|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
จัดฟันแบบใส Invisalign คืออะไร? ราคาเท่าไหร่? จัดฟันยอดนิยม 2023 |
|
การจัดฟันเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน จึงทำให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา พัฒนาให้สามารถรองรับสำหรับหลากหลายกลุ่มคนได้อยู่อย่างเสมอ เกิดเป็น “การจัดฟันแบบใส” ที่ดารา เน็ตไอดอล เซเลป รวมไปจนถึงบุคคลอื่นๆ ต่างก็เลือกใช้ จนกลายเป็นการจัดฟันที่กำลังมาแรงที่สุดในยุคนี้ ดังนั้น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับการจัดฟันแบบใสว่าเป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างนั่นเอง
ทำความรู้จัก ‘จัดฟันแบบใส’จัดฟันแบบใส หรือ การจัดฟัน invisalign คือ การจัดฟันแบบใหม่ ที่นำนวัตกรรมการแสกนฟันแบบ 3 มิติมาใช้เพื่อผลิตเครื่องมือการจัดฟันให้มีความจำเพาะเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล โดยวัสดุของเครื่องมือการจัดฟันจะมีลักษณะพลาสติกใส เนื้อบาง สามารถถอดเข้าออกได้ง่าย มีความยืดหยุ่น และไม่ต้องติดโลหะไว้ที่บริเวณผิวฟัน การจัดฟันแบบใสนี้จะช่วยลดความกังวลในเรื่องของเครื่องมือทางทันตกรรมหลุดหรือภาพลักษณ์ในการทำงานได้ เนื่องจาก invisalign มีความใส ใส่แล้วดูเป็นธรรมชาติ จึงทำให้สังเกตได้ยากว่ามีการจัดฟันอยู่ และสามารถช่วยปรับโครงสร้างของฟันให้เรียงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถรักษาความ สะอาดภายในช่องปากได้อย่างง่ายดาย จัดฟันแบบใส Invisalign มีกี่รูปแบบโดยปกติแล้ว การจัดฟันแบบใส แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่จัดฟันแบบใส Invisalign Fullการจัดฟันแบบใส Invisalign Full เป็นรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาซับซ้อน เช่น มีลักษณะของฟันซ้อนเก มีการสบฟันมาก ฟันห่าง ฯลฯ อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่ไม่เคยได้รับการจัดฟันมาก่อน โดยการจัดฟันใสรูปแบบนี้ จะต้องใช้เครื่องมือตั้งแต่ 15 คู่ เป็นต้นไป และมีระยะเวลาในการจัดฟัน ประมาณ 1-2 ปีจัดฟันแบบใส Invisalign Liteรูปแบบการจัดฟันแบบใส Invisalign Lite มักจะเหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก เช่น มีฟันซ้อนเกเล็กน้อย ฟันห่างปานกลาง ฯลฯ หรือเป็นบุคคลที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือตั้งแต่ 8-14 คู่ โดยระยะเวลาการจัดฟันใส ประมาณ 6 เดือน - 1 ปีจัดฟันแบบใส Invisalign i7 (Invisalign Express)การจัดฟันแบบใส Invisalign i7 หรือ Invisalign Express เป็นการจัดฟันใสที่เหมาะกับบุคคลที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น มีฟันห่าง ฟันซ้อนเกเล็กน้อย หรืออาจเป็นในกรณีที่บุคคลนั้นเคยจัดฟันมาก่อนแล้วแต่ฟันกลับมามีปัญหาซ้อนเกอีก โดยการจัดฟันใสรูปแบบนี้ จะใช้เครื่องมือไม่เกิน 7 คู่ และมีระยะเวลาในการจัดฟัน เพียงประมาณ 6 เดือนจัดฟันแบบใส Invisalign goการจัดฟันแบบใส Invisalign go เหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย และไม่มีปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหารหรือการสบฟัน จัดฟันแบบใส เหมาะกับใครบ้าง - บุคคลที่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ในการทำงาน เช่น ดารา นักแสดง นางแบบ
- เหมาะสำหรับอาชีพที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพและการสื่อสาร เช่น พิธีกร ผู้บริหาร พนักงานต้อนรับ
- ผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่อยากให้บุคคลอื่นสังเกตเห็นเครื่องมือการจัดฟัน
- คนที่ไม่สะดวกในการเข้าพบทันตแพทย์บ่อย
- บุคคลที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น การทานอาหาร
- บุคคลที่ต้องการความสะดวกในการดูแล ทำความสะอาดช่องปาก
- ผู้ที่ต้องการเริ่มจัดฟัน
ข้อดี - ข้อเสียของการจัดฟันแบบใสข้อดีของการจัดฟันแบบใส Invisalign - สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายดาย
- หากจัดฟันแบบใส ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดของเหล็กจัดฟัน หรือการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการติดเหล็กจัดฟัน
- ลดความถี่ในการเข้าพบทันตแพทย์ บุคคลที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่สะดวกในการเดินทาง สามารถจัดฟันได้อย่างสบายใจ
- เนื่องจากวัสดุมีลักษณะเป็นพลาสติกใส โปร่งแสง ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่า การจัดฟันไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ หน้าที่การงาน จึงเป็นเหตุให้ดารา นักแสดง เน็ตไอดอล และผู้ที่ทำงานด้านการสื่อสาร นิยมเลือกใช้กันเป็นจำนวนมาก
- สามารถเลือกทานอาหารที่ชอบได้ดังเดิม ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดในการทานอาหารมากนัก
- ไม่ทำให้เกิดแผลในช่องปาก ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญใดๆ สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างสะดวก
- ความเจ็บปวดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ
ข้อเสียการจัดฟันแบบใส Invisalign - การจัดฟันใสมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า เมื่อเทียบกับการจัดฟันประเภทอื่นๆ เนื่องจากมีนวัตกรรมการผลิตที่ละเอียด ซับซ้อน
- ผู้ที่จัดฟันแบบใส จำเป็นต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือการจัดฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะการจะทำให้ฟันสามารถเรียงตัวได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องใส่
- เครื่องมือเอาไว้สักระยะ โดยปกติแล้ว ควรใส่ 22 ชั่วโมงต่อวัน
- เนื่องจากสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันเข้าออกได้สะดวก จึงอาจทำให้มีโอกาสหายค่อนข้างง่ายเช่นกัน
เปรียบเทียบจัดฟันแบบใสแต่ละยี่ห้อมาถึงตรงนี้ ใครหลายๆคนก็คงรู้สึกสนใจ อยากจะจัดฟันใสขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายที่ยังไม่แน่ใจว่า จะจัดฟันใสทั้งที ควรเลือกยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้น บทความนี้จึงรวบรวมยี่ห้อการจัดฟันใสที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อมาเป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจให้ทุกคนนั่นเอง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยจัดฟันใส GIKOการจัดฟันใส GIKO เป็นยี่ห้อการจัดฟันใสจากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้สามารถมั่นใจในมาตรฐานได้ ในแต่ละชุด จะได้รับอุปกรณ์การจัดฟันทั้งหมด 3 ชิ้น ที่มีความแข็งแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้ที่จัดฟันยี่ห้อนี้ จะต้องพิมพ์ฟันเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง จากนั้นใส่อุปกรณ์การจัดฟัน โดยเริ่มจากแบบความแข็งน้อยที่สุดในสัปดาห์แรก จากนั้นใส่แบบแข็งปานกลาง 1 สัปดาห์ และใส่แบบแข็งที่สุด 2 สัปดาห์ ตามลำดับ
จุดเด่นของยี่ห้อ GIKO - ผู้ที่จัดฟันจ่ายเงินตามจำนวนชุดอุปกรณ์ที่ใช้ไปเท่านั้น โดยแต่ละคนจะใช้จำนวนชุดอุปกรณ์ไม่เท่ากัน
- การออกแบบให้อุปกรณ์มีความแข็งแตกต่างกัน ทำให้สามารถช่วยลดความเจ็บปวดในการเปลี่ยน
- อุปกรณ์เซ็ตใหม่ได้
- มีโอกาสผิดพลาดค่อนข้างน้อย เพราะมีการพิมพ์ฟันทุกเดือน ทำให้ใส่อุปกรณ์การจัดฟันได้และผลลัพธ์ค่อนข้างตรงตามการวางแผน
จัดฟันใส Invisalignการจัดฟันใส Invisalign เป็นยี่ห้อที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์จากบริษัทประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่เป็นเจ้าแรกที่มีบริการจัดฟันแบบใส ทำให้หลายๆคนคุ้นหูกับคำว่า “Invisalign” และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็มีราคาในการจัดฟันที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน
จุดเด่นของยี่ห้อ Invisalign - มีการออกแบบการเคลื่อนฟันของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ ในลักษณะของวิดีโอ 3 มิติ เพื่อช่วยให้ผู้จัดฟันได้เข้าใจและเห็นภาพการเคลื่อนที่ของฟันตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนทำการรักษา
- เครื่องมือการจัดฟันใส จะมีการผลิตขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และส่งเข้ามาให้ภายในประเทศ
- มีการเปลี่ยนเครื่องมือทุก 2 สัปดาห์ ระยะเวลาในการจัดฟันอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน - 2 ปี ขึ้นอยู่กับแผนการรักษาของแต่ละบุคคล
จัดฟันใส Zenyumการจัดฟันใส Zenyum เป็นแบรนด์น้องใหม่จากประเทศสิงคโปร์ เหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาเฉพาะฟันด้านหน้า ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันกรามด้านใน และที่สำคัญยี่ห้อนี้ มีราคาที่ค่อนข้างถูก เนื่องจากราคานี้ จ่ายแล้วครอบคลุมไปจนจบการรักษาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือกี่ชิ้นก็ตาม แล้วราคาถูกเเบบนี้ Zenyum จะดีไหม? คุ้มค่ารึเปล่า ลองไปดูจุดเด่นของยี่ห้อนี้กัน
จุดเด่นของยี่ห้อ Zenyum - เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาการจัดเรียงฟันอย่างง่ายถึงปานกลาง
- เน้นการรักษาปัญหาเฉพาะฟันด้านหน้า
- ไม่จำเป็นต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยๆ
- ราคาถูก สามารถเข้าถึงได้ง่าย
- เหมาะกับบุคคลที่ไม่อยากถอนฟัน
จัดฟันใส Alineยี่ห้อ Aline จัดฟันใสยี่ห้อสุดท้าย เป็นการจัดฟันใสของประเทศเกาหลีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในประเทศเกาหลี ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย โดยยี่ห้อนี้มีกระบวนการจัดฟันที่ง่าย สะดวก แถมมีราคาถูกกว่าแบรนด์อื่นๆถึง 60%
จุดเด่นของยี่ห้อ Aline - มีการทำแผนการรักษาทั้งรูปภาพและวิดีโอ ให้ผู้ที่ต้องการจัดฟัน สามารถดูได้อย่างชัดเจน
- อุปกรณ์การจัดฟัน จะถูกจัดส่งไปยังที่อยู่ของผู้ที่ต้องการจัดฟัน
- มีราคาที่ค่อนข้างถูก และกระบวนการจัดฟันง่าย
จัดฟันแบบใสราคาเท่าไหร่มาถึงคำถามยอดฮิต ว่าการจัดฟันแบบใสมีราคาอยู่ที่เท่าไหร่กัน โดยปกติแล้ว การจัดฟันแบบใสจะมีช่วงราคาอยู่ที่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว เหตุผลที่ไม่สามารถเจาะจงเป็นตัวเลขตรงๆได้ เนื่องจากราคาที่แต่ละบุคคลต้องจ่ายนั้น มีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องที่อาจจะทำให้แต่ละบุคคลต้องจ่ายไม่เท่ากัน เช่น แต่ละประเภทของการจัดฟันใส สุขภาพภายในช่องปาก ลักษณะของฟันแต่ละบุคคล เป็นต้น ขั้นตอนการจัดฟันแบบใสขั้นตอนการจัดฟันแบบใส มีดังนี้ - เมื่อเข้าพบเพื่อจัดฟันใส ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพภายในช่องปากและสภาพของฟันเบื้องต้น มีการพิมพ์ปาก ถ่ายภาพ X-ray เคลียร์ช่องปาก เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการจัดฟันของแต่ละบุคคลเข้าสแกน iTero เพื่อสร้างภาพ 3 มิติ และดูแผนการรักษาแบบ 3 มิติ(Clincheck) เพื่อทำการวิเคราะห์และประเมินการเคลื่อนที่ของฟัน รวมถึงการปรับรูปแบบของฟันในทุกระยะ
- เมื่อมีการอธิบายและให้คำปรึกษาในการรักษาเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการติดปุ่ม Attachment เพื่อช่วยให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ต่อมา ผู้จัดฟันแบบใส จะได้รับแผ่นใส Invisalign ที่ทางทันตแพทย์จัดเตรียมไว้ให้ โดยจะต้องใส่เครื่องมือทุกวัน ทั้งวัน ซึ่งจะสามารถถอดออกได้เพียงเฉพาะเวลารับประทานอาหาร หรือแปรงฟันเท่านั้น
- เมื่อจัดฟันแบบใสแล้ว จะต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อติดตามผลทุก 2-3 เดือน
- ควรมีการทำความสะอาดช่องปากและขูดหินปูนทุก 5-6 เดือน
- เมื่อจัดฟันแบบใสเสร็จสิ้น ควรใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) เพื่อรักษาการเรียงตัวของฟัน
หลังจากที่แสดงขั้นตอนทั้งหมดไปแล้ว หลายๆ คนก็คงเกิดคำถามว่า แล้วแบบนี้จะต้องถอนฟันก่อนจัดฟันแบบใสไหม? คำตอบ คือ การจะถอนฟันหรือไม่นั่น ขึ้นอยู่กับลักษณะฟันของแต่ละบุคคล หากไม่มีที่เพียงพอให้เคลื่อนฟัน หรือ มีปัญหาฟันซ้อน ฟันเกมากจนเกินไป ก็จำเป็นที่จะต้องมีการถอนฟันร่วมด้วย แต่หากมีปัญหาฟันซ้อน ฟันเกเพียงเล็กน้อย ก็อาจไม่ต้องถอนฟันก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี ทันตแพทย์ที่เป็นผู้รักษาจะทำการให้คำปรึกษาและบอกรายละเอียดการรักษาของแต่ละบุคคลเอง การดูแลตัวเองขณะจัดฟันแบบใส - ข้อแนะนำในการดูแลตนเองระหว่างที่มีการจัดฟันแบบใส ได้แก่
- ควรมีการแปรงฟันหลังรับประทานอาหารอย่างสม่ำเสมอ ใช้ไหมขัดฟันได้อย่างถูกวิธี
- เข้าพบทันตแพทย์ทุกครั้งที่ถึงการนัดหมาย เพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะ
- รักษาสุขภาพช่องปากและฟันอยู่เสมอ
- ในระหว่างการจัดฟันแบบใส ควรมีวินัยในการใส่ชุดอุปกรณ์จัดฟัน 22 ชั่วโมงต่อวัน
- ก่อนรับประทานอาหาร ควรถอดอุปกรณ์การจัดฟันใสออกก่อนทุกครั้ง
- ไม่ควรดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือ เครื่องดื่มที่มีสีขณะใส่แผ่นใส เนื่องจากอาจทำให้ฟันผุได้ง่าย
- ไม่ควรใช้แปรงสีฟันหรือยาสีฟัน ขัดอุปกรณ์การจัดฟัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยขึ้นบนอุปกรณ์ได้ หากต้องการทำความสะอาดอุปกรณ์ ควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องกับสบู่ หรือน้ำยาล้างจาน จะดีกว่า
ข้อสรุป ‘การจัดฟันแบบใส’โดยสรุปก็คือ การจัดฟันแบบใสเป็นการจัดฟันรูปแบบหนึ่งที่มีการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามา เพื่อช่วยให้ฟันสามารถเรียงเข้ารูปแบบที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการจัดฟัน แต่มีหน้าที่การทำงานที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้มีความมั่นใจในการจัดฟันมากขึ้นได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าการจัดฟันแบบใส จะมีช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้าง แต่ก็ยังมีข้อดีที่เป็นประโยชน์มากมาย ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความสะดวกสบาย เพราะเหตุนี้ “การจัดฟันแบบใส” จึงถูกเลือกให้เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมที่สุดในยุคนี้นั่นเอง
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2564 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2566 11:10:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1001 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|