ตื่นตาสัตว์พันธุ์ใหม่ ถิ่น "แม่น้ำโขงอันลี้ลับ"
1.กระรอกบินลาว 2.ตุ๊กกายภูเก็ต 3.นกกระจิบกัมพูชา 4.งูสายม่าน 5.ตุ๊กแกบินแก่งกระจาน 6.ปลาเวียดนาม
| ฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน กองทุนสัตว์ป่าโลก WWF เผยแพร่รายงาน "แม่โขงอันลี้ลับ" หรือ Mysterious Mekong รวบรวมการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ของโลกในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงในช่วงปี 2555-2556 ที่ค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์แต่ละชนิดพันธุ์จาก ทั่วโลก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ไม่เพียงนำเสนอสัตว์ที่น่าตื่นตา ตั้งแต่ค้างคาวหลังคุ้ม ปลาที่ผสมพันธุ์โดยใช้หัว ตุ๊กแกถลาลม ไปจนถึงกระรอกบินขนาดยักษ์ ฯลฯ รายงานแม่โขงอันลี้ลับฉบับนี้ยังเตือนถึงภัยของการพัฒนาในรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน การล่าสัตว์ป่า ลักลอบตัดไม้ ว่าล้วนคุกคามต่อความหลากหลายธรรมชาติแห่งพื้นที่แม่น้ำโขง
อย่างกระรอกบินลาวขนาดยักษ์สายพันธุ์ใหม่ (Biswamoyopterus laoensis) เป็นตัวแรกที่ค้นพบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเด่นคือขนอันมีสีแดงและขาวอันเด่นชัด แต่กลับถูกพบในตลาดค้าเนื้อสัตว์ของลาว
หรืออย่างงูหัวกะโหลกชนิดใหม่ Homalopsis mereljcoxi ก็ถูกล่าอย่างหนักในโตนเลสาบของกัมพูชา เพราะหนังของมันเป็นที่นิยม
รายงานฉบับนี้เน้นไปสัตว์สายพันธุ์ใหม่ 15 สายพันธุ์ที่เพิ่งค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ จากพืช 290 ชนิด ปลา 24 ชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 21 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 3 ชนิดและนก 1 ชนิด
ทั้งหมดขึ้นทะเบียนและได้รับการยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงปีพ.ศ.2554-2555
การสำรวจดังกล่าวกินบริเวณอาณาเขตพาดผ่าน กัมพูชา ลาว พม่า ไทย เวียดนาม และตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในเขตมณฑลยูนนาน โดยทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2540 จนนักวิทยาศาสตร์ในเขตแม่น้ำโขงค้นพบสัตว์และพืชสายพันธุ์ใหม่แล้วกว่า 2,077 ชนิด |
ปกของรายงานฉบับนี้เป็นนกกระจิบที่มีผู้พบกลางกรุงพนมเปญ เรียกว่า นกกระจิบกัมพูชา Orthotomus chaktomuk พบครั้งแรกในปี 2552 ระหว่างการตรวจค้นในช่วงแพร่ระบาดของไข้หวัดนก หลังการตรวจสอบโดยละเอียดทั้งจากขนนก เสียงร้อง และยีน นกกระจิบกัมพูชาจึงขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ สายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ
ส่วนในประเทศลาว ค้นพบแมงมุมนักล่าสายพันธุ์ใหม่ (Sinopoda scurion) เป็นแมงมุมนักล่าชนิดแรกในโลกที่ไร้ดวงตา วิวัฒนาการ ดังกล่าวเกิดจากการที่มันอาศัยอยู่ภายในถ้ำซึ่งไร้แสงอาทิตย์และมืดมิด
มาถึงประเทศไทย สัตว์ที่ปรากฏในรายงานเคยเป็นข่าวมาก่อนแล้ว เช่น ตุ๊กกายภูเก็ต Cyrtodactylus phuketensis พบเกาะตามต้นไม้ ขนาดใหญ่เวลากลางคืน หรืออาจพบวิ่งตามพื้นเมื่อหลบหนีเข้ารูที่เป็นดินโคลนต้นไม้หรือใต้หิน เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นบนเกาะภูเก็ต
ตามด้วย ตุ๊กแกบินแห่งแก่งกระจาน Ptychozoon kaengkrachanense พบในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีลายพรางและอาศัยการยืดผิวหนังด้านข้างของลำตัวและบนนิ้วเท้าเพื่อร่อนตัวไปมาตามกิ่งไม้
ดร.โธมัส เกรย์ ผู้จัดการของโครงการ WWF สายพันธุ์แม่น้ำโขง กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งมีการเข้าสำรวจน้อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเขตป่าข้ามพรมแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งมีพื้นที่ติดกับพม่า จึงเป็นพื้นที่หัวใจหลักสำคัญในการค้นคว้าหาสายพันธุ์ใหม่ของประเทศ ไทยและประเทศพม่า อีกทั้งยังเป็นบ้านของหนึ่งในประชากรเสือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่นี่ยืนยันความสำคัญของการพยายามอนุรักษ์ผืนป่าอันยิ่งใหญ่แห่งนี้เอาไว้โดยกองทุนสัตว์ป่าโลกและคณะที่มีส่วนร่วม 1.จิ้งเหลนสายรุ้ง
2.กบเขียวบิน
3.งูพิษพม่า
4.แมงมุมขายาวตาบอด
|
นอกจากนี้ยังมีงูหัวกะโหลกไทย Homalopsis mereljcoxi พบที่จ.นครราชสีมา ในรายงานระบุว่า มีลายที่หัวเหมือนใส่หน้ากากโซโร อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ จัดเป็นงูน้ำ พิษไม่ร้ายแรง
ตามด้วยงูสายม่าน คอดอกเลื่อยสีดำ Sawtooth-necked Bronzeback พบในเขตเนินเขาเขียวชอุ่มเหนือระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร เคยพบในป่าไผ่ใกล้ลำธาร แต่หายไปหลังจากป่าถูกทำลาย กระทั่งมาพบอีกครั้งตามชายแดนไทย-พม่า
ในเวียดนาม ตื่นตากับการค้นพบค้างคาวหน้าตาแปลก มีผู้พบเห็นครั้งแรกในปี 2551 บนเกาะแคตบาของเวียดนาม กระทั่งทีมนักวิจัยจับเจ้าค้างคาวได้สำเร็จและค้นพบว่ามันคือสัตว์สายพันธุ์ใหม่ได้ชื่อว่า เจ้าค้างคาวจมูกกริฟฟิน หรือค้างคาวหน้ายักษ์ Griffin"s leaf-nosed Bat (Hipposideros griffini) ด้วยความที่จมูกของมันดูน่าเกลียดน่ากลัว ดูแล้วนึกว่าเป็นเนื้องอกนั้น จริงๆ แล้วมีประโยชน์ในการนำทางผ่านการสะท้อนของเสียง
อีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งมีผู้ค้นพบในเวียดนาม คือปลาขนาดเล็กเกือบโปร่งใสจนมองทะลุและมีอวัยวะภายในซับซ้อน ชื่อว่า Phallostethus cuulong มีอวัยวะเพศอยู่ด้านหลังของปากทำให้มันผสมพันธุ์โดยใช้หัวสัมผัสกับหัว โดยตัวผู้จะใช้ "priapium" หรืออวัยวะช่วยสืบพันธุ์เพื่อเกาะกับตัวเมีย
สำหรับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่โดดเด่นสะดุดตาคือ กบเขียวบิน Helen"s Flying Frog (Rhacophorus helenae) ค้นพบห่างออกไปไม่ถึง 100 กิโลเมตรจากนครโฮจิมินห์ในเวียดนาม
เจ้ากบสีเขียวขนาดใหญ่นี้ซ่อนตัวจากการค้นพบของนักชีววิทยามาได้ตลอด กระทั่ง โจดี้ โรวลีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชาวออสเตรเลีย สะดุดตาในจังหวะที่มันอาศัยการร่อนตัวไปมาบนยอดไม้ โดยใช้พังผืดที่เป็นครีบบนมือและเท้า พวกมันจะลงมาจากยอดไม้เพื่อผสมพันธุ์ในแหล่งน้ำเท่านั้น กบเขียวบินชนิดนี้ค้นพบภายในป่าซึ่งล้อมไปด้วยพื้นที่การเกษตร ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการรีบเร่งเข้าไปอนุรักษ์รักษาพื้นที่ป่าลุ่มต่ำนี้เอาไว้
"ความหลากหลายทางธรรมชาติของเวียดนามถูกกดดันมาจากมนุษย์ เพราะสัตว์และพืชหลายชนิดที่อาจมีผู้ค้นพบนั้นอาจอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์แล้ว" โรวลีย์กล่าว
ขณะที่ ดร.เกรย์เห็นคล้ายกันว่า ป่าเขตร้อนที่ราบลุ่มต่ำเป็นหนึ่ง ในเขตพื้นที่ซึ่งถูกบุกรุกมากที่สุดในโลก ด้วยฝีมือของมนุษย์จากการตัดไม้หรือทำลายผืนดิน ในขณะที่กบ Helen"s Flying Frog เพิ่งจะถูกค้นพบแต่พวกมันก็กำลังอยู่ในสภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์เช่นเดียวกับสายพันธุ์อื่นๆ
"การค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ เป็นการยืนยันและย้ำว่าแม่น้ำโขงเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก" ดร.เกรย์กล่าวและว่า
"ถ้าเราต้องการที่จะปกป้องสัตว์เหล่านี้ไม่ให้สูญพันธุ์และอยากมีความหวังที่จะมีการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ในปีต่อๆ ไป เหล่ารัฐบาลต้องลงทุนและผลักดันโครงการอนุรักษ์และปลูกป่า"
หน้า 21
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 09 มิถุนายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 9:34:45 น. |
Counter : 1553 Pageviews. |
|
|
|