! ที่นี่ ! เราเลิกเขียนแล้วครับ ..กับเรื่องธรรมดา ที่คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
 
16 กุมภาพันธ์ 2563
 
All Blogs
 
ภาวะที่ 9 : ไตรราชาแห่งความกลัว

ขอบคุณภาพปกนิยายจาก คุณรัชต์สารินท์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


 
                 สายลมโชยพัดเข้ามาอีกครั้ง  ส่งผลให้วัตถุที่มีมวลเบาและอ่อนบางภายในห้อง ต้องถูกลมไหวพะเยิบพะยาบ  ทุกอย่างสั่นไหว แม้กระทั่งความรู้สึกภายในใจของคนทั้งสอง  ชายเสื้อของชายหนุ่มซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มออกมาเลิกขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องเป็นลอนขาว  และนั่นทำให้ธีรามองเห็น จุดที่ทีเซลล์รวมตัวกันอยู่มากที่สุดบนร่างกายของฆีมษ์  บริเวณช่วงเอวล่างซ้ายค่อนไปทางสะโพก ปรากฎรอยปานสีน้ำตาลคล้ายรูปทรงปีกนก แผ่สยายไปทางด้านหลัง  ลวดลายอันวิจิตรบนผิวกายอันงดงาม  รอยสักของราชาสีขาวโดดเด่นจับตา ไม่แพ้รูปรอยแมงป่องของพิจิกเลยแม้แต่น้อย

                 พลันความรู้หนึ่งเกิดสว่างวาบขึ้นมาในหัวของธีรา  -- หากจุดอ่อนนี้ มองอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นจุดแข็งที่สุดบนร่างกาย  แล้วถ้าสามารถเคลื่อนย้ายศูนย์รวมทีเซลล์ตรงนี้ได้  ผลจะออกมาเป็นอย่างไร -- 

                 หญิงสาวครุ่นคิด  แต่ไม่อาจคาดคำนวณผลลัพธ์ซึ่งจะเกิดขึ้น หากมีการกระทำดังกล่าวออกมาได้  มีเพียงแรงกระตุ้นจากส่วนลึกในจิตใจเท่านั้น ที่กำลังยุยงส่งเสริมให้เธอเดินหน้าเต็มตัว เพื่อทำตามอย่างที่ใจคิด  -- ถ้าไม่ลองดูก็คงจะไม่รู้ --

                 “ฆีมษ์  คุณย้ายรอยนี่ ด้วยตัวเองได้ ใช่ไหม”  
                 ธีราชี้นิ้วไปที่รอยสักของราชา  ยังคงจับจ้องมองดูสัญลักษณ์นั้นอยู่อย่างตาไม่กะพริบ

                 “ได้สิ  มีอะไรอย่างนั้นหรือ”  

                 ราชาสีขาวถามกลับอย่างสงสัย  เขารู้เรื่องจากฮันแล้ว เรื่องที่ราชาแมงป่องเข้ามาพัวพันกับธีรา  และตอนนี้ ความรู้ที่อีกฝ่ายได้รับถ่ายทอดมาจากฝ่ายนั้น จะอยู่นอกเหนือขอบข่ายความรู้ของเขาหรือไม่  ฆีมษ์กำลังชั่งใจและรอดูความเป็นไปที่กำลังเกิดขึ้น

                 “ถ้าลองย้ายไปไว้ที่หลัง  ตรงจุดที่บาดเจ็บ  มันจะให้ผลอย่างไรกันนะ”  

                 ธีราเอ่ยคำพูดคาดเดาทำนองเป็นแนวทาง  นั่นจึงทำให้คนหัวไวอย่างฆีมษ์ สามารถเชื่อมโยงสาเหตุของอาการขืนตัว จนหลุดไปจากห้วงดำฤษณาของอีกฝ่ายได้
 
                 รอยสักของราชาส่วนใหญ่มักซ่อนกันเอาไว้ใต้ร่มผ้า..  การที่บุคคลผู้ซึ่งติดเชื้อได้ไม่นานอย่างเช่นคนตรงหน้าจะรู้จักสิ่งนี้ได้นั้น  ย่อมต้องมี ‘ราชา’ คนหนึ่งคนใด ยินยอมปลดเปลื้องให้ได้เห็นกันซึ่งหน้า  นี่หรือว่า.. ระหว่างธีรากับราชาแมงป่อง มีความสัมพันธ์ที่เกินธรรมดาไปแล้วอย่างนั้นหรือ..
 
                 “ผมเคยลองแล้ว แต่ไม่ได้ผล  ทีเซลล์ไม่ยอมไปอยู่ตรงจุดที่เสียหายเลย  ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไม”  

                 ฆีมษ์ตอบข้อสงสัย พลางจับชายเสื้อลง เพื่อปกปิดรอยสักราชาของตนอย่างนึกอาย  เพราะลงต่ำไปกว่านั้นอีกหน่อย ก็เกือบจะถึงบริเวณซึ่งไม่สมควรมองแล้ว

                 “ขอดูตรงที่ว่านั่น หน่อยได้ไหม”
                 “ฮะ?  อะ เอ่อ”  

                 เจ้าของผิวเนื้อขาวจัด แสดงอาการขัดเขิน แต่ก็ยอมพลิกตัวตะแคงข้าง ให้อีกฝ่ายพินิจพิจารณาบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บแต่โดยดี  แผ่นหลังกว้างนั้นเนียนเรียบ  มองเห็นกระดูกสันหลังนูนขึ้นมาเล็กน้อย  ตรงบริเวณกึ่งกลางหลังแถวช่วงเอว  ปรากฎรอยแผลปูดนูนกินรัศมีกว้างประมาณหนึ่งฝ่ามือ  ชั้นผิวหนังกำพร้าเป็นสีม่วงคล้ำช้ำเลือดอย่างน่ากลัว  ตรงนี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวดทรมานของราชาสีขาว
 
                 ลึกลงไปในอณูเนื้อ ซึ่งสายตาของมนุษย์มิอาจมองเห็น  บริเวณข้อกระดูกซึ่งบรรจุน้ำไขสันหลัง และเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาท  มีเยื่อเหนียวคล้ายพังผืดสีแดงคล้ำหุ้มอยู่โดยรอบ  เซลล์เม็ดเลือดขาวภายในตัวเจ้าของร่าง  แม้พยายามทำหน้าที่ขจัดสิ่งแปลกปลอมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็กลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายอยู่ร่ำไป  อีกทั้งเซลล์ที่ตายหรือหมดสภาพ ไม่อาจลอยล่องไปตามกระแสเลือด เพื่อขับเป็นของเสียออกจากร่าง  ด้วยถูกเนื้อเยื่อประหลาดเหล่านั้น  คอยดักเอาซากเซลล์ที่ตายมาทับถมไว้รวมกัน  จนก่อตัวเกิดเป็นลิ่มเลือดแข็ง อุดตันอยู่ตามข้อต่อกระดูกสันหลัง  เป็นผลทำให้เมื่อร่างกายขยับเคลื่อนไหว จะก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างสุดแสน 
 
                 “ก่อนหน้านี้  ทีเซลล์ของผมอยู่รวมกันอยู่มากที่สุด ก็ตรงบริเวณที่คุณเห็นอยู่นี่แหละ  ผมเองก็ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องร้ายๆ ขึ้นมาหรอก  แต่ในคืนนั้น  ธีรา.. คุณเองก็เห็นใช่ไหมว่า  ราชันย์พิฆาตทำอะไรกับผมที่ตรงกลางหลังนี่  เขาพยายามที่จะดึงเอาทีเซลล์ของผมออกจากจุดกำเนิด  ซึ่งมันก็คือจุดตายของผมในขณะเดียวกัน”

                 ธีรายังคงจดจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น  ภาพสยองขวัญที่ได้เห็นคนร้ายใช้นิ้วจิกขยุ้มลงในแผ่นหลังของฆีมษ์ยังคงติดตา  ภาพของชายร่างใหญ่ นัยน์ตาดุดัน ผู้เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันอันน่าสะพรึงกลัวคนนั้น ยังคงติดอยู่ในหัว แม้จนถึงนาทีนี้

                 ฆีมษ์ซึ่งกำลังนอนหันหลัง ตะแคงข้างให้ ยังคงพูดต่อไป

                 “นับตั้งแต่ตอนนั้น  ทีเซลล์ในตัวผมก็ย้ายจากตรงหลัง  มารวมอยู่ข้างแถวเอวแทน  ถ้าเป็นคนก็คงเปรียบเหมือนกับค่ายอพยพ  เพราะถูกทำลายฐานที่มั่นไป  ถึงตอนนี้  ความอึดเหนือคนก็ช่วยอะไรผมไม่ได้  ผมกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ  ในไม่ช้า.. ก็คงถึงเวลา..”

                 “ฉันไม่เข้าใจ  ถ้าคุณยังบาดเจ็บถึงขนาดนี้  ทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาล  เข้ารับการรักษาหรือผ่าตัด  มันก็น่าจะช่วยได้ ไม่ใช่หรือคะ”  

                 ความสิ้นหวังสำหรับฆีมษ์ คือ ความตาย  ธีรารู้สึกสั่นไหวมากเหลือเกินกับคำพูดของอีกฝ่าย

                 “อา.. ผมไม่อยากถูกฆ่า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะตัวประหลาด  มนุษย์ที่บาดแผลหายเองได้ ในชั่วเวลาสั้นๆ  คุณคิดว่า เขาจะรักษาผม โดยเก็บเรื่องอัศจรรย์พันลึกนี่ ไว้เป็นความลับของคนไข้ไหม  มันจะไม่มีความสงบสุขในชีวิตของผมอีกต่อไป  ถ้าหากเรื่องนี้กลายเป็นที่รู้โดยทั่วกัน  พวกคนธรรมดาอาจจะให้ความสนใจ  แต่พวกเขาไม่มีทางที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้”

                 “คุณก็เลยฝากความหวังไว้ที่ฉัน  เชื่อมั่นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฉันจะช่วยคุณได้หรือไม่น่ะหรือ”

                 “ผมเชื่อ..”
                 สองคำสั้นๆ ทว่าห่อหุ้มไว้ด้วยความรู้สึกมหาศาลภายใน  ธีราทั้งรู้สึกขนลุกปนตื้นตัน  เพราะนับตั้งแต่เกิดและมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้   ยังไม่เคยได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวของเธอ เหมือนอย่างคนตรงหน้านี้มาก่อน

                 -- ธีรา พินิจใจ .. คนที่ไม่เคยเป็นความหวังหรือที่พึ่งของใคร  ยังมีคนที่มองเห็นคุณค่าที่ตัวเธอเอง ไม่เคยมองเห็นอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ --
           
                 อาจเป็นด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ ที่ทำให้ภายในหัวขาวโพลนจนมองไม่เห็นสิ่งใด หญิงสาวเกิดอาการคล้ายเบลอไปชั่วขณะ  จู่ๆ มือของธีราพลันขยับเคลื่อนไหว โดยปราศจากการสั่งงานจากสมอง  ปลายนิ้วทั้งสิบแตะลงบนผิวเนื้อสีม่วงคล้ำ  เริ่มต้นกระทำบางสิ่งบางอย่าง ด้วยได้รับการชี้นำจากทีเซลล์ภายในร่างของตน

                 วินาทีแรกนั้น ฆีมษ์ต้องสะดุ้งสุดตัว  เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ชำแรกแทรกเข้ามาในร่างกาย สิ่งแปลกปลอมเริ่มเคลื่อนไหว หลั่งไหลไปทั่วราวกับการแตกตัวของสายน้ำ  อาการชาตรงกลางหลังเกิดขึ้น คล้ายช่วยลดทอนความเจ็บปวดของผู้กำลังถูกรักษา  ไม่มีโลหิตไหลหลั่งออกมา แม้นิ้วมือของธีรากำลังจมลึกเข้าในร่างของฆีมษ์ คล้ายดังทะลุผ่านดินเหนียวหยุ่นมือเข้าไป

                 ในคืนนั้น  ราชาสีขาวถูกทำร้ายด้วยวิธีใด  ผู้ช่วยเหลือก็กำลังจะแก้ไขด้วยวิธีการเดียวกัน  ทีเซลล์ส่วนหนึ่งในร่างของธีรากำลังเรียกร้อง ที่จะได้กลับไปแหวกว่ายในภาชนะ ที่พวกมันเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้

                 ฮันกับฮันนี่ สองพี่น้องเปิดประตูเข้ามาในจังหวะดังกล่าว  จึงเห็นภาพเหตุการณ์อันชวนเข้าใจผิดเข้าพอดิบพอดี

                 “คุณธีรา!  หัวหน้า!”
                 “อย่าทำร้ายพี่ฆีมษ์นะ ไปให้พ้น!”

                 ฮันนี่ถลาเข้ามากระชากไหล่  ผลักร่างของธีราให้แยกออกจากฆีมษ์ไปทางหนึ่ง  น้องสาวของฮันรีบเข้ามาประคองร่างของชายในดวงใจด้วยสีหน้าตื่นกลัว  ในตอนนี้  ร่างกายของฆีมษ์เหมือนถูกฉาบไว้ด้วยสีแดงไปทั่วทั้งตัว  แววตาและสติสัมปชัญญะดูเลื่อนลอยคล้ายคนถูกวางยา  ถึงกระนั้น ราชาสีขาวก็ยังเหยียดมือออกไปตรงหน้า  ร่ำร้องเรียกหาคนที่ตนต้องการมากที่สุด ในเวลานี้

                 “..ธีรา คุณอยู่ไหน.. อย่าทิ้ง..ผมไว้  ธีรา.. ช่วยผม”
                 “พี่คะ พี่ฆีมษ์  ฮันนี่อยู่นี่ค่ะ”
                 “อือ  ฉันกำลัง  อือ  รักษาเขา”  

                 ฮันเข้ามาช่วยพยุงร่างคนล้มให้ลุกขึ้น  ธีราส่งเสียงคล้ายดั่งสำลักลมหายใจ  ครางอือออกมาเป็นระยะราวกับหนาวจนตัวสั่น  ปลายนิ้วทั้งสิบมีเลือดออกไหลย้อยลงสู่พื้น  ซึ่งเกิดจากการขาดช่วงกะทันหันของการรักษา  เสี้ยววินาทีก่อนถูกแยกตัวออกจากกัน  ส่วนหนึ่งของธีราสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างของฆีมษ์ได้เป็นผลสำเร็จ  ทว่าตอนนี้ ทีเซลล์เหล่านั้นกำลังทำงานโดยไร้การควบคุม  และนั่นเป็นเหตุผลที่ธีราจำต้อง ‘ลงมือ’ อีกครั้ง

                 “ห๊ะ! อะไรนะ  คุณกำลังรักษาหัวหน้าอยู่ อย่างนั้นเหรอ!”  

                 ฮันอุทานด้วยใจหายวาบ  หวั่นกลัวความหวังที่รอคอยมานาน จะถูกทำลายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตนเองและน้องสาว  เขารีบพยุงร่างของธีราให้กลับเข้าไปใกล้ฆีมษ์อีกครั้ง  ทั้งยังสั่งให้น้องสาวตนถอยออกมา ด้วยแววตาและใช้น้ำเสียงกำหราบ ในแบบที่ไม่ค่อยจะได้ใช้บ่อยนัก

                 “ถอยออกมา ฮันนี่  ตอนนี้ หัวหน้าต้องการให้คุณธีราช่วย ไม่ใช่เธอ!”
                 “แต่พี่ฆีมษ์เขาเจ็บ  พี่ก็เห็นอยู่”
                 “ออกมาเดี๋ยวนี้!”

                 เมื่อโดนพี่ชายตวาดใส่  ฮันนี่ถึงค่อยยอมผละออกห่างจากคนทั้งคู่  ถึงแม้พี่ชายจะรักและให้ความสำคัญกับราชาสีขาวมากกว่า แต่เธอก็ไม่เคยอิจฉาหรือน้อยเนื้อต่ำใจ  แต่ในทางกลับกัน  ถ้าหากพี่ฆีมษ์เกิดให้ความรักหรือความสำคัญกับใครมากกว่าตนขึ้นมา  นั่นจึงจะเป็นเรื่องที่เธอยอมรับไม่ได้ และจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
 
                 ดูเหมือนธีรา ผู้ใช้ความสามารถพิเศษของทีเซลล์ได้เป็นครั้งแรก กำลังรั้งรอเวลาอยู่  อาการชาลดลง ทำให้ความเจ็บปวดของฆีมษ์เริ่มทวีมากขึ้น  ลึกลงภายใต้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดต่างๆ  ลิ่มเลือดคั่งค้างและเนื้อเยื่อร้ายที่คุกคามเจ้าของร่าง กำลังถูกทำลายด้วยผู้มาเยือนรายใหม่  มันเป็นการทำงานระดับจุลภาคอันน่าอัศจรรย์  เหล่าทีเซลล์ของธีราเจาะปลายนิ้วออกมาพร้อมกับเลือด  หมู่เซลล์สีม่วงตรงเข้าเจาะเปิดชั้นผิวหนัง เพื่อเปิดช่องเป็นทางให้หมู่เซลล์สีแดงและสีขาว สามารถทะลุผ่านเข้าไป 

                 ข้างในตรงบริเวณบาดแผล  มีเส้นประสาทยิบย่อยที่ขาดออกจากกันมากมาย  จึงเป็นหน้าที่ของหมู่เซลล์สีขาว ที่จะทำการเชื่อมต่อเส้นประสาทเหล่านั้นเข้าด้วยกัน  นอกเหนือไปจากนี้ ยังค้นพบต้นเหตุ หรือก็คือเซลล์ร้ายที่ยังมีชีวิต ออกมาสู้รบปรบมือกับผู้บุกรุกรายใหม่  หมู่เซลล์สีแดงของธีราจึงตรงเข้าโรมรันพันตูในทันใด โดยมีหมู่เซลล์สีม่วงคอยสนับสนุนอยู่ใกล้กัน  การทำงานของทีเซลล์ภายในร่างของฆีมษ์ดำเนินต่อไป  จนกระทั่งเวลาดำเนินมาถึง..

                 ธีรากดนิ้วลงไปบนผิวเนื้อของอีกฝ่ายอีกครั้ง  เมื่อฆีมษ์ส่งเสียงครางยาวๆ ออกมา ราวกับเจ็บปวดอย่างสุดแสน  ผิวหนังของราชาสีขาวปริแยกออกจากกันอย่างน่าอัศจรรย์  เสมือนเปิดทางให้นิ้วของอีกฝ่ายสามารถล้วงลึกลงไปในร่างกายของตน  สายโลหิตพิสดารเริ่มถ่ายเทย้อนกลับคืนสู่ร่างภาชนะ  มันดูดซับเอาทุกสิ่งออกมา ไม่เว้นแม้แต่เศษลิ่มเลือดที่อุดตันเหล่านั้น  รวมทั้งสูบเอาเซลล์หรือพลังชีวิตของฆีมษ์มาอีกด้วย

                 กระทั่งเสียงสั่งการดังกังวานในสมองให้หยุด  ธีราจึงถอนมือออก ผุดลุกขึ้น ผลุนผลันไปยังมุมห้อง  ก่อนเริ่มต้นโก่งคออาเจียนออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย

                 ปากแผลของฆีมษ์ผสานตัวปิดสนิทในเวลาอันรวดเร็ว  เตียงสีขาวบัดนี้ มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายชวนให้ตกใจสักเท่าไหร่  ฮันนี่รีบเข้าไปประคับประคองร่างอันอ่อนปวกเปียกของฆีมษ์  เช่นเดียวกับฮันซึ่งรีบเข้ามาดูอาการของราชาด้วยอีกคน  เขามองเห็นบริเวณบาดแผลซึ่งเคยส่อวี่แววน่าหวาดหวั่นก่อนหน้า  บัดนี้ หลงเหลือเพียงร่องรอยบวมช้ำเป็นปื้นสีแดง  ซึ่งในไม่ช้า ผิวหนังตรงบริเวณนี้ก็จะกลับมาขาวตามปกติ  และนั่นเป็นสัญญาณของข่าวดีที่แสดงให้เห็นว่า หัวหน้าของเขากำลังจะหาย..
 
                 “คุณธีรา เป็นอย่างไรบ้าง”

                 รองหัวหน้ากลุ่มสังกัดราชาสีขาว ผละไปทางความหวังเดียวผู้ที่ได้ทำหน้าที่ของตน จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์  นัยน์ตาของหญิงสาวพร่าพราย  น้ำตาไหลพราก  ธีรายังคงถ่มถุยน้ำลายซึ่งมีกลิ่นคาวจัดออกมาเรื่อยๆ  จนพื้นตรงหน้าเต็มไปด้วยกองอาเจียน ที่มีแต่เศษลิ่มเลือดผสมน้ำย่อยชวนผงะ  วิธีขับของเสียที่ดูดซับมาอย่างรวดเร็วที่สุด คือ การอาเจียนออกทางปาก  ทีเซลล์ในร่างได้จัดการให้เป็นไปตามนั้น โดยอัตโนมัติ

                 “เขาดูเป็นยังไง”
                 ธีราใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำลายที่เปื้อนลงมาจนถึงคาง  ถามโดยที่ไม่ได้หันกลับไปดูผลงานของตน

                 “หัวหน้าไม่เป็นอะไร  เขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย  คุณธีรา หัวหน้าจะหายดีใช่ไหม”  

                 มันอาจฟังดูเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัว และน่าเกลียดไปสักหน่อยในเวลานี้  แต่ฮันก็ต้องการคำยืนยันที่แน่ชัดจากปากของผู้ทำการรักษา  ธีราเองก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถามดังกล่าวตามตรง

                 “ฉันทำ..เท่าที่สามารถทำได้แล้ว  ขอโทษด้วยที่ทำเลอะเทอะ  ตอนนี้ ฉันเหนื่อยมาก อยากจะขอกลับเลย  คุณช่วยเรียกรถให้สักคันเถอะ”
                 “คุณอยู่ก่อนเถอะ  หัวหน้าคงยังไม่อยากให้คุณกลับหรอก  อีกอย่าง พวกเรายังไม่ได้ขอบคุณ..”
                 “เดี๋ยวนี้!”

                 เสียงเกรี้ยวกราดนั้นทรงพลัง จนฮันเกิดความกริ่งเกรง ไม่กล้ารั้งตัวอีกฝ่ายเอาไว้  เขาสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งนำรถออก  ดนูคนตัวใหญ่เข้ามาช่วยพยุงธีราให้ลุกขึ้น ก่อนพาไปส่งที่รถด้วยความเต็มใจ  ฆีมษ์มองผ่านม่านสายตาอันเลือนราง มองเห็นผู้มีพระคุณกำลังจะจากไป  เขาเอ่ยเพรียกเรียกอีกฝ่าย ด้วยเสียงอันแสนเบาผ่านลำคอจนแทบไม่มีใครได้ยิน

                 ยกเว้นก็แต่ฮันนี่  ผู้หญิงที่คิดว่า ตนใกล้ชิดราชาสีขาวที่สุดในโลกนี้

                 “อย่า..เพิ่ง ไป  ให้..เธอ อยู่ ก่อน”
                 “พี่ฆีมษ์คะ  ตัวเปื้อนไปหมดเลย  เดี๋ยวฮันนี่จะเช็ดตัวให้นะคะ”

                 หญิงสาวกลบคำเว้าวอนนั้น  ด้วยความปรารถนาดีที่ประสงค์ร้าย  เพราะตามจริงแล้ว เธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว  ความอิจฉาปนชิงชังเริ่มก่อเกิด  แฝงไว้ด้วยอาการหึงหวงและแสดงออกอย่างเปิดเผย  ฮันนี่ไม่เคยนึกถึงตัวตนของความเป็นคนพิเศษของฝ่ายนั้น  เธอมองเห็นธีราเป็นเหมือนคู่แข่งในฐานะศัตรูหัวใจ  เป็นคนที่ตนต้องกำจัดออกไปให้พ้นทาง

                 สำหรับฆีมษ์แล้ว  นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบเจอกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘ธีรา  พินิจใจ’  ก่อนเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบางอย่างจะบังเกิดขึ้น หลังจากนี้..
 


 
+++++++++++++++++++++++
 


 
                 หน้าสถานบันเทิงชื่อดัง มีป้ายติดประกาศเลื่อนเวลาเปิดให้บริการ  ภายด้านนอกมีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่าสิบคน ยืนตั้งแถวปิดทางเข้าออกทุกด้าน  ภาพดังกล่าวส่อความนัยให้คาดเดาไปได้ว่า  ภายใน ‘King J’ คงกำลังมีกิจกรรมบางอย่าง ที่ไม่ต้องการให้สายตาของคนภายนอกรู้เห็น  บริเวณลานจอดรถแน่นขนัดไปด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ จอดเรียงรายยึดพื้นที่จนเกือบเต็ม  สร้างความกังขาให้กับบรรดานักเที่ยวซึ่งพากันมารอเวลาเปิดตั้งแต่เย็นย่ำ ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ คาดเดากันไปต่างๆ นานา

                 ภายในตัวอาคาร แน่นขนัดไปด้วยคนนับร้อย ซึ่งต่างจับจองพื้นที่นั่ง  บ้างก็ยืนแยกแบ่งกลุ่มกันตามสังกัดของตน  บนเวทีคือร่างของคิงจา ผู้นำสูงสุดยืนเด่นเป็นสง่า และเป็นศูนย์กลางความสนใจ 

                 มุมทางขวาใกล้เวที มีโต๊ะซึ่งถูกจัดไว้สำหรับราชาน้ำแข็งโดยเฉพาะ  วสันต์มาตามที่ถูกเรียกพร้อมด้วยลูกน้องเพียงสองนาย คอยยืนขนาบซ้ายขวา 

                 พิจิก หรือราชาแมงป่อง พร้อมพรรคพวกราวสามสิบคน  เลือกทำเลปักหลักอยู่ด้านหลัง ใกล้กับประตูทางเข้าออก 

                 ส่วนตรงกลางคือบรรดาสมุนของคิงจา สังกัดราชันย์พิฆาตจำนวนกว่าห้าสิบคนยืนสงบนิ่ง ในท่าเฝ้าระวัง  ในที่แห่งนั้น  ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดัง นอกจากชายร่างใหญ่ทางฝั่งซ้ายของเวที  ผู้ซึ่งกำลังนั่งเอนกายวางท่า พลางส่งเสียงดังประกาศศักดา  แวดล้อมอยู่ท่ามกลางพวกบริวารราวยี่สิบคนเศษ  ซึ่งทั้งหมดดูคล้ายเป็นพวกนักเลงหัวไม้และพวกขี้ยา  แลดูผิดแผกแตกต่างไปจากจากกลุ่มอื่น
 
                 ในบรรดาผู้ถูกเรียกตัวมา  ร่างอ้อนแอ้นเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มของราชาแมงป่อง เอ่ยกระซิบกระซาบไถ่ถามกับคนใกล้ตัว ด้วยน้ำเสียงแสดงอาการตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็น  คนเดียวนี้เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พิจิกต้องวางสีหน้าเคร่งขรึมผิดไปจากปกติธรรมดา

                 “อ๋อ นั่นน่ะเหรอ ราชาวิปลาส ตัวใหญ่ดีนะ แต่ท่าทางขี้โม้น่าดู ร้ายมากไหม บอกหน่อยสิ” 

                 มัทรียังคงสอดส่ายสายตาไปทั่ว  เป็นครั้งแรกที่ตนได้ติดสอยห้อยตามคนทั้งกลุ่มมา ทำให้ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นความตื่นเต้น  ยังไม่นับที่ตัวเธอเองตั้งใจแต่งตัวให้เป็นเป้าสายตา เหมือนต้องการประกาศตัวว่า ตนคือผู้หญิงของราชาแมงป่อง!

                 “หุบปากซะที!  ทำไมต้องตามมาด้วยนะ”  

                 พิจิกคำรามลอดไรฟัน เพื่อปรามคนของตนให้อยู่ในความสงบ  ชายหนุ่มผมยาวสีเทาผิดธรรมชาติยืนอยู่ข้างหน้าสุด  ตามตำแหน่งหัวหน้าและผู้มีทีเซลล์เพียงหนึ่งเดียว ของกลุ่มราชาแมงป่อง
           
                 ราชันย์พิฆาตเริ่มกล่าว  เมื่อเห็นทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมและได้เวลาอันสมควร  เสียงทุ้มต่ำของคิงจาดังกังวานได้ยินกันทั่ว  โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องขยายเสียง

                 “ได้เวลาแล้ว  จะประกาศเรื่องที่เรียกมารวมตัวในวันนี้ ให้ได้รู้กัน  เรื่องแรกคือ กูกำลังสืบหาไอ้คนที่มันเอาศพมาทิ้งไว้แถวนี้ เพื่อป้ายสีให้ร้ายกู  ซึ่งหวังว่า คงจะไม่ใช่ใครในที่นี้หรอกนะ  เพราะกูจะตอบแทนให้อย่างสาสม ยิ่งกว่าตาย  กูจะทรมานมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่ากูจะพอใจให้มันตาย  พวกมึงทุกคนรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่า กูเป็นคนยังไง”

                 -- รู้ดิ! มึงมันไอ้เหี้ยมไง --   พิจิกนึกตอบโต้ในใจ หากแสดงออกแค่กระตุกยิ้มตรงมุมปากนิดหนึ่งเท่านั้น
 
                 “เฮ้ย!  งานนี้ ข้าไม่เกี่ยวด้วย  เพราะงั้นข้าไม่ทำนะโว้ย  บอกไว้ก่อน”
                 “กูบอกแล้วหรือ ว่าจะให้มึงทำอะไรน่ะ ไอ้สิงโต!”

                 ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผู้มีสมญานาม ‘ราชาวิปลาส’ ส่งเสียงขัดจังหวะคิงจา  บุคคลดังกล่าวมีผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากหนา  ดวงตากลมโตคล้ายมีเชื้อแขกประสมอยู่ในตัว  ผมยาวประบ่าฟูและหนาหยิกสมชื่อสิงโต  ตรงลำคอมีรอยสักรูปกางเขนกลับหัว ค่อนลงมาจากตรงคอหอยลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า  น้ำเสียงที่ใช้พูดกับคิงจาฟังดูโอนอ่อนผ่อนลงกว่าธรรมดา  แสดงถึงอาการยอมรับผู้เหนือกว่าอยู่ในที

                 และราชาวิปลาส คือ หนึ่งในไตรราชาแห่งความกลัว นอกเหนือไปจากราชันย์พิฆาต และราชาน้ำแข็ง

                 “เปล่า  แต่ข้าจะบอกไว้ก่อนไง”
                 “เออ  อะไรที่มันยากๆ ต้องใช้สมอง  กูไม่ให้คนโง่ๆ อย่างมึงทำหรอก  งั้นเอาอะไรง่ายๆ ที่มึงน่าจะทำได้ เอาไปทำก็แล้วกัน  อย่างเช่น ลักพาตัวเป็นไง”
                 “แล้วจะให้ไปลักพาตัวใครวะ”
                 “ผู้หญิง”
                 “ดูถูกกันฉิบหาย”

                 ราชาวิปลาสส่งเสียงหัวเราะ  บรรดาลูกน้องเลยก็พากันทำตาม เหมือนเห็นเป็นเรื่องชวนตลกขบขัน  ทว่าเสียงหัวเราะเหล่านั้นต้องหยุดลงในพริบตา  เมื่อจู่ๆ ตัวหัวหน้ากลับคว้าแก้วเหล้าเขวี้ยงลงพื้นจนแตกกระจาย  คล้ายดั่งเกิดอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

                 “พวกมึงหัวเราะหาห่าอะไรกันล่ะ กูไม่ได้ขำนะโว้ย”

                 ราชาน้ำแข็งซึ่งนั่งตีสีหน้าเรียบเฉย อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน หัวเราะหึออกมา  เมื่อเห็นกิริยาท่าทางอันแปรปรวนของอีกฝ่าย
 
                 คิงจาทำเป็นไม่สนใจกับการแสดงออกของสิงโต  ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ทำการประกาศเรื่องสำคัญต่อไป

                 “เรื่องที่สองเป็นข่าวดี  ทุกคนในที่นี้จะได้รู้ทั่วกันว่า ตอนนี้  ทีเซลล์ไม่ได้มีแค่ในตัวผู้ชายแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป  ข่าวนี้กระจายไปทั่ว  ผู้หญิงที่มีทีเซลล์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว”
 
            ทันทีที่ประโยคดังกล่าวนี้ถูกพูดจบลง  เสียงฮือฮาก็ดังเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที  วสันต์ขยับตัวเล็กน้อย เหลือบสายตามองไปทางพิจิก เพื่อจับตาดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่อาจมีต่อคำประกาศดังกล่าว  เนื่องจากล่วงรู้ว่า ฝ่ายนั้นมีชื่อร่วมพัวพันอยู่ด้วยกับข่าวลือดังกล่าว

                 ดูจากภายนอก  ราชาแมงป่องยังคงรักษาความสุขุม ทำเหมือนไม่ยินดียินร้ายหรือตื่นเต้นเท่าใดนัก กับเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟัง  หากแต่ภายในกลับสะดุ้งจนใจหาย  ความคิดคำนึงพลันแล่นกระหวัดไปยังเรื่องของธีราทันที

                 -- ผู้หญิงคนที่คิงจากำลังพูดถึงนี้ จะใช่ธีราไหมนะ  แล้วถ้าใช่ล่ะ เขาจะทำอย่างไรดี --

                 ขณะเดียวกัน มีใครบางคนส่งเสียงร้องถามขึ้นมา ด้วยความสงสัย
                 “คิงจา แล้วตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้น อยู่ที่ไหนกันล่ะ”

                 เอกอุแห่งไตรราชาเหยียดยิ้มอย่างพึงใจในคำถาม  นัยน์ตาวามวาวอยู่ด้วยประกายของความกระหาย ใคร่อยากที่จะทำลายล้างและเข่นฆ่า  มันเป็นแววตาอำมหิต ชนิดที่ใครก็ไม่กล้าสู้มองสบสายตาด้วย

                 “ก็ไม่ไกลหรอก.. อยู่กับคนใกล้ตัวพวกเรานี่แหละ”

                 คำพูดนั้นส่งผลต่อพิจิกโดยตรง  ราชาแมงป่องปรับเปลี่ยนท่าที เป็นระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที  พิจิกเตรียมมองหาทางหนีทีไล่  เผื่ออาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ชอบมาพากล ขึ้นกับตนและพรรคพวกในที่แห่งนี้

                 -- อะไรกัน!  มันรู้อยู่แล้วหรือนี่ ว่าธีราอยู่กับเรา --

                 “ใครกันวะ”  
                 ราชาวิปลาสร้องถาม  แสดงสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ ใคร่อยากรู้เป็นที่สุด

                 ให้บังเอิญที่สายตาของคิงจา เลื่อนมาสบเข้ากับพิจิก ผู้ซึ่งกำลังร้อนรนใจพอดิบพอดี  ฝ่ายแรกเผยอรอยยิ้มอันเลือดเย็นออกมา ก่อนเริ่มพูดต่อ

                 “ไอ้ฆีมษ์!  ราชาสีขาวผู้ไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โต นั่นไง”
 
                 เมื่อราชันต์พิฆาตออกปากเฉลย  พิจิกก็หลุดพ้นจากสถานะผู้ต้องสงสัย  ทว่าความแปลกใจในสิ่งที่ได้รับรู้นั้นส่งผลให้เขาต้องนิ่งอั้น  เวลานี้ พิจิกถูกนำมาสู่ความเข้าใจแล้วว่า  ผู้ที่เป็นต้นกำเนิดชีวิตใหม่  ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการติดเชื้อ และมอบความรู้ให้แก่ธีรานั้นเป็นใคร  คนผู้นั้นก็คือ ราชาสีขาวที่รอดตายจากการลงมือของคิงจาในคืนนั้น ..นั่นเอง!

                 -- ที่แท้ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้เอง  ทีเซลล์จากราชาสีขาวงั้นเองหรือนี่ --
 
                 “ได้ยินมาว่า ตอนนี้ มันพิการเดินไม่ได้ เพราะฝีมือกู  กูเลยคิดว่า จะไปเยี่ยมมันอีกสักหนก็ท่าจะดี”

                 คำว่า ‘เยี่ยม’ ในความหมายของคิงจา คือ การกำจัดทั้งตัวราชาสีขาว รวมถึงกวาดล้างกลุ่มของอีกฝ่ายให้สิ้นซากไป  คนมากมายในที่แห่งนั้นต่างตอบรับความคิดอันแสนชั่วร้ายนี้  ด้วยเสียงโห่ร้องสนับสนุน ชื่นชมต่อการที่จะได้เห็นความพินาศของผู้อื่น

                 แต่แล้ว หนึ่งเสียงก็ดังแทรกขึ้นมาเพื่อคัดค้าน  และบุคคลนั้นก็เป็นคนที่ทุกคนต้องฟังเสียด้วย

                 “_เรื่องนั้น เอาไว้ทีหลังก็ได้  ตอนนี้ แค่เอาตัวผู้หญิงมาก็พอ_”  

                 วสันต์ลุกขึ้นยืน  ข่าวที่เขาได้มาในตอนแรกนั้น  ตัวเองได้เป็นคนเผยแพร่ต่อให้คิงจาอีกทอดก็จริง  แต่ถึงกระนั้น ราชาน้ำแข็งเลือกที่จะเก็บซ่อนข้อมูลบางส่วน  เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในที่ลับกับใครอีกคน

                 “เฮ้ย!  เก็บกวาดทีเดียว จะได้ไม่ต้องยุ่งยากหลายที ไม่ดียังไงวะ  หรือเอ็งมีอะไรแอบแฝงกันแน่ ไอ้คนเจ้าแผนการ”  

                 สิงโตลุกขึ้นยืนตาม  แม้จะอยู่ตรงข้ามกันคนละฟากฝั่ง  แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น  คนทั้งสองไม่อาจร่วมมือหรือผูกมิตรต่อกัน  ด้วยต่างก็มีความรู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายในใจ  หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ ‘เกลียดขี้หน้ากัน’ นั่นเอง

                 ราชาน้ำแข็งวางท่าสุขุม นุ่มลึก ทำตัวเป็นเจ้าปัญญา คอยคิดอ่านวางแผนการอยู่ตลอดเวลา  ภาพลักษณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่คนอย่างราชาวิปลาส ผู้โผงผาง โฉ่งฉ่าง ใช้แต่อารมณ์และกำลังเข้าตัดสินแต่เพียงอย่างเดียว  จะแสดงอาการหมั่นไส้อีกฝ่าย ด้วยแรงอิจฉาริษยาอันมืดดำในใจ

                 ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย  ทุกคนล้วนไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่  ตราบใดที่ยังมีสัญชาตญาณและความรู้สึกพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตติดตัวอยู่
 
                 “ไม่ต้องมาตั้งท่ากัดกันตอนนี้นะเว้ย  วสันต์ ไหนลองพูดมา เหตุผลที่ต้องปล่อยไอ้ฆีมษ์ไว้ก่อน  เพราะกูก็อยากรู้เหมือนกับทุกคน”  
                 คิงจาพูดปรามคนทั้งคู่  หันไปทางวสันต์ เพื่อต้องการคำตอบที่ฟังเข้าหู

                 “_ในโลกนี้  คงไม่มีใครโค่นต้นไม้ที่ให้ดอกออกผลหรอก  ถ้าไม่คิดที่จะย้อนมาเก็บผลจากต้นเดิมอีกต่อไป  เพราะมันอาจจะออกมาผล มาให้เก็บใหม่อีกครั้งก็ได้  และบางที ผลที่เก็บมาตอนแรก มันอาจจะเสีย หรือยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน_”

                 ราชาน้ำแข็งเริ่มต้นคำพูดของตน  ด้วยอุปมาวกวน ชวนให้ต้องขบคิด

                 “ทำไมไม่อธิบายตรงๆ วะ  ทำไมต้องพูดให้คิดอีก  งงว่ะ”  
                 สิงโตไม่ลดราวาศอก  ยังคงพาลหาเรื่องอีกฝ่ายไม่เลิกรา

                 “มึงโง่ก็หุบปากสิวะ  ฟังเงียบๆ แล้วก็คิดตาม เผื่อจะฉลาดขึ้นมาบ้าง  อย่าเพิ่งเสือกขัด ไม่งั้นกูจะอุดปากมึงด้วยเกือกกูนี่”  

                 คิงจาหันไปตวาดอีกทาง  พลางขยับเท้าประกอบ ถึงพอทำให้คนปากเสียยอมสงบปากคำลงชั่วคราว

                 ระหว่างนี้  พิจิกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่อยู่ในฐานะคนวงนอก กำลังตั้งใจฟังทุกกระบวนความ

                 “_อะไรที่เรายังไม่รู้ว่า สมบูรณ์หรือไม่ ก็ยังไม่ควรทำลายผู้ให้กำเนิดมัน_”

                 “อ้อ  จะบอกว่า ควรยืดเวลาให้แม่ไก่ ได้ออกไข่อีก ว่างั้นเหอะ”

                 “_เราต่างรู้กันดีว่า ราชาสีขาวเป็นคนที่รักความยุติธรรม  และคนที่มีคุณธรรมอย่างมันจะต้องสู้ เพื่อปกป้องผู้หญิงที่มันสร้างขึ้นมา  ถึงแม้มันจะสู้เราไม่ได้ก็ตาม  แต่ฉันกล้าพูดเลยว่า มันยอมสู้จนตัวตายแน่ เพื่อขัดขวางเราจนถึงที่สุด  และถ้ามันตาย  ใครจะสร้างผู้หญิงที่มีทีเซลล์ขึ้นมาอีกได้กันล่ะ_”  

                 เหตุผลซึ่งยกขึ้นมากล่าวอ้างนั้น  วสันต์ล้วนแล้วแต่ใช้สติปัญญาของตนคิดขึ้นมาทั้งสิ้น  และด้วยความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง จากผลงานและความสำเร็จอันไร้ข้อกังขาที่ผ่านมา  เขาจึงมีพลังมากพอที่จะชี้นำหรือโน้มน้าวคนทั้งปวงให้คล้อยตามได้ไม่ยาก  ดังนั้น คนหมู่มากจึงเริ่มแสดงออก คล้ายเห็นด้วยกับความคิดอ่านอันรอบคอบของวสันต์

                 นี่จึงเปรียบเป็นความน่ากลัวของราชาน้ำแข็ง  ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเลี้ยงคนด้วยความกลัว เหมือนอย่างราชาคนอื่นๆ
 
                 “งั้นก็เอาเป็นตามนี้  ปล่อยไอ้ฆีมษ์ไว้ก่อน  แค่เอาตัวผู้หญิงมาก็พอ  งั้นไอ้สิงโต มึงรับงานนี้ไปทำ  และอย่าเสือกทำ มากกว่าที่กูบอกด้วย  กูเกลียดการมีปัญหา โดยเฉพาะปัญหากับมึง”  

                 คิงจาตัดสินในท้ายที่สุด  ก่อนหันมาทางพิจิก ผู้ยืนห่างไกลจากระยะสายตา

                 “เออ.. หรือจะให้มึงรับไปทำดีวะ ไอ้พิจิก”
                 “ได้~”  

                 พิจิกเต็มใจรับอาสา  อย่างน้อย เพื่อที่ตนจะได้มีโอกาสเตือน หรือไม่ก็คุ้มครองธีราอย่างใกล้ชิด

                 “ไม่ต้องเสือกเลย  หน้าที่กูเว้ย!”  

                 ไม่มีใครทันได้เห็นว่า สิงโตโผล่พรวดไปยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่  จู่ๆ เขาก็มาปรากฏตัว ยืนอยู่ต่อหน้าพิจิก  ทั้งยังยืนกอดอกวางมาด ดังต้องการจะข่มอยู่ในที  ราชาวิปลาสผู้ชมชอบการยั่วยุโทสะผู้อื่น  ยื่นหน้าเข้ามาสำทับอีกฝ่าย  

                 “เด็กเมื่อวานซืน ยังไงก็ยังเป็นเด็ก  อย่าริข้ามหน้าข้ามตา ทำงานใหญ่เกินตัว”
                 “อันนี้แนะนำ หรือสบประมาทกันล่ะ~ เฮียโต”  

                 พิจิกสะกดกลั้นความไม่พอใจ  พยายามพูดกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  ใช้น้ำเสียงกึ่งทีเล่นทีจริงอย่างที่เคยทำ

                 “แล้วแต่มึงจะคิดเว้ย  อย่ามาเกะกะกูก็พอ”  

                 คำพูดดังกล่าวมีเจตนาหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด  พรรคพวกที่มาด้วยกันกับพิจิก ต่างรู้สึกไม่พอใจแทนหัวหน้าผู้ถูกดูหมิ่น  แต่ก็ไม่มีใครกล้าหลุดแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ออกไป  เนื่องจากถูกสั่งห้ามไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่จะพากันมาที่นี่  ยกเว้นเพียงหนึ่งคนผู้อดรนทนไม่ไหว ซึ่งนั่นก็คือ มัทรี นั่นเอง

                 “ไม่เห็นต้องมาทำพูดข่มกันเลยนี่  พิจิกเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ให้คุณสักหน่อย”

                 มัทรีออกปากต่อว่าเสียงฉาดฉาน  เสร็จแล้วก็หลบวูบอยู่ข้างหลังพิจิก  ส่งผลให้คนข้างหน้าต้องตกเป็นฝ่ายรับเอาโทสะของราชาวิปลาส มาใส่ไว้บนบ่าของตัวเอง

                 “นี่เมียมึงรึไง  ทำไมออกรับแทนกันดีเหลือเกิน  ขอดูคนปากดีให้ชัดๆ หน่อยเด๊ะ”  

                 สิงโตกระชากแขนของมัทรี ดึงให้ออกมายืนอยู่ต่อหน้า  ดวงตาพองโตส่อประกายวามวาว ดั่งพึงพอใจในความสดสวยบนเรือนร่างอันอวบอัดของหญิงสาวตรงหน้า

                 ราชาแมงป่องยังไม่วู่วามแล่นเข้าแตกหัก  ทว่าพิจิกพร้อมอยู่แล้ว ในสภาพเตรียมพร้อมใช้ความสามารถพิเศษของทีเซลล์

                 “ว่าไง  นี่ใช่เมียมึงรึเปล่า  ถ้าใช่ กูก็จะไม่ถือสา ปล่อยไปสักครั้ง  แต่ถ้าไม่ใช่ กูขอ”
                 
                 “พิจิก..”  
                 มัทรีหันไปทางชายหนุ่มที่มีใจ หวังขอความช่วยเหลือ  รู้สึกลุ้นระทึกไปกับคำตอบมากกว่าการที่ถูกคนน่ากลัวจับตัวเอาไว้เสียอีก

                 “ใช่!”  

                 วินาทีนั้น  พิจิกไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า ต้องการช่วยพรรคพวกของตน  คำยอมรับจากปากจึงทำให้มือของราชาวิปลาสที่จับแขนหญิงสาวเอาไว้คลายออก  มัทรียิ้มกว้างอย่างยินดีกับคำตอบที่ได้ยินได้ฟัง

                 “ได้เมียสวยดีนี่มึง อย่าเผลอล่ะ”
 
                 “หยอกกันพอรึยัง  ไอ้สิงโต พิจิก วสันต์ ตามมาที่ห้อง  กูมีเรื่องจะพูดด้วย  ส่วนคนอื่นๆ อยู่ในความสงบ  อย่าเสือกมีเรื่องกัน  ไม่อย่างนั้น  กูจะทำให้เป็นศพ หามกลับออกไป”

                 ราชันย์พิฆาตประกาศก้อง ให้ทุกคนซึ่งรวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนั้นได้ยินได้ฟัง  ก่อนออกเดินนำหน้าขึ้นไปห้องส่วนตัวของตน ที่อยู่ชั้นบนก่อนเป็นคนแรก  ระหว่างทางขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของคิงจา  วสันต์ผู้เยือกเย็นอาศัยจังหวะ เดินเข้ามาใกล้พิจิก  ก่อนเอ่ยประโยคชวนตื่นตกใจกับอีกฝ่าย  ด้วยเสียงเบาฟังราวกับกระซิบ
 
                 “_ที่จริง  ผู้หญิงคนนั้น อยู่กับนายใช่ไหมล่ะ  คิดจะทำยังไงต่อไป_”

                 พิจิกชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน  แววตาอันไร้ความรู้สึกของอีกฝ่ายมองมาที่ตน ราวกับมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง  พิจิกลังเลเล็กน้อยว่า สมควรเปิดเผยเรื่องราวกับวสันต์ดีหรือไม่  เพราะอย่างน้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมา  พวกเขาทั้งสองต่างไม่เคยมีเรื่องขัดใจ หรือบาดหมางกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

                 แม้ไม่ใช่ศัตรู  หากแต่ก็ไม่ใช่มิตรเต็มตัว..  คบหากันด้วยผลประโยชน์  ความสัมพันธ์เป็นไปตามหน้าที่

                 “นายรู้เหรอ”
                 “_ฉันจะยืดเวลา ให้นายได้เตรียมตัวอีกสักหน่อย  ข่าวที่คิงจารู้นี่ก็มาจากฉัน  แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี  ไม่ได้จะช่วยอะไรหรอกนะ  แต่ฉันยังไม่ได้แพร่งพรายเรื่องของนาย ให้ใครในที่นี้ได้รู้_”  
                 “นายต้องการอะไร  ถ้าฉันจะขอให้นายช่วย”  

                 เมื่ออีกฝ่ายพูดเป็นนัย  พิจิกจึงยื่นข้อเสนอกลับไปในทันที  คนอย่างราชาน้ำแข็งคงไม่ช่วยเหลือใครง่ายๆ  โดยปราศจากข้อแลกเปลี่ยน หรือผลประโยชน์เป็นแน่แท้

                 วสันต์รู้สึกพึงพอใจที่เบี้ยตัวหนึ่งบนกระดาน เริ่มเดินไปตามทางที่ตนต้องการให้เป็นไป  -- ผลลัพธ์น่าจะออกมาพอใช้ได้  ถ้าเขาจะลองต่อรองกับไอ้เด็กซ่านี่ ดูสักหน --

                 “_จะแลกเปลี่ยนกับฉันหรือ ..ก็ได้  แต่มีอย่างหนึ่งที่นายต้องรู้ไว้ก่อนนะ  นั่นก็คือ ฉันจะไม่เสี่ยงกับคิงจา  และกับอะไรก็ตามที่อาจอยู่เหนือการควบคุม  บอกไว้ก่อนนี่ นายคงเข้าใจ_”
                 “เข้าใจ  ฉันสัญญา จะไม่มีใครรู้ว่า นายคอยช่วยฉันอยู่จากข้างหลัง”
                 “_ฉันไม่ต้องการคำสัญญา  ส่วนเรื่องตอบแทนอะไรนั่น  เอาไว้ค่อยพูดกันทีหลัง  สำหรับตอนนี้ นายควรรีบออกไปจากที่นี่  แล้วเคลื่อนไหวให้เร็วกว่าไอ้สิงโตก็แล้วกัน_”  

                 วสันต์พูดรัวเร็ว  เมื่อพากันเดินมาจนถึงหน้าห้องส่วนตัวของราชันย์พิฆาตแล้ว  

                 “_พอแค่นี้ก่อน  เดี๋ยวมันจะสงสัย_”

                 ราชาทั้งสองผ่านเข้าประตูห้องไป  คล้ายเป็นเขตแดนที่สงวนไว้ให้เฉพาะแก่เหล่ามนุษย์ ผู้ที่ข้ามพ้นขีดจำกัดของธรรมชาติมาแล้วเท่านั้น  คนปกติธรรมดาทั่วไปน้อยคนนัก ที่จะมีโอกาสได้ล่วงรู้เลยว่า มีสิ่งใดหรือความลับอันใดบ้างที่เกิดขึ้นภายในห้องดังกล่าว
 


                 ในที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลจากที่นั่น  ร่างของบุคคลผู้ซึ่งถูกกำหนดไว้เป็นเป้าหมาย กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติ  ธีรา พินิจใจ เหน็ดเหนื่อยอย่างหนัก หมดแรงกำลังไปกับการรักษาราชาสีขาว ด้วยวิธีการอันสุดแสนอัศจรรย์พันลึก  ไม่เพียงแต่ทุ่มเททั้งกายและใจ  หากแต่ทำอย่างสุดกำลัง ด้วยสุดความสามารถของอนุภาคเซลล์ตัวเอง

                 ร่างของใครคนหนึ่งแอบเล็ดลอดเข้ามาในห้อง  ธนสรณ์ผู้เป็นพี่ชายคนรอง มองดูร่างของน้องสาวผู้กำลังนอนหลับอยู่อย่างเงียบๆ  ถึงแม้จะไม่มีใครเอ่ยถึงสิ่งผิดปกติ ซึ่งนับวันมีแต่จะยิ่งทำให้น้องสาวแลดูเปลี่ยนแปลงไป  แต่คนใกล้ชิดอย่างพี่น้องร่วมท้องเดียวกันย่อมจับสังเกตนี้ได้  ธนสรณ์รู้สึกอาทรห่วงใย  เพราะพี่ชายอย่างเขารู้ดีว่า น้องสาวตนเป็นคนเข้มแข็ง และมักเก็บซ่อนปัญหาเอาไว้  ไม่ค่อยร้องขอความช่วยเหลือจากใครเสมอมา
 
                 “พี่.. ฉันโดนกรีดแขนจริงๆ นะ  พี่เชื่อฉันรึเปล่า  ใครๆ ก็ไม่เชื่อฉัน เพราะแผลมันหายไปแล้ว”
 
                 ..วันนั้น  พี่ชายทั้งสองต่างหัวเราะ อย่างเห็นเป็นเรื่องตลกชวนขบขัน  หากแต่ธนสรณ์ก็รู้สึกสะดุดกับสีหน้าจริงจังของธีราในวันนั้น เสียเหลือเกิน

                 เขาเข้าไปยืนข้างเตียง  พินิจมองใบหน้าของคนหลับที่ดูหม่นหมองกว่าทุกคราว  หากสามารถรับรู้ปัญหาของน้องสาวได้ ก็คงพอจะช่วยแบ่งเบาเรื่องทุกข์ร้อนลงได้บ้างอยู่หรอก..
 
                 “ธีรา แกมีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้นะ  พี่จะช่วยแกทุกอย่างเลย  อย่าเก็บไว้คนเดียว”
 
                 ธนสรณ์พูดกับคนหลับ  ก่อนจะกลับออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบเชียบ เหมือนเมื่อตอนเข้ามา  ปล่อยให้น้องสาวได้พักผ่อนในห้วงนิทรา  เพราะนั่นเป็นโมงยามที่สงบสุขที่สุดแล้วในแต่ละคืนวัน  เป็นช่วงเวลาที่ปราศจากความวุ่นวายทางโลก ซึ่งรบกวนทั้งร่างกายและจิตใจ

                 ..หลับเพื่อจะได้ตื่นขึ้นในวันใหม่  เริ่มต้นชีวิตอันยุ่งเหยิงต่อไป อย่างไม่อ่อนล้าหรืออ่อนแรง..
 


 
+++++++++++++++++++++++++



Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2563 13:59:48 น. 0 comments
Counter : 565 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zionzany
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เขียนนิยาย

ปลดปล่อยจินตนาการ

ไม่ยึดติดกับแนวไหน

เพราะจะไปให้ถึงที่สุด..

เท่าที่เราสามารถแผ่

กิ่งก้านความสามารถ

ออกไปสู่โลกกว้างได้

ยินดีต้อนรับทุกคน

สู่โลกของ zionzany

ที่นี่ .. ตรงนี้นะจ้ะ
แต่งนิยายทำร้ายผู้อ่าน ..Tcell H-A-V.. ..Tacticle Ball.. ..Kiss Myself.. ..ZhuXian จูเซียน.. ..เพียงฝันนี้ ศรีสุวรรณ.. อยากคูล อยากคัลท์ อยากมันส์ ที่สำคัญ อยาก-เขียน-ให้-จบ Let's rock Baby
New Comments
Friends' blogs
[Add zionzany's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.