาวมากครับ
เพราะผมทำต้นฉบับบล้อกล่วงหน้าเอาไว้เยอะเลย