| | | สำหรับตัวเกม "แองกรี้เบิร์ด วีอาร์" ในเวอร์ชันเดโมที่ถูกนำไปให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองเล่นกันนั้น จะมีวิธีการเล่นที่แตกต่างออกไปจากเกมภาคก่อนๆในซีรีย์ เนื่องด้วยการที่มันบังคับให้ต้องเล่นร่วมกับอุปกรณ์แว่นสวมหัว "Gear VR" ของซัมซุง ซึ่งจะเปลี่ยนจากการใช้นิ้วจิ้มสัมผัสดีดนกพุ่งชนตึกเหมือนแต่ก่อน มาเป็นการผงกหัวโยกศีรษะบังคับเหล่านกบินโฉบผ่านอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย "แองกรี้เบิร์ด" ถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์เกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอันดับต้นๆบนสมาร์ทโฟน นับตั้งแต่ที่ตัวเกมภาคแรกปล่อยออกมาก็สร้างสถิติถล่มทลาย ด้วยยอดอินสตอลติดตั้งบนแอนดรอยด์ที่สูงถึง 500 ล้านครั้ง (จากข้อมูลของกูเกิลเพลย์สโตร์) ซึ่งหากนับรวมทุกภาคทุกระบบปฏิบัติการ ตามรายงานเมื่อช่วงต้นปี 2014 แฟรนไชส์ดังกล่าวสามารถทำยอดดาวน์โหลดพุ่งทะลุหลัก 2 พันล้านครั้งไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าอุปกรณ์ "Gear VR" นั้นเป็นผลิตภัณฑ์จากซัมซุงที่ได้บริษัท Oculus มาร่วมสร้างโดยใช้แนวคิดเดียวกับ "Google Cardboard" มีลักษณะเป็นแว่นสวมหัวที่จับเอาโทรศัพท์รุ่น "Note 4" มาประกอบเป็นหน้าจอและตัวประมวลผล ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างอิสระไม่ต้องผูกติดกับเครื่องพีซีหรือคอนโซลเหมือนคู่แข่งรายอื่น โดยเริ่มวางจำหน่ายไปแล้วที่ราคา 199 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,400 บาท) ซึ่งปัจจุบันบริษัท Rovio ไม่ได้เป็นค่ายเกมยักษ์ใหญ่เจ้าเดียวที่ตัดสินใจตบเท้าส่งแอพฯเกมดังของตนเข้าร่วมแจมประสบการณ์เสมือนจริง เนื่องจากทาง Imangi Studios บริษัทผู้พัฒนาแอพฯต้นตำรับเกมแนววิ่งบนมือถือ ก็เคยมีการประกาศเปิดตัวเกม "Temple Run VR" ไปแล้วก่อนหน้านี้
|