Bloggang.com : : wattana13 : จะใช้ 'ไอทีปี 2555'อย่างไรให้คุ้มค่า

จะใช้ 'ไอทีปี 2555'อย่างไรให้คุ้มค่า

จะใช้ 'ไอทีปี 2555'อย่างไรให้คุ้มค่า (ตอนที่ 1) โดย...วัจน พรหโมบล

พัฒนาการของอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามจำนวนประชากรผู้ใช้ที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน จาก "ห้องสมุดออนไลน์" เมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้ว กลายเป็น "โลกเสมือนจริง" ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และ "โลกคู่ขนาน" ในปัจจุบัน จากการพัฒนาเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ที่ "จำลอง" สังคมไร้พรมแดนเข้าไปในโลกไซเบอร์ และการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ตอย่าง "แทบจะ" ไร้ขีดจำกัด ผ่านอุปกรณ์นานาชนิดตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์ไร้สายประเภทอื่นๆ ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพื้นฐาน (เช่นบริการอินเทอร์เน็ตตามบ้านของทีโอที ทรู หรือทรีบรอดแบนด์ เป็นต้น) รวมทั้งอินเทอร์เน็ตไร้สาย (ไวไฟ) และอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (ที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค 3จี) เป็นต้น

ความสะดวกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการประดิษฐ์อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบพกพารุ่นใหม่ๆ เป็นแรงผลักดันให้สังคมไซเบอร์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มั่นคง ทั้งยังเชื่อได้ว่าจะมีการขยายตัวต่อเนื่องในอนาคตอีกหลายทศวรรษนับจากนี้

เนื้อหา หรือคอนเทนท์ในระบบอินเทอร์เน็ตก็มีความหลากหลาย ตั้งแต่เนื้อหาเชิงบวก ส่งเสริมสังคมในด้านต่างๆ กระทั่งเนื้อหาใต้ดิน ประเภทติดเรท เอ็กซ์เอ็กซ์เอ็กซ์ ก็มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีกระแสการแข่งขันผลิตคอนเทนท์ให้โดนใจผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่นอกจากจะเป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ พกพา แล้วยังต้องผลิตคอนเทนท์สำหรับโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ที่เป็นตลาดใหม่ของกลุ่มนักธุรกิจหัวใสที่ต้องการยก "ตลาด" เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต

ตลาดออนไลน์ (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) กลายเป็นตลาดที่มีความสำคัญระดับโลก เพราะเป็นตลาดที่ "เปิด" ตลอด 24 ชั่วโมง และทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ มีผู้ซื้อรู้จักและแวะเวียนเข้ามาใช้บริการตลาดแห่งนี้เพิ่มขึ้นทุกวันจากการใช้พีซี หรือโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ที่ต้องการค้นหาสินค้าจากร้านของชำที่ตั้งอยู่บนหัวถนนไม่ไกลจากบ้าน หรือสินค้าที่ผลิตในโรงงานซึ่งตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของโลก ก็สามารถค้นหาสินค้าได้จากเว็บไซต์ค้าขายสินค้าเหล่านี้ นั่นหมายความว่าสินค้าจากประเทศไทยที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ก็สามารถขายให้แก่ลูกค้าที่อยู่ในยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา แม้แต่แอฟริกาได้โดยผู้ขายไม่จำเป็นจะต้องพบหน้าลูกค้า

แม้แต่ตลาดในประเทศไทยเอง ตลาดออนไลน์ก็มีการขยายตัวอย่างชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ที่มีการซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์มากขึ้น โดยบริษัทวีซ่า ผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินระดับโลก เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต เดบิต ในการซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทยในเดือนตุลาคม 2554 พบว่านักช็อปชาวไทยใช้เงินเฉลี่ย 19,600 บาทต่อคนในการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ และอีก 33% มีแนวโน้มเพิ่มงบประมาณในการซื้อสินค้า-บริการการท่องเที่ยวผ่านหน้าเว็บไซต์สำหรับเทศกาลวันหยุดคริสต์มาสและปีใหม่

สามปัจจัยหลักที่นักช็อปชาวไทยเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ในช่วงเทศกาลคือ สามารถค้นหาและเปรียบเทียบสินค้าได้ง่าย (77%) ง่ายต่อการเปรียบเทียบราคาสินค้าและประหยัด (59%) ประหยัดเวลาและสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามเวลาที่ต้องการ (56%)

"น้กช็อปออนไลน์ส่วนมากได้รับแรงจูงใจในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์เพราะสะดวกและได้ราคาที่สมเหตุสมผล เว็บไซต์ออนไลน์มีสินค้าลดราคามากมายในช่วงสิ้นปีนี้ จึงทำให้คนที่ชอบซื้อสินค้าในราคาถูกใช้โอกาสนี้ในการซื้อของขวัญไว้สำหรับเทศกาลปีใหม่" สมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการบริษัทวีซ่า ประจำประเทศไทย อธิบาย

ขณะเดียวกันการขยายตัวของตลาดสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคต้องการซื้อหาสินค้าราคาถูก ที่เชื่อว่าจะหาได้จากโลกไซเบอร์ ที่ร้านค้าออนไลน์มีต้นทุนการดำเนินการต่ำกว่าร้านค้าทั่วไป เนื่องจากไม่มีต้นทุนการสร้างร้านค้าจริงๆ และค่าแรงพนักงานร้านก็ไม่ต้องจ่าย ทำให้ตั้งราคาจำหน่ายสินค้าได้ต่ำกว่าร้านค้าปกติ

ด้วยเหตุนี้เอง การใช้ประโยชน์จากการขยายตัวของตลาดออนไลน์ ทั้งในส่วนของความต้องการ-ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และในส่วนของการพัฒนาเครื่องมือในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (ที่สามารถเข้าถึงร้านค้าออนไลน์) ให้อยู่ในมือของผู้บริโภคที่เริ่มมีพฤติกรรม "ใจร้อน" "ไม่อยากรอนาน" เนื่องจากความสะดวกของการใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้การตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เกิดขึ้นในเวลาที่สั้นลง ทำให้โอกาสในการขายสินค้าของเจ้าของร้านค้าออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนั้นเทรนด์ในการทำตลาดผ่านเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์อื่นๆ ก็เป็นกระแสที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้เพื่อการทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคสินค้าโดยตรง และเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันสูง มีการใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้โอกาสในการ "ขาย" สินค้าเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ในฉบับหน้าจะมาคุยในประเด็นนี้ให้ฟังครับ...

...........................................
(จะใช้ 'ไอทีปี 2555'อย่างไรให้คุ้มค่า (ตอนที่ 1) โดย...วัจน พรหโมบล)

Create Date : 08 มกราคม 2555

Last Update : 8 มกราคม 2555 19:59:20 น.

0 comments

Counter : 500 Pageviews.