bloggang.com mainmenu search
หลังจากดูหนังจอแก้ว และอ่านหนังสือ เรื่อง รอยไหม ถึงแม้ว่าความสนใจของเรื่อง

คือ พระเอกนางเอกตามขนบของหนังไทยก็ตามแต่เรื่องนี้ ผีอีเม้ยกลับเป็นตัวเอกที่น่าสนใจ

เป็นปริศนาเสียยิ่งกว่า ผ้าไหมแห่งความตายที่ยังทอไม่เสร็จของเจ้าหญิงมะณีรินเสียอีก

ดังนั้น ด้วยความสนใจไขปริศนา "อีเม้ย" จึงเป็นที่มาของข้อเขียน "อีเม้ย" ผีสำคัญในเรื่องรอยไหม

อีเม้ย ผีที่ดังกว่านางเอก 100 เท่า!

จากนวนิยายเรื่อง รอยไหม แต่งโดยนักเขียนผู้มีนามปากกาว่า พงศกร ดัดแปลงเป็นละคอนโทรทัศน์

โดยคุณพงษ์พัฒน์ เล่นทางช่อง 3 ช่วงวันจันทร์ อังคาร ตอนแรกดูเพราะชอบดูภาพสวย ๆ ของฉาก

แต่หลังจากที่อีเม้ยปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ความสนใจทุกอย่างพุ่งไปที่ "ผีอีเม้ย" ว่าผีอีเม้ย คือ

วิญญาณชนิดไหน ทำไมจึงน่าเกลียด น่ากลัว เล็บยาว ตาแดง กินแต่ของสดดิบ มาได้ยังไง

แล้วมันจะจบลงที่ตรงไหน

เรามาดูว่าชีวิตของอีเม้ยผ่านเรื่องราวรอยไหมกันดีกว่า

อีเม้ยเดิมเป็นเด็กหญิงที่เกิดมาในครอบครัวชาวเขาเผ่าแม้ว ซึ่งมีความเชื่อและความเชี่ยวชาญ

ในด้านคุณไสยโดยเฉพาะศาสตร์มืด วิชาอาคมต่าง ๆ จากบรรพบุรุษชาวชนเผ่าแม้วอย่างครบถ้วน

เพราะการที่จะอยู่บนภูเขา กลางป่าลึก และต้องมีความเชี่ยวชาญในการจัดการกับภูติผี

และสัตว์ร้ายรอบกาย เมื่อวัยย่างได้แรกรุ่น ครอบครัวของอีเม้ยก็มีเหตุจำเป็นต้องมาเป็นทาสรับใช้

ตระกูลของคุณบัวเงิน ซึ่งถือเป็นตระกูลคหบดีใหญ่ พ่อแม่อีเม้ยนั้นเข้ามาทำงานเป็นทาส

คอยรับใช้ทั่วไป ส่วนอีเม้ยในขณะนั้น อายุได้ประมาณวัยรุ่น พ่อแม่ของคุณบัวเงิน

ซึ่งบัวเงินในตอนนั้นยังไม่มีตำแหน่งใด ๆ เป็นเพียงธิดาของคหบดีผู้ร่ำรวยในเมือง

ทางบ้านของบัวเงิน จึงนำอีเม้ยมาเลี้ยง เป็นทั้งคนรับใช้ และเพื่อนเล่นของบัวเงิน

ถึงแม้อีเม้ยจะได้เป็นเพียงทาสรับใช้แต่ก็ถือว่าเป็นใหญ่กว่าทาสที่วัยไล่เลี่ยกัน

เพราะมีบัวเงินคอยให้ท้าย ถึงจะเป็นอย่างนั้น อีเม้ยก็รู้กาละเทศะ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่

หรือ คนที่ตำแหน่งใหญ่กว่า อีเม้ยมันก็จะแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน สมกับความเป็นไพร่

และคนที่ได้เห็นอีเม้ยนั้นก็มักจะรักใคร่อีเม้ย ไม่แพ้บัวเงินซึ่งเป็นคนที่กิริยามารยาทเรียบร้อย

อยู่ในโอวาทของพ่อแม่ตามขนบของหญิงในสมัยนั้น เมื่อถึงวัยอันสมควร

ตามประเพณีนิยมของครอบครัวคณบดีในสมัยนั้น คือ การพาธิดาของตนไปฝึกวิชาการเรือน

ในรั้วในวัง ฝากไว้กับวังเจ้านาย เนื่องจากญาติของบัวเงินนั้นอยู่ตำหนักของมเหสีของเจ้ามหาชีวิต

ในขณะนั้น ดังนั้น หน้าที่ในการอบรมดูแลสั่งสอน กิริยามารยาท การบ้านการเรือน เรื่องราวในวัง

งานต่าง ๆ จึงถูกถ่ายทอด จากมเหสีและคนใกล้ชิดที่มีความชำนาญ การบ้านการเรือน

กิจการของฝ่ายในทั้งปวง การพาบัวเงินเข้าวังนั้น ก็ด้วยมีเหตุสำคัญ ทางในการเกื้อหนุนครอบครัว

ก็คือ หญิงที่มีหน้าตาสวยสะพรั่งกิริยามารยาท เรียบร้อยอย่างบัวเงิน

หากได้รับการอบรมอย่างหญิงชาววังแล้ว และอยู่ใกล้กับเชื้อพระวงศ์ และบรรดาข้าราชสูงศักดิ์

ก็มีโอกาสจะได้ถวายรับใช้ใกล้ชิด และอาจได้เป็นถึงสนม

หรือมเหสี ในภายภาคหน้า และอย่างต่ำก็จะได้ถูกประทานเป็นภริยาของข้าราชสูงศักดิ์

ก็ย่อมทำให้กิจการของ พ่อแม่บัวเงินนั้นได้รับการสนับสนุน จากภายในวังด้วย

บัวเงินเองก็จะได้ดีด้วย

กล่าวถึงฝ่ายอีเม้ย เมื่อนาย คือ บัวเงินต้องเข้าไปอบรมในวังฝ่ายใน อีเม้ยมีหรือที่

จะไม่ถูกบัวเงินขอให้ติดตาม รับใช้ในวังด้วยพร้อมกับทาสรับใช้หญิงอีกจำนวนหนึ่ง

วันเวลาผ่านไป บัวเงินนานวันก็ยิ่งสวยสะพรั่ง เป็นที่ต้องใจของชายที่เห็นแม้ครั้งเดียว

ก็ต้องเหลียวหลังมอง ความที่อยู่ใกล้ชิด กับมเหสีเอก จึงใกล้ชิดกับคนในราชวงศ์ไปด้วย

โดยไม่อาจหลีกพ้น มเหสีเอกนั้น มีโอรสด้วยกัน 2 องค์ องค์โต คือ เจ้าศิริวัฒนาผู้พี่

ผู้ซึ่งคาดหวังว่าจะได้เป็นองค์รัชทายาท ด้วยเกิดก่อน ส่วนองค์เล็ก คือ เจ้าศิริวงศ์

อายุห่างกันเพียง 2 ปี แต่องค์นี้ไม่ได้ถูกคาดหมายให้เป็นรัชทายาท,

ศิริวัฒนาผู้พี่นั้นเติบโต และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเมืองหลวง และวังหลวง เมื่อจะเรียนหนังสือ

เจ้าพ่อก็จ้างครูฝรั่งมาสอนถึงในวัง ไม่ต้องถ่อไปเรียนไกล ส่วนเจ้าศิริวงศ์ เมื่ออายุถึงวัยศึกษา

เจ้าพ่อก็ส่งไปเรียนหนังสือที่บางกอก ดังนั้น บัวเงิน อีเม้ย

จึงได้พบเจอแต่เจ้าศิริวัฒนา ส่วนเจ้าศิริวงศ์นั้น คลาดกัน เพราะเมื่อบัวเงิน และอีเม้ย

เข้าวังก็เป็นช่วงเดียวกันกับ ที่เจ้าศิริวงศ์นั้นออกจากวังเพื่อไปศึกษาต่อที่บางกอก

ในวังหลวงนั้นสาวที่สวยที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้น "บัวเงิน" ซึ่งทำงานรับใช้อยู่ในตำหนัก

ของมเหสีเอก บัวเงินนั้นได้รับอนุญาตให้เรียกว่า "เจ้าแม่" ด้วย เจ้าแม่นั้นรักใคร่บัวเงิน

เหมือนลูกสาวตน มองเห็นความงาม ความดี กิริยามารยาท เรียบร้อย ความคิดอ่านฉลาดเฉลียว

กว่าหญิงใดในวังหลวง และเจ้าศิริวงศ์เองก็แอบชอบบัวเงินอยู่

เจ้าแม่ก็ไม่ขัดขวางสิ่งใด เมื่อเวลามาถึง เจ้าศิริวงศ์ก็ขอต่อเจ้าพ่อ ขอบัวเงินเป็นสนม

เจ้าพ่อก็ยอม ดังนั้น บัวเงินจึงได้ยกตำแหน่งตนเป็นเป็น "หม่อมบัวเงิน"

อยู่กินฉันสามีภรรยากับเจ้าศิริวงศ์ อย่างมีความสุข

อีเม้ยก็เขยิบฐานะเป็นหัวหน้านางใน ความสามารถอันโดดเด่นของบัวเงินที่ไม่เป็น

สองรองใคร ก็คือ ฝีมือ ในการดูแลเรื่องเสื้อผ้า การปักผ้า ซ่อมแซมผ้า ดังนั้น

หม่อมบัวเงินควบอีกตำแหน่งหนึ่งก็คือ

หัวหน้าห้องภูษาของฝ่ายใน นอกจากตำแหน่งเป็นสนมเอกของเจ้าศิริวงศ์

ทบทวนอีกครั้ง ตอนนี้อีเม้ยได้เป็นหัวหน้านางกำนัลที่ดูแลห้องภูษาฝ่ายในรอง

จากหม่อมบัวเงิน ซึ่งเป็นหม่อมห้ามในวังหน้า คือเจ้าศิริวัฒนา ผู้ซึ่งจะได้เป็นรัชทายาท

สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระบิดา อีเม้ยนั้นก็ถือว่าเป็นใหญ่ในบรรดานางรับใช้อันดับต้น ๆ

ในวังหลวงเลยทีเดียว ความเป็นอยู่ของอีเม้ย

ก็ถือว่าสุขสบายมากกว่าตอนอยู่ในป่าเขาหลายเท่านัก แม้ต้องคอยรับใช้ใกล้ชิด

หม่อมบัวเงิน หม่อมบัวเงินเองเมื่อมีสิ่งใดดี ๆ หรือได้รับประทานสิ่งของจากเจ้าศิริวัฒนา (สามี)

ก็มักจะแบ่งให้อีเม้ยด้วยทุกทีไป มีงานแสดงละเม็งละคอนที่ใด อีเม้ยก็จะได้ตามหม่อมบัวเงิน

และเจ้าศิริวงศ์ไปด้วยทุกครา ความสุขของอีเม้ยในช่วงที่หม่อมบัวเงินได้เป็นสนม

จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งอีเม้ยและหม่อมบัวเงินอย่างยิ่ง

และยิ่งมองเห็นถึงอนาคตว่า ต่อไป อีกเพียงไม่กี่ปี เจ้ามหาชีวิต (เจ้าพ่อ) ซึ่งดูชราภาพมาก

แล้วนั้นก็จะต้องมอบ ราชสมบัติให้กับเจ้าศิริวัฒนาภายในอีกไม่กี่อย่างไม่ต้องสงสัย และตนเอง

และอีเม้ยก็จะได้เลื่อนที่ขึ้นเป็นสูง หม่อมบัวเงินก็อาจจะได้เป็นมเหสี ส่วนอีเม้ยก็จะได้

ตำแหน่งเป็นนางสนองโอษฐ์ รับใช้ใกล้ชิดมเหสีเอกองค์ต่อไป....ชีวิตชิลล์ ๆ

เจ้าพ่อของเจ้าศิริวัฒนานั้น ต้องการจะเชื่อมสัมพันธ์กับเมืองพี่เมืองน้อง จึงได้หมั้นหมาย

เจ้าศิริวัฒนา และเจ้าหญิงมะณีริน ตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ว่าหากเติบโตพร้อมจะอภิเษกแล้วก็

จะให้เข้าพิธีเสกสมรส เพื่อให้ความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง

นั้นแน่นแฟ้น มากยิ่งขึ้น เจ้าศิริวัฒนา เจ้าหญิงมะณีริน หม่อมบัวเงิน อีเม้ย

ไม่มีใครเลยล่วงรู้ความจริงข้อนี้ ต่างก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาตลอด

เจ้าพ่อของเจ้าศิริวงศ์นั้นก็เห็นว่าตนเองนั้นชราภาพมากแล้ว อยากจะจัดแจงงานที่ตนห่วง คือ

ราชสมบัติก็อยากจะยกให้รัชทายาท นอกไปจากนั้น การสานความสัมพันธ์ระหว่างบ้านพี่

เมืองน้องโดยการแต่งงานก็ต้องเสร็จสิ้นก่อนที่ตนเองจะลาจากโลกนี้ไปให้หมดห่วง

ดังนั้น เจ้าพ่อของเจ้าศิริวงศ์ จึงมีพระราชสาส์นไปยังเจ้าพ่อเจ้าแม่ของเจ้าหญิงมะณีริน

ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ว่าความที่เคยได้สัญญา หมั้นหมายกันตั้งนานแล้วนั้น บัดนั้นถึงเวลาอันสมควรแล้ว

ที่จะจัดพิธีหมั้นหมาย ตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ฝ่ายเจ้าหญิง (เจ้าสาว)

ก็จะถูกส่งตัวเข้ามายังเมืองของฝ่ายเจ้าบ่าว พร้อมด้วยเครื่องบรรณาการ ดอกไม้เงิน

ดอกไม้ทอง พร้อมถวายตัวของฝ่ายเจ้าหญิง

เมื่อเวลา ฤกษ์งามยามดี เจ้าหญิงมะณีรินก็ถูกส่งตัวมายังเมืองของเจ้าพ่อศิริวงศ์เพื่อ

เข้าพิธีอภิเษกสมรส แล้วก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าชายศิริวงศ์ก็เรียนจบจากบางกอกเข้ามา

อยู่ที่วังแล้ว เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป อีเม้ยและหม่อมบัวเงินก็ตกตะลึง ไม่คิดว่าความฝันที่ตน

จะได้เป็นนางสนองโอษฐ์ ใกล้ชิดว่าที่มเหสีเจ้าบัวเงินจะเป็นเพียงความฝัน เพราะเจ้าหญิงมะณีรินพร้อม

ด้วยบ่าว คือ อีคำเที่ยง จะมาแทนตำแหน่งตน ส่วนอีเม้ยและหม่อมบัวเงินก็จะยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม

และถูกลดความสำคัญ จากเมียเอกกลายเป็นสนม มันน่าเจ็บใจนัก

เจ้าหญิงมะณีรินนั้นเป็นที่ชอบพอของทั้งเจ้าศิริวัฒนา และเจ้าศิริวงศ์ แต่เจ้าหญิงมะณีรินนั้น

ทั้งที่ถูกส่งตัว มาให้แต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนา แต่ใจนั้นกลับไปชอบผู้น้อง

ซึ่งอีเม้ยและหม่อมบัวเงินก็ดูออก และอาศัย ช่องทางนี้ในการขัดขวางไม่ให้การแต่งงานนี้สำเร็จ

เพื่อให้หม่อมบัวเงินได้เป็นมเหสีของเจ้าศิริวัฒนา แต่เพียงผู้เดียว

ความที่หม่อมบัวเงินซึ่งเป็นภรรยาเดิมของเจ้าศิริวัฒนา และมีอีเม้ยคอยให้คำปรึกษา

ว่าทำอย่างไร จะขัดขวางไม่ให้เจ้าหญิงมะณีรินเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าศิริวัฒนาได้

แผนการกำจัดเจ้าหญิงมะณีรินจึงเกิดขึ้น

เนื่องจากเมื่อแรกเจ้าหญิงมะณีรินมาถึงในวังของเจ้าพ่อของเจ้าศิริวัฒนานั้น

การปฐมนิเทศเกี่ยวกับชีวิต ในวังหลวง จึงตกเป็นหน้าที่ของมเหสี แต่มเหสีนั้นไว้ใจในตัวหม่อมบัวเงิน

เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนดี คงเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสองบ้านเมือง มากกว่าเรื่องของตน

จึงได้มอบหมายให้หม่อมบัวเงินนั้น เป็นผู้คอยให้การดูแลเจ้าหญิงมะณีริน

จะมองว่าเจ้าแม่ใจร้ายกับหม่อมบัวเงินมากก็ได้ เพราะเป็น

การประกาศให้ทราบว่า หม่อมบัวเงินนั้น ต่อไปนี้ ตำแหน่งก็เป็นได้เพียงนางสนมมีหน้าที่จงรักภักดี

ต่อทั้งเจ้าศิริวัฒนาและเจ้าหญิงมะณีริน หาใช่เมียเอกไม่ ดังนั้น หม่อมบัวเงินจึงจงเกลียดจงชัง

เจ้าหญิงมะณีรินยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน สิ่งใดที่นายเกลียด อีเม้ยก็เกลียดด้วย เพราะถือเสมือนเป็น

คนคนเดียวกัน

โอกาสแก้แค้นก็มาถึง เมื่อต้องทำการร้อยดอกไม้สำหรับถวายพระ เมื่อเจ้าหญิงมะณีรินต้อง

ไปเก็บดอกไม้ โดยอีเม้ยได้วางแผนการใส่งูเห่าไว้ในตะกร้าซึ่งปิดเอาไว้ด้วยดอกไม้พลาง

พอไม่ให้เห็นงู แล้วก็มอบให้ เจ้าหญิงมะณีรินนั้นเป็นผู้ถือตระกร้านั้น ด้วยเจ้าหญิงมะณีรินนั้นชอบ

เก็บดอกไม้ด้วยตนเอง เพื่อจะได้เลือกดอกที่ดี และเห็นว่าการถือตะกร้าดอกไม้ก็ไม่ใช่ของหนักหนาอะไร

ถือซักแป๊บเดียวก็เก็บครบแล้วก็นำไปร้อยเป็นพวงดอกไม้ได้แล้ว

เมื่อเก็บไปได้ซักพักงูที่อยู่ในตะกร้าก็กระโจนพุ่งใส่เจ้าหญิงมะณีริน

แต่โชคเข้าข้างเพราะพองูโผล่ออกมา คนที่อยู่ใกล้ ๆ คือ เจ้าศิริวงศ์ (แอบอยู่แถวนั้น)

จึงถูกพิษของงูแทน แต่ก็ได้รับการรักษาจนปลอดภัย การครั้งนี้อีเม้ยก็รอดตัวไปได้ตามเคย....

เมื่ออีเม้ยและหม่อมบัวเงินรู้ว่า เจ้าหญิงมะณีริน และเจ้าศิริวงศ์นั้นชอบพอกัน ด้วยเหตุว่า

เจ้าศิริวงศ์นั้นเด็กกว่า ฉลาดกว่า คล่องแคล่วกว่า และได้รับการศึกษาสมัยใหม่เห็นโลกกว้าง

เพราะได้ไปเรียนถึงบางกอก พูดได้หลายภาษา ดังนั้น หม่อมบัวเงินก็ใช้โอกาสนี้ในการกลั่นแกล้ง

เนื่องจากว่าหม่อมบัวเงินนั้น หลับนอนกับเจ้าศิริวัฒนา อยู่ห้องเดียวกัน

ตำหนักเดียวกันอยู่แล้ว การที่จะเป่าหูให้เจ้าศิริวัฒนาแคลงใจนั้นก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

ยิ่งอยู่กันมานานหม่อมบัวเงินย่อมรู้ ว่าจะยั่วโมโหเจ้าศิริวัฒนา ด้วยเรื่องการเล่นชู้ของเจ้าหญิงมะณีริน

กับเจ้าศิริวงศ์ได้อย่างไร จนในที่สุดเจ้าหญิงมะณีริน และเจ้าศิริวงศ์ก็แอบได้เสียเป็นที่เรียบร้อย

และเจ้าศิริวัฒนาก็รู้ตลอด จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต้องแตกกัน

เจ้าหญิงมะณีรินก็ไม่อยากจะแต่งงานเข้าพิธีไปกับเจ้าศิริวัฒนาแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เจ้าศิริวัฒนา

อยากจะเอาชนะ อยากได้ตัวของเจ้าหญิงมะณีรินมาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว เพราะปกติแล้ว

เจ้าศิริวัฒนาก็อิจฉาเจ้าศิริวงศ์ผู้น้องด้วยไม่ต้องสืบทอดตำแหน่งรัชทายาท ดังนั้น ความเคร่งครัด

ในการเรียน และหน้าที่ต่าง ๆ จึงน้อยกว่า มีชีวิตมีความสุขกว่า จึงเป็นสิ่งที่เจ้าศิริวัฒนาแอบอิจฉา

และเป็นปมด้อยมาตลอด แลทำให้ความรักที่มีต่อเจ้าหญิงมะณีรินจากเจ้าศิริวัฒนายิ่งมากขึ้น

เหมือนการชิงรักหักสวาทมากกว่า ความรักที่เคยมีให้ กับหม่อมบัวเงินนับวันก็แหนงหน่าย

อีเม้ยกับหม่อมบัวเงินก็เลยต้องใส่เสน่ด้วย อีเม้ยนั้นเชี่ยวชาญมนต์ดำ วิชาอาคม

พวกนี้อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้จึงสบายมาก แล้วเจ้าศิริวัฒนาก็รักหม่อมบัวเงินหัวปักหัวปำ

แต่ก็แค่ชั่วคราว เพราะในที่สุด เจ้าศิริวงศ์และเจ้าหญิงมะณีรินก็รู้ความจริงและแก้ไขจนมนต์นั้นเสื่อม

ยิ่งสร้างความคับแค้นให้กับอีเม้ย และหม่อมบัวเงิน ที่แผนการของตน และวิชาของตนเองถูกหลบหลู่

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของหม่อมบัวเงินและอีเม้ยต้องพังพินาศ ไม่ได้เป็นว่าที่มเหสีนั้น

เกิดขึ้นแต่จากเจ้าพ่อของเจ้าศิริวงศ์แต่ผู้เดียว ดังนั้น การปลงพระชนม์เจ้าพ่อ ในความคิดของ

หม่อมบัวเงิน คือ สิ่งที่จะทำให้ทุกสิ่งสำเร็จดังหมาย ดังนั้น หม่อมบัวเงินและอีเม้ย จึงค่อย ๆ

ใส่ลอบใส่ยาพิษลงในเครื่องเสวยของเจ้าพ่อของเจ้าศิริวงศ์จนร่างกายทรุดโทรม

และดูท่าจะไปไม่รอด แต่ก็ถูกจับได้ด้วยความร่วมมือของเจ้าศิริวงศ์และเจ้าหญิงมะณีริน

ความผิดที่เกิดขึ้นอีเม้ยนั้นรับเอาไว้คนเดียว เมื่อทางการจะเอาผิด อีเม้ยจึงออกอุบาย

ให้หม่อมบัวเงินเอาเตารีดร้อนนาบหน้าตัวเองขณะที่พวกทหารวังหลวงกำลังจะเข้าจับกุม

ซึ่งเหมือนกับว่า ความผิดที่เกิดขึ้นอีเม้ยเป็นคนต้นคิดเพียงคนเดียว และได้แทงตัวตาย

ก่อนจะโดนโทษประหารชีวิตเสียอีก ก่อนตายนั้น อีเม้ยได้แสดงความจงรักภักดีต่อนาย คือ

หม่อมบัวเงินว่า ตนเองนั้น มีวิชาอาคม เมื่อตายไปจะไปเกิดเป็นผีกะ หากหม่อมบัวเงินต้องการ

จะให้วิญญาณของตน (อีเม้ย) คอยอยู่รับใช้ให้ตัดปอยผมของตน แลเก็บไว้อย่างดี อย่าให้

ใครเห็น พร้อมกันนั้น ก็ให้เซ่นด้วยของดิบ เช่น ไก่ดิบ เครื่องในวัว ควาย หมู และหมาก พลู

ธูป เทียน เมื่อเรียกชื่อ อีเม้ย พร้อมกับเอาเครื่องเซ่นมาให้เช่นนี้ ตนเองก็จะมาหาคอยรับใช้

หม่อมบัวเงินได้ตลอด ไม่หนีหายไปไหน

เมื่ออีเม้ยได้กลายเป็นผีกะ เนื่องจากถูกเตารีดลวกใบหน้า ดังนั้น หน้าจึงเป็นรอยน่าเกลียด

ประกอบกับการเป็นผีกะ คือ ดวงตาแดงก่ำ และ เสียงแหบแห้งโหยหวน เล็บยาวน่าเกลียด

น่าสะพรึงกลัว ผีกะ นั้นเป็นจำพวกเีดียวกับพวกผีปอบ คือ ชอบกินของดิบ นอกจากนี้แล้ว

ผีกะยังสามารถสิง อยู่ในร่างกายผู้ที่มีจิตอ่อน หรือ ผู้ที่จิตตกอยู่ในภาวะต่ำกว่าปกติ

และควบคุมร่างกายผู้นั้นได้ตามใจปรารถนาของผีกะ ดังเช่น ผีกะอีเม้ยนี่เป็นต้น

หลังจากเหตุการณ์นี้ เจ้าศิริวงศ์และเจ้าหญิงมะณีรินก็ยิ่งมีความรักยิ่งต่อกันมากยิ่งขึ้น

แต่ก็ต้องต้องตัดใจ เพราะเจ้าหญิงมะณีรินก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานไปกับเจ้าศิริวัฒนาผู้เป็นพี่ชายตน

ทุกคนก็ต้องเห็นแก่บ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เจ้าศิริวงศ์และเจ้าหญิงมะณีรินจึงแอบพบกลาง

ที่เกาะกลางแม่น้ำ เพื่อร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย แต่นั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ เพราะ

หม่อมบัวเงินนั้นได้เรียกตัวผีกะอีเม้ยมาเข้าสิงเจ้าศิริวัฒนา และออกคำสั่งทหารให้ไปจับตัว

เจ้าศิริวงศ์และชู้รัก แต่เมื่อไปถึงกลับกลายเป็น เจ้าศิริวงศ์ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต

และทำทีว่าตายเพราะจมน้ำ ทั้งที่เจ้าศิริวงศ์นั้นว่ายน้ำเก่งยังกับปลา หลังจากนั้น 1 เดือน

พิธีแต่งงานก็ถูกเร่งให้จัดขึ้น ซึ่งในแผนการของหม่อมบัวเงินนั้น คาดว่า

หลังจากที่เจ้าศิริวัฒนารู้ว่าเจ้าศิริวงศ์เป็นชู้กับเจ้าหญิงมะณีรินแล้ว ความรักที่มีก็จะ

แหนงหน่าย และหันกลับมารักตน แต่โลกนี้ไม่แน่นอน เจ้าศิริวัฒนากลับหึงหวง และรัก

เจ้าหญิงมะณีรินเข้าหัวปักหัวปำ ไม่สนใจว่าเจ้าหญิงมะณีรินจะรักตอบหรือไม่

รักเพียงอยากจะครอบครัวตัวเจ้าหญิงมะณีรินก็เพียงพอ เดี๋ยวอยู่ ๆ กันไปก็รักกันเอง

เพราะตนเองก็ให้ความรัก ให้ทุกสิ่งทุกอย่างปรนเปรอเจ้าหญิงมะณีรินได้ และให้ได้

มากกว่าเจ้าศิริวงศ์เสียอีก

งานอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงมะณีริน จึงได้ถูกกำหนดไว้ 1 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นพระชนม์

ของเจ้าศิริวงศ์ โดยขัดกับประเพณีที่เคยปฏิบัติ คือ จะไม่จัดงานแต่งงานระหว่างที่มีงานศพ

เช่นนี้ เจ้าหญิงมะณีรินก็ยื่นเงื่อนไข ขอทอผ้าไหม เพื่อสำหรับทำเป็นชุดเจ้าสาวที่จะเข้าพิธีอภิเษกสมรส

เจ้าชายศิริวัฒนาก็รู้ว่านี่คือการถ่วงเวลาของเจ้าหญิงมะณีริน แต่ก็ต้องยอม เพราะรัก

เจ้าหญิงมะณีรินสุดหัวใจ แต่เจ้าหญิงมะณีรินเอง นั้นเศร้าตรอมใจ สำหรับการจากไป

ของเจ้าศิริวงศ์และคิดจะตายตามเสียด้วยซ้ำ การทอผ้าไหมสำหรับการอภิเษกสมรสนี้

แท้จริงแล้วเจ้าหญิงมะณีรินมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะนำมาผูกแขวนคอตนเอง ให้เจ้าชายศิริวัฒนา

ได้เห็นว่า การที่คนรักถูกพรากจากนั้นมันเจ็บปวดทรมานเช่นใด

มีหรือที่อีเม้ย กับหม่อมบัวเงินจะปล่อยให้การทอผ้าไหมสำหรับใส่ในงานอภิเษกสมรส

สมความมุ่งหมาดปรารถนาของเจ้าหญิงมะณีริน หม่อมบัวเงินโดยรวมร่วมมือกับผีอีเม้ย

ก็ได้บีบคอเจ้าหญิงมะณีรินจนสิ้นใจตายคาเครื่องทอผ้าไหม ทำให้การทอผ้าไหมไม่สำเร็จ

มีเลือดหยดแหมะ 1 หยดติดอยู่ข้างหนึ่งของผ้าไหมที่ยังทอไม่เสร็จ

หม่อมบัวเงินก็ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าศิริวัฒนาสมใจ แต่เจ้าศิริวัฒนาก็ไม่ยอมข้องแวะ

กับหม่อมบัวเงินเลย เมื่ออยู่ไป 3 ปี เจ้าศิริวัฒนาก็ตรอมใจตาย และวิญญาณก็ผูกอยู่กับ

ผ้าไหมที่ยังทอไม่เสร็จ รอวันที่ผ้าไหมผืนนี้จะทอให้เสร็จ และรอการให้อภัยจากเจ้าหญิงมะณีริน

วิญญาณจึงจะหลุดจากพระราชวัง แห่งนี้ไปได้

เจ้าศิริวัฒนานั้นได้เคยเป็นถึงกษัตริย์ครองเมืองนี้ เมื่อกลายเป็นวิญญาณจึงมีฤทธิ์ค่อนข้างมาก

ผีอีเม้ย ไม่สามารถเข้ามาภายในห้องทอผ้าของเจ้าหญิงมะณีรินได้ เพราะมีวิญญาณของเจ้าศิริวัฒนา

คุ้มครองเอาไว้

หม่อมบัวเงิน เมื่อสิ้นเจ้าศิริวัฒนาแล้วก็แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ของเจ้าศิริวัฒนา และมีหลานชาย

คนหนึ่ง ชื่อ สุริยะวงศ์ หม่อมบัวเงินซึ่งมีวิชาอาคมที่ได้รับการถ่ายทอดมาพอตัวจากผีอีเม้ย

และโหรประจำตระกูล ก็รู้ในทันทีว่า สุริยะวงศ์ นั้น คือ เจ้าศิริวงศ์กลับชาติมาเกิด

ส่วนเจ้าหญิงมะณีริน นั้นเมื่อสิ้นลมหายใจแ้ล้วก็ไปเกิดเป็นเรริน หญิงชาวบางกอก

ผู้ชอบการทอผ้าเป็นชีวิตจิตใจ จนได้เป็นอาจารย์สอนทอผ้าอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย

และมีคู่หมั้นหมาย คือ ธนินทร์ ซึ่งเป็นไฮโซ ซึ่งภายนอกดูดี มีการศึกษา จบจากอเมริกา

พร้อมกับศรัณยาซึ่ง ทั้งธนินทร์และศรัณยาเคยได้เสียเป็นผัวเมียกันมาก่อนตอนที่เรียน

อยู่อเมริกา และเมื่อกลับมาแล้วศรัณยาก็มาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน

กับเรริน และศรัณยาเองก็รู้แล้วว่าตนเองนั้นรักธนินทร์อย่างมาก และพร้อมจะขัดขวาง

การแต่งงานระหว่างธนินทร์กับเรรินให้ถึงที่สุด

ผ่านไป 70 ปีหลังจากการตายของเจ้าศิริวงศ์ เจ้าศิริวัฒนา เจ้าหญิงมะณีริน และอีเม้ย

ชะตากรรมก็นำพาให้เรรินได้มาพบกับสุริยะวงศ์ จนตกหลุมรักกัน ณ เมืองเดิม

ที่หม่อมบัวเงินอยู่ ... งานนี้มีหรือที่อีเม้ยและหม่อมบัวเงินจะต้องหาทางขัดขวาง

และเรรินเองก็คอยจะทอผ้าไหมที่ยังค้างอยู่ของเจ้าหญิงมะณีรินโดยไม่รู้เหตุผล

ว่าจะทอไปทำไม แต่มีแต่ความปรารถนาอย่างเดียว คือ ต้องการทอผ้าผืนนั้นให้เสร็จ

แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ

ผีอีเม้ย ได้รับคำสั่งให้คอยฆ่าเรรินเมื่อมีโอกาส และในระหว่างนี้เรรินก็ได้พบกับ

ข้ารับใช้กับของเจ้าหญิงมะณีริน คือ คำเที่ยง ซึ่งร่วมรุ่นเดียวกันกับหม่อมบัวเงิน

และอีเม้ย ซึ่งขณะนี้นับอายุได้ประมาณ 90 ปี ทั้งคู่ คำเที่ยงเป็นคนที่เกือบ

จะบอกทุกอย่าง เกี่ยวกับเจ้าหญิงมะณีรินให้เรรินได้รับทราบ

แต่ผีอีเม้ยไปหักคอตายเสียก่อน เพราะยายคำเที่ยงไม่มีพระอุปคุต

เอาไว้ป้องกันภัยเหมือนกับเรริน และหลังจากนั้นเรรินก็ถูกผีอีเม้ยจะทำร้าย

แต่สุริยะวงศ์มาช่วยได้ทันทุกทีไป

นอกจากเรรินต้องเผชิญกับผีอีเม้ยแล้ว ยังต้องเผชิญกับหม่อมบัวเงิน

และวงศ์พระจันทร์ซึ่งเป็นหญิงไฮโซที่หม่อมบัวเงิน หมายจะให้

สุริยะวงศ์หลานชายตนเองได้แต่งงานไปด้วย เพราะยังไงแต่งกับวงศ์พระจันทร์

ก็ยังดีกว่าแต่งกับเรริน เธอยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้ เจ้าหญิงมะณีริน

ได้สมหวังในความรัก ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ๆ ก็จะจองล้างจองผลาญกันต่อไป

ในระหว่างที่เรรินก็พยายามทอผ้าไหมของเจ้าหญิงมะณีรินให้สำเร็จ

โดยมีความร่วมมือกับวิญญาณของเจ้าศิริวัฒนาคอยช่วยเหลือ

และมีพระอุปคุตจากวัดโบราณในเมืองที่สุริยะวงศ์หามาให้ป้องกันผีอีเม้ย

ทำให้ผีอีเม้ยไม่สามารถ detect สัญญาณของเรรินว่าอยู่ตรงไหนของเมือง

งานนี้หม่อมบัวเงินก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจาก วงศ์พระจันทร์

ศรัณยา ซึ่งบังเอิญมาเที่ยวที่เมืองที่เรรินอยู่ ได้รู้จักกับวงศ์พระจันทร์

และเรียกตัวธนินทร์ซึ่งเป็นคู่หมั้นซึ่งนิสัยไม่ดีอย่างยิ่ง (bad boy)

มาช่วยแก้ไขสถานการณ์ หม่อมบัวเงินนั้นต้องการจะเรียกตัวสุริยะวงศ์

ให้ออกห่างจากเรรินเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วก็อยากจะเฉดหัวทั้ง วงศ์พระจันทร์ ศรัณยา

และธนินทร์ออกไปให้พ้น ๆ ตัว

ผีกะอีเม้ยนั้นมีข้อจำกัด คือ อยู่ได้เฉพาะในที่มืดไม่สามารถออกมาตอนกลางวันได้

นอกจากจะมีร่างให้สิง งานนี้ จึงเป็นหน้าที่ของหม่อมบัวเงินที่จะต้องหาร่างสิง

ให้กับผีอีเม้ยเพื่อทำการทำลายล้างเรริน คอยขัดขวางไม่ให้การทอผ้าไหมสำเร็จ

ธนินทร์คู่หมั้นของเรรินจึงเป็นตัวเลือกที่ดี หลังจากที่ธนินทร์ถูกหลอกให้ดื่มกิน

เส้นผมของผีอีเม้ยจากเครื่องดื่มที่หม่อมบัวเงินเอาไว้ต้อนรับแขกแล้ว

ผีอีเม้ยก็บังคับร่างของธนินทร์ได้อย่างสมบูรณ์

ธนินทร์และวงศ์พระจันทร์ก็ไปถึงห้องทอผ้าไหมที่เรรินทออยู่ บัดนี้ได้ทอสำเร็จแ้ล้ว

วิญญาณของเจ้าศิริวัฒนาก็ได้รับการให้อภัย พลังของวิญญาณที่มีต่อห้องทอผ้าก็อ่อนลง

แต่วิญญาณก็ยังไม่ไปไหน แต่ไม่สามารถจะไปต่อกรณ์กับวิญญาณของอีเม้ยที่สิงธนินทร์ได้

ดังนั้น เรรินจึงถูกนำตัวบังคับลงเรือเพื่อนำไปฆ่าถ่วงน้ำ โดยมีหม่อมบัวเงินคอยเป็นผู้ช่วย

โชคยังดีที่สุริยะวงศ์ทราบข่าว จึงตามมาช่วย...

อีเม้ย ซึ่งได้สิงร่างของธนินทร์ พร้อมกับหม่อมบัวเงิน ก็บังคับนำเรรินลงเรือลงไปกลางแม่น้ำ

โดยเป้าหมายหลัก คือ ถ่วงน้ำเรรินไว้กับแก่งกลางแม่น้ำ เพื่อไม่ให้วิญญาณได้ไปผุดไปเกิด

ให้เป็นผีเฝ้าแก่งน้ำ แต่เดชะบุญยังมี เมื่อกำลังเอาเชือกผูกคอเรรินกำลังจะรัด เรริน

ก็มีสติเฮือกสุดท้ายเอาพระอุปคุตคล้องคอธนินทร์ด้วยแน่ใจว่า ไม่ใช่ธนินทร์แน่ ๆ

เพราะตาแดงก่ำ และเสียงนั้นก็แหบพร่า น่าจะถูกของ ทำให้ผีอีเม้ยดิ้นพรวด ๆ ตกเรือจมหายไป

พร้อมกับร่างของธนินทร์ งานนี้เรรินก็เลยไม่ต้องถอนหมั้นกับธนินทร์และไม่เสียของหมั้น

เพราะธนินทร์มาชิงตายเสียก่อนได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะเดี๋ยวก็จะได้แต่งงานกับสุริยะวงศ์

ส่วนหม่อมบัวเงินก็เกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ จนหัวใจวาย ตัวเรรินเองก็หมดสติฟุบ

ไปกับพื้นเรือ

สุริยะวงศ์เมื่อตามมาช่วยก็พาเรรินไป ร.พ. และจัดงานศพของหม่อมบัวเงิน

เรรินนั้นก็มีปัญหาโรคเส้นเลือดในสมองโป่งพอง เกิดแตกระหว่างที่ธนินทร์เอาเชือกรัดคอ

แต่โชคดีที่ดวงยังไม่ถึงฆาตถึงรอดตายปาฏิหาริย์ เรรินและสุริยะวงศ์จึงได้ครองรักกันสมใจ

ส่วนวิญญาณของผีอีเม้ย และธนินทร์ ก็ถูกจองจำไว้ใต้แม่น้ำ ชั่วกาลนาน

วิญญาณของหม่อมบัวเงินก็ไปทนทุกข์ทรมานในนรก ส่วนวิญญาณของเจ้าศิริวัฒนา

ก็ไปจุติในภพใหม่ ที่ไม่ใช่นรก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน จะลอง Whatsapp ไปถามดู...

ผีอีเม้ย จึงเป็นผีที่อาภัพนัก ตอนอยู่ก็โสด ไม่ได้แต่งงาน ตอนตายก็เป็นผีกะ น่าเกลียด

แล้วยังถูกถ่วงน้ำไว้ใต้้น้ำอีก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดตลอดชั่วกาลนาน

รอจนกว่าจะมีผู้ไปเจอศพ และแก้เอาพระอุปคุตที่คล้องคอซากศพของธนินทร์

ที่จมอยู่ใต้น้ำออกเท่านั้น วิญญาณของอีเม้ยก็จะเป็นอิสระแต่กลายเป็นสัมพะเวสี

(วิญญาณเร่ร่อน) ไม่มีเครื่องเซ่น เพราะคนที่เคยเลี้ยงตน คือ หม่อมบัวเงินที่เคยให้กินของดิบ

ก็ไม่อยู่เสียแล้ว จึงอาจจะเป็นกลายวิญญาณที่อดอยาก อยู่ใต้ท้องน้ำตลอดไป......

แต่ตอนนี้อีเม้ยรวยแล้ว เพราะ rating กระฉูดจากผู้ชมทางบ้าน....

แม้จะเป็นผีโสด น่าเกลียด ไม่ได้ไปผุดไปเกิด แต่ก็ไปเกิดในใจของหลาย ๆ คน รวมทั้งผมด้วย

ผมเห็นด้วยว่า ผีอะไรวะน่าสนใจกว่าพระเอกนางเอกซะอีก.....ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ๆ
Create Date :14 ตุลาคม 2554 Last Update :14 ตุลาคม 2554 22:51:06 น. Counter : Pageviews. Comments :6