พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เสน่หามายาใจ...นิยายในตำนาน






‘เสน่หามายาใจ’ นิยายในตำนาน





ไม่ได้มารีวิวนิยายแต่อย่างใด

เพราะนิยายที่ดิฉันกำลังจะพูดถึงคือนิยายที่ดิฉันเขียนเอง พูดยังไงก็ต้องอวยตัวเองอยู่ดี(555)

ปกติดิฉันเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกเมื่อมีเวลาว่างจากงานประจำและงานพิเศษประเภทรับจ้างทั่วไป

ตามประสามนุษย์เงินเดือนที่ต้องปากกัดตีนถีบ(ฟังดูรันทด -_-!)

สุดท้ายจึงไม่เหลือเวลาเขียนนิยาย T T(อ้าว...)

จนการดองนิยายกลายเป็นงานประจำ ^v^!


‘เสน่หามายาใจ’ เป็นนิยายเรื่องแรก

และยังคงเป็นเรื่องเดียวของดิฉันในตอนนี้ที่เคยได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่มไปเมื่อปี2554

และหมดสัญญาไปเมื่อปีที่แล้ว

ครั้นจะเก็บไว้ก็กระไรอยู่ไหนๆ ก็ไหนๆ 

ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิตที่ยาวเป็นหางว่าวกำลังรออยู่

T T 

เลยตัดสินใจเข็นนิยายในตำนานออกมาทำเป็นe-book ขาย ในเมื่อก็ไม่มีอะไรจะเสีย ^v^!


การทำอีบุ๊กเองเป็นเล่มแรกนับว่าเป็นเรื่องลำบากในชีวิต

สำหรับผู้หญิงที่ใช้โฟโต้ช็อปฝีมือขั้นเทพไม่ให้การเหลียวแลอย่างดิฉัน

แต่จะจ้างมืออาชีพทำก็งบน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด 

จึงคลำทางไปแบบงงๆทั้งปกทั้งจัดหน้า


ต้องขอบคุณบทความแนะนำการทำหนังสือ self publishing 

ของผู้เขียนนามปากกาHayashi Kisara 

ที่ทำให้ดิฉันอ่านไปทำไป คลำทางไปจนถึงจุดหมาย

สุดท้ายก็ได้ขึ้นเว็บขายสมใจอยาก (แต่จะขายได้เท่าไหร่นั่นอีกเรื่อง)


สำหรับดิฉันแล้ว ‘เสน่หามายาใจ’ คือนิยายในตำนานของตัวเอง

ที่มีที่มาที่ไปจากการบ่มเพาะแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยสมัยวัยรุ่น

เมื่อหยิบมาอ่านทีไรรู้สึกว่ามันมีมากกว่าคำว่านิยาย


ดิฉันเชื่อว่าผู้คนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นยุค 90ซึ่งเป็นยุคที่ดาราฮ่องกงเข้ามาโด่งดังในไทย 

และดิฉันก็เป็นหนึ่งใน ‘ติ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก’ กับเขาเหมือนกัน


ยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักสี่จตุรเทพฮ่องกง

อันประกอบด้วย หลิวเต๋อหัวหลีหมิง จางเสวียโหย่ว และกัวฟู่เฉิง

แต่ที่โดนใจดิฉันเข้าสุดๆก็คือ

หนุ่มน้อย(ในเวลานั้น)จากไต้หวันที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสร้างชื่อเสียงถึงฮ่องกง‘หลินจื้ออิ่ง’


หลินจื้ออิ่ง 1992


ในยุคนั้นการเรียนภาษาจีนยังไม่แพร่หลายอย่างปัจจุบัน

สถาบันสอนก็หาไม่ได้

อย่าว่าแต่ดิฉันก็เป็นเด็กต่างจังหวัด

ซึ่งที่นั่นก็มีแต่โรงเรียนสมาคมจีนที่มีเหล่าอากงอาม่าไปนั่งเรียนกันอย่างคับคั่ง

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่าตอนนั้นที่บ้านดิฉันไม่สนับสนุนให้เรียนภาษาจีน

ทั้งที่เราก็มีเชื้อจีน...


แต่เดี๋ยวก่อน!....

คนมันคลั่งจนแทบจะดิ้นตายยังไงก็ต้องเรียนให้ได้

(โชคดีที่รอดจากการถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า

หรือไม่ก็ส่งไปวัดถ้ำกระบอกเพื่อให้เลิกเสพสื่อฮ่องกงซะที)

ดิฉันเลยไปซื้อหนังสือเรียนภาษาจีนมาเรียนเอง 

ตอนนั้นไม่ขออะไรมากเพราะไม่มีตัวเลือก 

มีขายอะไรก็ซื้ออย่างนั้น 

ขอให้มันเป็นภาษาจีนก็พอแล้ว

ก็ดีนะที่เขามีเทปคาสเซ็ทมาให้ด้วย 

(เอิ่ม...เทปคาสเซ็ท..เด็กสมัยนี้จะเข้าใจมั้ยว่ามันคืออะไร^v^!)



สี่จตุรเทพฮ่องกงยุค 90



ความรู้ภาษาจีนตอนนั้นเป็นศูนย์

แต่กลับจากโรงเรียนมานั่งอ่านเขียนเรียนฟังวันละสองชั่วโมง

ย้ำ! ทำอย่างนี้ทุกวัน! ….ความบ้าของติ่งนางนี้ไม่ธรรมดา

ส่วนอื่นก็มีการเก็บเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากแม็กกาซีนดาราจีนในสมัยนั้น 

เรียกได้ว่ามีอะไรก็เอาหมด

อ้อ...ลืมบอกไปว่าสมัยนั้นการสอนภาษาจีนใช้แบบตัวเต็มไต้หวันค่ะ

แต่ติ่งนางนี้ไม่เคยเข้าใจว่าอะไรคือตัวเต็มตัวย่อ 

เรียนไปแบบไม่มีคำถาม(เพราะไม่รู้จะถามใคร) 

คัดตัวเต็มไปอย่างมันส์มือ 555


ทีแรกคิดว่าจะเรียนเอาแค่ฟังเพลงได้บ้างนิดๆหน่อยๆ 

แต่เรียนไปๆ มาๆ เฮ้ย...มันง่ายอะ มันหนุกดี 

เลยเรียนไปเรื่อยๆเห็นหนังสือสอนภาษาจีนที่ไหนก็ซื้อมาอ่าน 

อ่านเองเรียนเองมันอย่างนั้นแหละหลายปีมากๆ 

และพล็อตนิยายก็มีในหัวคอยหลอนอยู่เป็นพักๆ (น่ากลัวละ)

ก็ลองเขียนลงสมุดบ้างไรบ้าง แต่ไม่จบน่ะค่ะ เขียนไปอย่างนั้น (เพื่อ?)


เรื่องงานเขียนนี่ไม่อยากจะโม้....(ไม่อยากเลยจริงจริ๊งงงง)


ดิฉันเป็นคนชอบเขียนมาตั้งแต่เด็ก

ทั้งเรียงความแต่งกลอนอะไรชนะประกวดประจำ (เริ่มอวยตัวเอง) 

แล้วก็ชอบเขียนการ์ตูนเป็นเรื่องราวให้เพื่อนอ่านในห้องก็เวียนอ่านกันไป

จนเพื่อนถามไถ่ว่าเธอเขียนตอนใหม่รึยัง

โตมาหน่อยก็เขียนไดอารี่ 

เพราะเห็นสมุดกับปากกาสวยๆ แล้วก็คันไม้คันมือยากเขียน

(ไม่ได้เป็นกลากเกลื้อนหรือขี้เรื้อนแต่อย่างใด ^v^! )


อะไรๆพวกนี้มันสะสมกันมาเรื่องทั้งเรื่องการเขียนและเรื่องภาษาจีน

(ซึ่งภายหลังก็มีการไปเรียนเพิ่มเติมในสถาบัน

และสอบนู่นนี่นั่นโน่นไว้บ้างพอเป็นพิธีเผื่อไว้ใช้หากินยามตกอับ)


จนวันหนึ่งคิดว่าเราน่าจะหยิบพล็อตและเรื่องที่แต่งค้างไว้สิบกว่าปีไม่เคยจบนั่นมาโมดิฟาย

และทำให้มันจบซะที

ไม่ได้ตั้งใจว่าจะได้ตีพิมพ์

แค่ลองส่งสำนักพิมพ์ดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไร

แต่เขาก็เอาของเราไปพิมพ์

ตอนนั้นดีใจจนแทบจะปิดซอยเลี้ยงทีเดียวเชียว....



หลินจื้ออิ่ง 2017


สำหรับ ‘เสน่หามายาใจ’ เวอร์ชั่น2560 ฉบับอีบุ๊กนี้ 

มีการแก้ไขช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆที่ยังตกหล่นอยู่บ้าง 

แต่ยังคงสำนวนและเนื้อหาเดิมไว้ทุกประการ

แม้ว่าอ่านดูแล้วจะรู้สึกล้าสมัยไปบ้าง

แต่นั่นก็เป็นความตั้งใจของดิฉัน

ที่อยากคงไว้ซึ่งสำนวนแห่งความเยาว์วัยของตนเองเอาไว้ให้มากที่สุด 

เมื่ออ่านแล้วหวนนึกถึงความรู้สึกตอนที่กำลังนั่งเขียนตอนนั้น

และสัมผัสมันได้อย่างใกล้ชิด

ทุกอารมณ์ ทุกตัวอักษร มีความไร้เดียงสาในสำนวน

‘เสน่หามายาใจ’ อาจไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด

แต่สำหรับดิฉัน...มันคือตำนานอันยิ่งใหญ่ที่อ่านทีไรก็ประทับใจทุกครั้งไป



สนใจดาวน์โหลดอีบุ๊กเรื่อง เสน่หามายาใจ

ได้ที่ meb market ตามลิงค์นี้

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTUzMzk4NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjY2ODczIjt9


สนใจลองอ่าน เสน่หามายาใจ ฟรี ได้ที่เว็บเด็กดี, ธัญวลัย และ ReadAwrite ค่ะ


สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ของนิยายได้ที่เฟสบุ๊กแฟนเพจ Red:cute98 ค่ะ









Create Date : 10 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 4 สิงหาคม 2561 11:22:12 น.
Counter : 931 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แมงปอพเนจร
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]