สารบัญบทความ
enerative AI คืออะไร enerative AI ต่างจาก AI อย่างไร สามารนำ Generative AI มาพัฒนาธุรกิจอย่างไรได้บ้าง บทสรุปของ Generative AIGenerative AI คืออะไรGenerative AI หรือ Gen AI เป็น AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นไปที่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เช่น การแต่งนวนิยาย, การเขียนบทความ, การสร้างคอนเทนต์, การสร้างรูปภาพ หรือแม้กระทั่งการเขียนโค้ด มันช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนทำงานอย่างมาก เพราะสิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นสิ่งที่คนทำจำเป็นต้องใช้เวลา และความสามารถ
ทำให้มันกลายเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ง่ายดายขึ้น แต่ก็ส่งผลให้ Generative AI ถูกต่อต้านจากกลุ่ม Creator หลายกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับผลงานที่เกิดจากศิลปินซึ่งเป็นคน
Generative AI ต่างจาก AI อย่างไรGen AI และ AI หลายคนคงเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วมันมีความแตกต่างกันอยู่ หากสรุปให้สามารถเข้าใจได้ง่ายก็คือ AI เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน Generative AI ซึ่งเป็นเหมือน AI ที่ได้รับการพัฒนาให้ทำได้มากกว่า AI โดยความแตกต่างระหว่าง Generative AI และ AI มีรายละเอียด ดังนี้
Generative AI : AI รูปแบบใหม่ ที่เน้นไปที่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับมาจากผู้ใช้งานเป็นตัวตั้งต้น เหมาะกับการใช้สร้างคอนเทนต์ หรือชิ้นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และต้องการรูปแบบใหม่ ๆ
AI : AI รูปแบบดั้งเดิม ที่เน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูล ประมวลผล ข้อมูลที่ผู้ใช้งานได้ให้ไป เหมาะกับการใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่ และต้องการผลลัพธ์การวิเคราะห์ที่อ้างอิงจากชุดข้อมูลที่มีอยู่
จะเห็นได้ความแตกต่างของ Generative AI และ AI คือ ความสามารถและการนำไปใช้งาน Gen AI เน้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ AI เน้นวิเคราะห์ข้อมูล รูปแบบที่ไม่หลุดกรอบจากเดิม
สามารถนำ Generative AI มาพัฒนาธุรกิจอย่างไรได้บ้าง เพราะ Generative AI เน้นไปที่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่กรอกไป ทำให้มันถูกนำไปใช้งานในแวดวงธุรกิจค่อนข้างมาก เพราะงานหลายประเภทจำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความสามารถเฉพาะทาง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่าย ค่าตัวที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้คนทำงานก็ไม่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา และมีไอเดียใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา
ดังนั้นการนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้ สามารถช่วยประหยัดเวลาให้กับคนทำงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร และจ้างพนักงานในจำนวนที่จำเป็น โดย Generative AI สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่าง ๆ ได้ดังนี้
สร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ : คอนเทนต์นั้นมีทั้งรูปแบบภาพและวีดีโอ เพราะผู้บริโภคชอบเสพสิ่งใหม่ ๆ แต่ปริมาณงานที่ Content Creator สามารถทำได้อาจไม่เพียงพอ เพราะความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียย่อมมีทางตันบ้าง หากสามารถนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้ จะช่วยประหยัดเวลาการทำงาน และช่วยให้ได้ปริมาณงานที่มากขึ้น
การตลาด : เพราะการตลาดเป็นสิ่งที่ค่อนข้างกว้าง จำเป็นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด การใช้ Generative AI จะช่วยให้นักการตลาด สามารถออกแบบแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพมีความคิดสร้างสรรค์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่นักการตลาดได้ป้อนเข้าไปให้ระบบ
พัฒนาแผนธุรกิจ : แผนธุรกิจก็มีความใกล้เคียงกับแผนการตลาด ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากมาวิเคราะห์ และต้องการความคิดที่ออกจากรอบเดิมบ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นธุรกิจแบบไหน แต่แผนธุรกิจนั้นจะมีความละเอียดมากกว่าแผนการตลาดที่เป็นของแค่แผนกเดียวในบริษัทเท่านั้น ซึ่ง Generative AI ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ช่วยในการออกแบบวางแผนธุรกิจแบบใหม่ได้
บทสรุปของ Generative AI Generative AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้ และนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลายแวดวง ทั้งช่วยประหยัดเวลาให้กับคนทำงาน และย่นระยะเวลาการทำงานบางกระบวนการให้สั้นลง
ซึ่งข้อเสียของ Generative AI คือ การสร้างความเกียจคร้านให้กับผู้ใช้ เพราะผู้ใช้งานสามารถรังสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้เพียงแค่ป้อนข้อมูลสิ่งที่ต้องการ และข้อมูลที่ใช้อ้างอิง ทำให้คนมองข้ามกับฝึกขัดเกลาทักษะ และหันไปหาความสะดวกสบายที่มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจกระทบกับ Content Creator ที่ฝึกฝนทักษะมาอย่างยาวนาน แต่ถูก AI แย่งงานไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่า Generative AI จะเริ่มเป็นที่นิยมและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่ก็มีอีกหลาย อย่างที่ AI ไม่สามารถแทนที่คนได้ เพราะงานที่ถูกออกแบบโดย Generative AI ก็ยังต้องได้รับการคัดกรองจากคนอยู่ ดังนั้นแม้ว่าจะมี Generative AI เป็นตัวช่วย ทุกคนก็ไม่ควรเพิกเฉยที่จะขัดเกลาฝีมือและทักษะต่าง ๆ ของตนเอง เพื่อให้เรามีจุดยืนแม้จะมี Generative AI อยู่ก็ตามที