เพลงลาวดวงเดือนเป็นเพลงไทยเดิมจังหวะ ๒ ชั้น เนื้อเพลงมีความซาบซึ้ง กับท่วงทำนองและถ้อยคำงดงามทางวรรณศิลป์ ที่มาของเพลง ๆ นี้ เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย รัก เศร้าเรื่องหนึ่ง เปิดฉากด้วยความรักซาบซึ้ง และจบด้วยการพลัดพรากจากกันชั่วชีวิต ฝ่ายชายได้แต่ถ่ายทอดความรักอาลัยผ่านบทเพลงอมตะเพลงนี้
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย
พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง
อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย
ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม
พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย
จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย (ซ้ำ)
หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้
หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูของเรียมเอย (ซ้ำ)
หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย
เนื้อหอมทรามเชยเอยเราละเหนอ
โอ้ละหนอนวลตาเอย
พี่นี้รักแสนรักดังดวงใจ
โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป
อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย
เห็นเดือนแรมเริศร้างเวหา
เฝ้าแต่เบิ่งดูฟ้า(ละหนอ)เห็นมืดมน
พี่ทนทุกข์ทุกข์ทนโอ้เจ้าดวงเดือนเอย
พี่ทนทุกข์ทุกข์ทนโอ้เจ้าดวงเดือนเอย
เสียงไก่ขันขานเสียงหวานเจื้อยแจ้ว
หวานสุดแล้วหวานแจ้วเจื้อยเอย (ซ้ำ)
ถึงจะหวานเสนาะหวานเพราะกระไรเลย
บ่แม้นทรามเชยเราละเหนอ (ซ้ำ)
เรื่องราวความรัก เริ่มตนเมื่อพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ พระราชโอรสองค์ที่ ๓๘ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ เจ้าจอมมารดามรกฎ เมื่อพระชนมายุ ๑๗ พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ วิทยาลัยเกษตรกรรมเวลลิงตัน ฮอล์ ประเทศอังกฤษ ทรงใช้เวลาศึกษาอยู่สามปีครึ่ง แล้วเสด็จกลับกรุงสยาม ขณะมีพระชนมายุ ๒๑ พรรษา เพื่อทรงเตรียมพระองค์เข้ารับราชการในกระทรวงเกษตร เสด็จไปยังนครเชียงใหม่
พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์
เจ้าหลวงอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้จัดงานต้อนรับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม ด้วยพิธียิ่งใหญ่ และจัดให้มีละครคุ้มหลวงเมืองเชียงใหม่ให้ทอดพระเนตร ในการแสดงครั้งนี้มีเจ้านายเมืองเหนือและแขกชาวต่างชาติมาชมอย่างหนาแน่น ระหว่างการแสดงพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์แทนที่จะทรงพระสำราญกับละคร แต่สายพระเนตรจับจ้องไปยังสาวน้อยวัยแรกรุ่นนางหนึ่ง คือ เจ้านางชมชื่น ณ เชียงใหม่ ธิดาคนโตวัย ๑๖ ปี ของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ (ธรรมลังกา) เมืองเชียงใหม่ กับ เจ้านางคำย่น
เจ้านางชื่นชื่น ณ เชียงใหม่
รักแรกพบของเจ้าชายหนุ่ม พระองค์แทบจะทนให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไม่ได้ เช้าวันรุ่งขึ้นมีพระดำรัสให้พระยานริศราชกิจ ข้าหลวงต่างพระเนตรพระกรรณประจำเมืองเชียงใหม่ให้นำพระองค์ไปยังคุ้มของเจ้าราชสัมพันธวงศ์ เพื่อผูกไมตรีกับท่านเจ้าของคุ้ม ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพระองค์ทรงปรารถนาที่จะทอดพระเนตรเจ้านางชมชื่น ผู้เลอโฉม และนับแต่นั้นพระองค์ทรงเสด็จไปคุ้มเจ้าราชสัมพันธวงศ์ทั้งเช้าเย็น โดยมีเจ้านางชมชื่นถวายการต้อนรับ
เวลาผ่านไปไม่นาน พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ทรงบังคับให้พระยานริศราชกิจไปสู่ขอเจ้านางชมชื่นให้พระองค์ แต่เจ้าราชสัมพันธวงศ์ขอผัดผ่อนด้วยขอให้จ้านางชมชื่นมีอายุ ๑๗ พรรษาก่อน แล้วจะนำตัวมาถวาย หรือถ้าพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่ทรงทราบและทรงพระราชทานพระอนุญาตก็ไม่ขัดข้อง แต่ที่จริงแล้วการที่เจ้าราชสัมพันธวงศ์ปฏิเสธการสู่ขอนั้น เพราะได้ทราบว่าพระเจ้าองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์มีสะใภ้หลวงอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว
ในเวลาต่อมาอีกไม่นานก็มีหมายรับสั่งจากเมืองหลวงให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ เร่งเสด็จกลับแต่พระองค์ทรงบิดพลิ้ว และก็มีพระราชโทรเลขจากพระราชบิดามากำชับอีก จึงจำต้องเสด็จกลับพระเกรงพระราชอาญาและไม่ได้เสด็จกลับมายังนครเชียงใหม่อีกเลย ตราบจนสิ้นพระชนม์ขณะมี พระชนมายุ ๒๘ พรรษา ขณะทรงกรมเป็นกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมได้เพียงปีเศษ
หลังจากพระองค์เสด็จกลับมายงพระนครแล้ว ทรงอาลัยรักต่อเจ้านางชมชื่นอย่างสุดซึ้ง ได้เป็นแรงบันดาลใจให้พระองค์ทรงนิพนธ์เพลง ลาวดวงเดือน ขึ้นและได้กลายเป็นเพลงรักอมตะเพลงหนึ่งจวบจนถึงทุกวันนี้
ส่วนเจ้านางชมชื่น ณ เชียงใหม่ เมื่อมีอายุ ๑๗ ๑๘ ปี เจ้านายญาติวงศ์ได้จัดให้เข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าเมืองคำ ณ ลำพูน ซึ่งเป็นเจ้านายบุตรหลานของเจ้าดาราดิเริกรัตนไพโรจน์ เจ้าเมืองลำพูน แต่ชีวิตสมรสก็ไม่ราบรื่นงดงามนัก หลังจากมีบุตรชายด้วยกันคนหนึ่งก็เป็นอันต้องแยกทางกัน เป็นอันจบตำนานรัก เพลงลาวดวงเดือน
- Comment
โดย: ความสุข IP: 118.172.67.113 27 กันยายน 2556 10:02:53 น.
แต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้เสมอ
"ลาวดวงเดือน" เป็นพระนิพนธ์ที่ทรงคุณค่ายิ่ง
ขอบคุณครับ
โดย: ปีศาจวสันต์