ใครเป็นหนี้ บุญคุณใคร
นิทานปรัชญา เสฐียรพงษ์ วรรณปก
กล่าวกันว่าทางภาคตะวันออกของรัฐเจ็ง มีคนเก่งในวิทยาการสาขาต่างๆ มากมาย ไป่เพิง (ศิษย์ของปรมาจารย์หลีจื๊อ) เดินทางผ่านไปทางภาคตะวันออกของรัฐเจ็ง พร้อมบริวารสวนทางกับเต็งสี ขุนนางผู้ใหญ่ของรัฐคนหนึ่ง
เต็งสี หันมายิ้มกับลูกน้อง พูดว่า
"ถ้าฉันจะทำให้นักบวชพวกนี้เต้นเป็นเจ้าเข้า พวกแกจะว่าอย่างไร"
"ก็ดีน่ะซิ ใต้เท้า" ลูกน้องส่งเสริม
เต็งสี เดินตรงไปทางไป่เพิง พูดถากถางว่า
"ท่านรู้ไหม การเลี้ยงดู กับการขุนสัตว์ ต่างกันตรงไหน อย่างบุตรเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะพ่อแม่มีบุญคุณต่อตน คนขุนสัตว์ เพราะได้ประโยชน์จากมัน (เช่น เลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน เลี้ยงสุกรไว้กินเนื้อ)
แต่นักบวชเช่นพวกท่าน จะว่าถูกเลี้ยงดูก็ไม่ใช่เพราะไม่มีบุญคุณต่อรัฐ จะว่าถูกขุนก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์อะไร พวกท่านทั้งหนุ่มและแก่ ต่างอยู่ดีกินดี อ้วนท้วนสมบูรณ์เป็นหนี้บุญคุณต่อรัฐเปล่าๆ"
ไป่เพิงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบแต่อย่างใด แต่ศิษย์คนหนึ่ง ก้าวพรวดออกมาประจันหน้าเต็งสี กล่าวว่า
"ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่าในรัฐชี้ มีคนเชี่ยวชาญในวิชาการต่างๆ มาก บางคนเป็นช่างปั้นหม้อ บางคนเป็นช่างเหล็ก ช่างไม้ ช่างหนัง นักเขียน นักทำนาย นักการทหาร นักศาสนา ในแต่ละสาขาวิชา มีคนเก่งมากมาย
คนเก่งเหล่านั้นไม่เคยตั้งใครไว้ในตำแหน่งใดๆ และไม่เคยสั่งให้ใครทำอะไร
แต่คนที่ตั้งพวกเขาในตำแหน่งต่างๆ มักไม่มีความรู้และคนที่สั่งให้เขาทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มักไม่มีความสามารถจะทำเองได้ ต้องอาศัยความรู้ และความสามารถของคนเก่งเหล่านั้น
ขุนนางเช่นพวกท่าน ที่ตั้งใครต่อใครในตำแหน่งต่างๆ และสั่งให้ใครทำอะไรให้ต่างหากเล่า เป็นหนี้บุญคุณคนเช่นพวกข้าพเจ้า อย่างนี้แล้วยังจะหยิ่งผยองอีกหรือ"
เต็งสี ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร จึงเดินหนีไป
หน้า 30
ขอขอบคุณ
ข่าวสดออนไลน์ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ศุกรวารสิริวิบูลย์ค่ะ
Create Date : 08 กรกฎาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2554 15:22:53 น. |
Counter : 1336 Pageviews. |
|
|
|