|
เสน่หามายาใจ...นิยายในตำนาน เสน่หามายาใจ นิยายในตำนาน
ไม่ได้มารีวิวนิยายแต่อย่างใด เพราะนิยายที่ดิฉันกำลังจะพูดถึงคือนิยายที่ดิฉันเขียนเอง พูดยังไงก็ต้องอวยตัวเองอยู่ดี(555) ปกติดิฉันเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกเมื่อมีเวลาว่างจากงานประจำและงานพิเศษประเภทรับจ้างทั่วไป ตามประสามนุษย์เงินเดือนที่ต้องปากกัดตีนถีบ(ฟังดูรันทด -_-!) สุดท้ายจึงไม่เหลือเวลาเขียนนิยาย T T(อ้าว...) จนการดองนิยายกลายเป็นงานประจำ ^v^! เสน่หามายาใจ เป็นนิยายเรื่องแรก และยังคงเป็นเรื่องเดียวของดิฉันในตอนนี้ที่เคยได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่มไปเมื่อปี2554 และหมดสัญญาไปเมื่อปีที่แล้ว ครั้นจะเก็บไว้ก็กระไรอยู่ไหนๆ ก็ไหนๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิตที่ยาวเป็นหางว่าวกำลังรออยู่ T T เลยตัดสินใจเข็นนิยายในตำนานออกมาทำเป็นe-book ขาย ในเมื่อก็ไม่มีอะไรจะเสีย ^v^! การทำอีบุ๊กเองเป็นเล่มแรกนับว่าเป็นเรื่องลำบากในชีวิต สำหรับผู้หญิงที่ใช้โฟโต้ช็อปฝีมือขั้นเทพไม่ให้การเหลียวแลอย่างดิฉัน แต่จะจ้างมืออาชีพทำก็งบน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด จึงคลำทางไปแบบงงๆทั้งปกทั้งจัดหน้า ต้องขอบคุณบทความแนะนำการทำหนังสือ self publishing ของผู้เขียนนามปากกาHayashi Kisara ที่ทำให้ดิฉันอ่านไปทำไป คลำทางไปจนถึงจุดหมาย สุดท้ายก็ได้ขึ้นเว็บขายสมใจอยาก (แต่จะขายได้เท่าไหร่นั่นอีกเรื่อง) สำหรับดิฉันแล้ว เสน่หามายาใจ คือนิยายในตำนานของตัวเอง ที่มีที่มาที่ไปจากการบ่มเพาะแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยสมัยวัยรุ่น เมื่อหยิบมาอ่านทีไรรู้สึกว่ามันมีมากกว่าคำว่านิยาย ดิฉันเชื่อว่าผู้คนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นยุค 90ซึ่งเป็นยุคที่ดาราฮ่องกงเข้ามาโด่งดังในไทย และดิฉันก็เป็นหนึ่งใน ติ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก กับเขาเหมือนกัน ยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักสี่จตุรเทพฮ่องกง อันประกอบด้วย หลิวเต๋อหัวหลีหมิง จางเสวียโหย่ว และกัวฟู่เฉิง
แต่ที่โดนใจดิฉันเข้าสุดๆก็คือ หนุ่มน้อย(ในเวลานั้น)จากไต้หวันที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสร้างชื่อเสียงถึงฮ่องกงหลินจื้ออิ่ง
หลินจื้ออิ่ง 1992 ในยุคนั้นการเรียนภาษาจีนยังไม่แพร่หลายอย่างปัจจุบัน สถาบันสอนก็หาไม่ได้ อย่าว่าแต่ดิฉันก็เป็นเด็กต่างจังหวัด ซึ่งที่นั่นก็มีแต่โรงเรียนสมาคมจีนที่มีเหล่าอากงอาม่าไปนั่งเรียนกันอย่างคับคั่ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่าตอนนั้นที่บ้านดิฉันไม่สนับสนุนให้เรียนภาษาจีน ทั้งที่เราก็มีเชื้อจีน...
แต่เดี๋ยวก่อน!.... คนมันคลั่งจนแทบจะดิ้นตายยังไงก็ต้องเรียนให้ได้ (โชคดีที่รอดจากการถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า หรือไม่ก็ส่งไปวัดถ้ำกระบอกเพื่อให้เลิกเสพสื่อฮ่องกงซะที) ดิฉันเลยไปซื้อหนังสือเรียนภาษาจีนมาเรียนเอง ตอนนั้นไม่ขออะไรมากเพราะไม่มีตัวเลือก มีขายอะไรก็ซื้ออย่างนั้น ขอให้มันเป็นภาษาจีนก็พอแล้ว ก็ดีนะที่เขามีเทปคาสเซ็ทมาให้ด้วย (เอิ่ม...เทปคาสเซ็ท..เด็กสมัยนี้จะเข้าใจมั้ยว่ามันคืออะไร^v^!) สี่จตุรเทพฮ่องกงยุค 90 ความรู้ภาษาจีนตอนนั้นเป็นศูนย์ แต่กลับจากโรงเรียนมานั่งอ่านเขียนเรียนฟังวันละสองชั่วโมง ย้ำ! ทำอย่างนี้ทุกวัน!
.ความบ้าของติ่งนางนี้ไม่ธรรมดา ส่วนอื่นก็มีการเก็บเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากแม็กกาซีนดาราจีนในสมัยนั้น เรียกได้ว่ามีอะไรก็เอาหมด อ้อ...ลืมบอกไปว่าสมัยนั้นการสอนภาษาจีนใช้แบบตัวเต็มไต้หวันค่ะ แต่ติ่งนางนี้ไม่เคยเข้าใจว่าอะไรคือตัวเต็มตัวย่อ เรียนไปแบบไม่มีคำถาม(เพราะไม่รู้จะถามใคร) คัดตัวเต็มไปอย่างมันส์มือ 555 ทีแรกคิดว่าจะเรียนเอาแค่ฟังเพลงได้บ้างนิดๆหน่อยๆ แต่เรียนไปๆ มาๆ เฮ้ย...มันง่ายอะ มันหนุกดี เลยเรียนไปเรื่อยๆเห็นหนังสือสอนภาษาจีนที่ไหนก็ซื้อมาอ่าน อ่านเองเรียนเองมันอย่างนั้นแหละหลายปีมากๆ และพล็อตนิยายก็มีในหัวคอยหลอนอยู่เป็นพักๆ (น่ากลัวละ) ก็ลองเขียนลงสมุดบ้างไรบ้าง แต่ไม่จบน่ะค่ะ เขียนไปอย่างนั้น (เพื่อ?) เรื่องงานเขียนนี่ไม่อยากจะโม้....(ไม่อยากเลยจริงจริ๊งงงง) ดิฉันเป็นคนชอบเขียนมาตั้งแต่เด็ก ทั้งเรียงความแต่งกลอนอะไรชนะประกวดประจำ (เริ่มอวยตัวเอง) แล้วก็ชอบเขียนการ์ตูนเป็นเรื่องราวให้เพื่อนอ่านในห้องก็เวียนอ่านกันไป จนเพื่อนถามไถ่ว่าเธอเขียนตอนใหม่รึยัง โตมาหน่อยก็เขียนไดอารี่ เพราะเห็นสมุดกับปากกาสวยๆ แล้วก็คันไม้คันมือยากเขียน (ไม่ได้เป็นกลากเกลื้อนหรือขี้เรื้อนแต่อย่างใด ^v^! ) อะไรๆพวกนี้มันสะสมกันมาเรื่องทั้งเรื่องการเขียนและเรื่องภาษาจีน (ซึ่งภายหลังก็มีการไปเรียนเพิ่มเติมในสถาบัน และสอบนู่นนี่นั่นโน่นไว้บ้างพอเป็นพิธีเผื่อไว้ใช้หากินยามตกอับ) จนวันหนึ่งคิดว่าเราน่าจะหยิบพล็อตและเรื่องที่แต่งค้างไว้สิบกว่าปีไม่เคยจบนั่นมาโมดิฟาย และทำให้มันจบซะที ไม่ได้ตั้งใจว่าจะได้ตีพิมพ์ แค่ลองส่งสำนักพิมพ์ดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เขาก็เอาของเราไปพิมพ์
ตอนนั้นดีใจจนแทบจะปิดซอยเลี้ยงทีเดียวเชียว.... หลินจื้ออิ่ง 2017 สำหรับ เสน่หามายาใจ เวอร์ชั่น2560 ฉบับอีบุ๊กนี้ มีการแก้ไขช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆที่ยังตกหล่นอยู่บ้าง แต่ยังคงสำนวนและเนื้อหาเดิมไว้ทุกประการ แม้ว่าอ่านดูแล้วจะรู้สึกล้าสมัยไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นความตั้งใจของดิฉัน ที่อยากคงไว้ซึ่งสำนวนแห่งความเยาว์วัยของตนเองเอาไว้ให้มากที่สุด เมื่ออ่านแล้วหวนนึกถึงความรู้สึกตอนที่กำลังนั่งเขียนตอนนั้น และสัมผัสมันได้อย่างใกล้ชิด ทุกอารมณ์ ทุกตัวอักษร มีความไร้เดียงสาในสำนวน เสน่หามายาใจ อาจไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด แต่สำหรับดิฉัน...มันคือตำนานอันยิ่งใหญ่ที่อ่านทีไรก็ประทับใจทุกครั้งไป
สนใจดาวน์โหลดอีบุ๊กเรื่อง เสน่หามายาใจ ได้ที่ meb market ตามลิงค์นี้ สนใจลองอ่าน เสน่หามายาใจ ฟรี ได้ที่เว็บเด็กดี, ธัญวลัย และ ReadAwrite ค่ะ สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ของนิยายได้ที่เฟสบุ๊กแฟนเพจ Red:cute98 ค่ะ
|
แมงปอพเนจร
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] | ||