สิงหาคม 2553

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
อาทิตย์แรกของการวิ่ง
ทั้งชีวิต ไม่เคยออกกำลังกายอย่างจริงจังเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะเริ่มออกกำลังกายค่ะ

"วิ่ง" เป็นอะไรที่เหมาะแก่การเริ่มต้นสุดๆ
ไม่ต้องมีอุปกรณ์ ไม่ต้องมีสนาม
มีแค่รองเท้า... ก็วิ่งได้

รองเท้าคู่นี้ถ่อไปซื้อถึงมารีน่ามอลล์ และพอมาถึงบ้านก็ต้องกลับไปเปลี่ยนอีกรอบ เพราะได้รับคำแนะนำว่าเบอร์เล็กไปสำหรับการวิ่ง (ตรงปลายเท้ามันต้องมีที่เหลือไว้ประมาณ1นิ้วฟุตค่ะ)

แถมยังเจ็บใจสุดๆ ตอนที่รู้ว่ามีศูนย์ไนกี้อยู่แถวบ้าน

จริงๆ อยากได้ Asics แต่มันแพงเกินไปสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะวิ่งรอดรึเปล่า

ถุงเท้า ที่คาดหัว น้ำแร่ ไอพอดที่เต็มไปด้วยเพลงอาราชิ

แล้วก็...สวนสาธารณะแถวบ้าน

ป่ะ... ไปวิ่งกันเถอะ

เป้าหมายของเราคือ ห้าวันวิ่งให้ได้วันละสามสิบนาที วันที่หกวิ่งเกินสามสิบนาทีแต่ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง และวันที่เจ็ดพักผ่อน นะจ๊ะ

เริ่มวิ่งวันแรก
ไปกับกางเกงวอร์มขายาว เสื้อแขนยาว เพราะอยู่ประเทศมุสลิมแถมเป็นช่วงรามาดอน
และเนื่องจากเราผมยาวและหนามาก ทรงผมที่ทำจึงเป็นดังโหงะ...ก้อนใหญ่มาก และแล้ววิ่งๆ ไปก็หลุด... กังวลกับผมมาก วิ่งไปจับผมไป วิ่งไปได้สิบนาที เหนื่อย ร้อน กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว เลิกดีกว่า
สรุป วันแรก วิ่งได้สิบกว่านาที

วันที่สอง
ออกวิ่งตอนสี่ทุ่ม ใส่เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น หุหุ ไม่สนใครทั้งนั้น วันนี้วอร์มอัพโดยการเดินห้านาที แล้วก็เริ่มวิ่ง พอวิ่งไปได้สิบกว่านาทีก็เริ่มจุกที่ท้องด้านบน อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทานเค้กมาหนึ่งก้อน กัดฟันวิ่งจนถึงยี่สิบนาที ไม่ไหวแล้ว...เลิกดีกว่า
สรุป วันที่สองวิ่งได้ ยี่สิบนาที


วันที่สาม
ออกวิ่งตอนห้าทุ่ม ตอนแรกว่าจะไม่มาแล้วเพราะมันปวดกล้ามเนื้อหน้าขา แต่ลุงบอกว่าถึงปวดก็ห้ามหยุด เดี๋ยวร่างกายมันก็ปรับตัวได้เอง
วันนี้วอร์มอัพด้วยการบริหารกล้ามเนื้อและเดินสิบนาที ก่อนวิ่งดื่มแค่น้ำครึ่งแก้ว วิ่งไปได้สิบนาที...ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย!! ไม่เจ็บท้องด้วย เทียบกับวันแรกแล้วคนละฟีลกันเลยทีเดียว แต่พอเริ่มยี่สิบนาทีชักเหลือบดูนาฬิกาถี่ๆ เมื่อไหร่จะสามสิบนาทีฟร๊า หายใจหอบมากหัวใจเต้นแรงอย่างเห็นได้ชัด กัดฟันสู้ เป็นสิบนาทีที่ยาวนานเหลือเกิน และสุดท้ายก็สำเร็จ!!
แต่ระหว่างวอร์มดาวน์เจ็บท้องบนอีกแล้ว... เกี่ยวกับน้ำที่ดื่มไปอย่างบ้าคลั่งหลังวิ่งเสร็จใหม่ๆ รึเปล่า?

วันที่สี่...เมื่อวานทำได้ วันนี้ก็ต้องได้
ออกวิ่งตอนเที่ยงคืน เอ๊ะ ทำไมมันดึกขึ้นเรื่อยๆ
วอร์มอัพเหมือนเดิม ออกวิ่งเหมือนเดิม วันนี้รู้สึกเจ็บปลายเท้านิดๆ ระหว่างข้างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มันคงเสียดสีกัน แต่ไม่มากเท่าไหร่ ความเหนื่อยมันมีมากกว่า แต่วันนี้ไม่เจ็บท้องบนเลยค่ะ

วันที่ห้า
ออกวิ่งตอนตีหนึ่ง เอ่อ... รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะปรับอะไรอยู่ จริงๆ ไม่ใช่ มันว่างมาแบบนี้ค่ะ วันนี้วิ่งสามสิบนาทีได้ธรรมดามาก ไม่หอบเลยแม้แต่น้อย(แต่เหนื่อยนิดๆ) เป็นความรู้สีกที่ดีมาก ใจจริงอยากวิ่งต่อ แต่...ใจเย็นๆ พรุ่งนี้เราถึงเอาจริง ฮี่ฮี่
อาการเจ็บระหว่างนิ้วเราใช่วาสลีนทาก็หายค่ะ อ่อ...เดี๋ยวนี้ไม่ปวดกล้ามเนื้อแล้วนะคะ หุหุหุ

วันที่หก...
ออกวิ่งตอนสี่ทุ่มค่ะ ใส่ชุดไดร์ฟิตสำหรับนักวิ่งของไนกี้ เย็นสบายมากๆ เวลาวิ่งไม่รู้สึกอึดอัดหรือกังวลเลย วันนี้เราทำผมดีงโหงะแต่ติดกิ๊บมาเต็มที่ ประมาณว่าวันนี้ต้องไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรค! (ใจจริงอยากใส่หมวกอาบน้ำมาด้วยซ้ำ) มีก็แต่ท้องเจ้ากรรมนั้นเป็นปัญหา เพราะวันนี้เราท้องเสียค่ะ - -" แต่ไม่ถึงกับรุนแรงอะไรมาก ก็แค่แสบๆ คันๆ รูตรูดเพราะก่อนหน้านี้อึมาหนักมาก ฮ่าๆๆ กังวลเหมือนกันว่าจะมาปวดระหว่างวิ่งรึเปล่า แต่ไม่เลย มีสมาธิในการวิ่งดีค่ะ ผ่านสามสิบนาทีไปได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อย ไม่เมื่อย วิ่งไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้าสิบนาที เราก็รู้สึกเจ็บที่ปลายเท้าอีกแล้ว คราวนี้เป็นตรงปลายนิ้วนาง แล้วก็เริ่มรู้สึกเมื่อยๆ น่องแล้วด้วย จึงผ่อนลงมาเดิน และกลับมาวอร์มดาวน์ที่บ้าน เพราะหลังจากวิ่งเสร็จก็รู้สึกปวดอึขึ้นมาทันที(ก๊าก) โชคดีนะที่บ้านอยู่ใกล้ๆ

เรื่องเจ็บปลายเท้า เราไปอ่านมาจากกระทู้ไหนไม่ทราบเค้าบอกว่าให้วิ่งลงปลายเท้า เราเลยพยามลงแต่ปลายเท้า พอวันสุดท้ายที่เราวิ่งนานๆ เลยพาลปวดน่องไปด้วย มารู้ทีหลังว่าควรเป็นแบบนี้


เดี๋ยวครั้งต่อไปจะลองไปปรับใช้ดู แต่ก็จะเลือกเอาท่าที่ตัวเองวิ่งได้สบายที่สุดนี่แหละค่ะ



สรุป... เราทำสำเร็จค่ะ เย๊!! ในช่วงสองสามวันแรก มีทนฝืนกล้ำกลืนกันนิดหน่อย ถ้าผ่านไปได้ก็สบายค่ะ ถือว่าเร็วนะคะ สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน เราคิดว่าเราจะทำไม่ได้ภายในอาทิตย์เดียวด้วยซ้ำ

และสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในอาทิตย์นี้เลยก็คือ
- อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อจะหายไป เมื่อออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง และความเหนื่อยมันก็จะหายไปด้วย เพราะร่างกายมันแข็งแรงขึ้น ไม่ต้องกลัวการออกกำลังกาย มันเจ็บ มันปวด ก็แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น หลังจากนั้นเราจะมีความสุขกัน นะจ๊ะ สาวน้อย...
- ชุดวิ่งกับทรงผมสำคัญมาก เลือกชุดที่ใส่สบาย ไม่ใช่แขนยาวขายาวในเมืองร้อน ถ้าไม่มัวแต่เป็นกังวลก็จะวิ่งได้อย่างสุขสำราญ
- รองเท้าก็สำคัญ เราว่ารองเท้าที่เราใช้นี้ไม่ถึงกับดีแต่ก็วิ่งได้อย่างไม่กังวลกับเท้า ก่อนหน้านี้เราเคยใส่รองเท้าคอนเวิร์สเดินเล่นในสวนยังเจ็บส้นเท้าเลย แต่ไม่รู้ว่าวิ่งแล้วเจ็บปลายเท้านี่เป็นเพราะวิ่งลงปลายเท้านานเกินไปหรือว่าเพราะรองเท้าก็ไม่ทราบเดี๋ยวอาทิตย์หน้ารู้กัน
- เวลาวิ่งลงส้นเท้า วิ่งไปนานๆ มันจะปวดน่อง
- เชิดหน้า ชูตา มองไปข้างหน้ายามวิ่ง สำหรับเรามองขึ้นฟ้าไปเลย เริ่ด เชิดสุดๆ วิ่งได้นานกว่าก้มหน้านะ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า
- ใส่สมาธิลงไปในการหายใจจะยิ่งวิ่งได้แบบลืมโลก เรารู้สึกว่าถ้าหายใจเป็นจังหวะ จะวิ่งได้ทนกว่ามัวแต่หอบแฮ่กๆ นะ
- การทานก่อนวิ่ง มันจุกได้จริงๆ หลังวิ่งเสร็จใหม่ๆ ค่อยๆ จิบน้ำไป อย่าตะกละ จุกได้เหมือนกัน
- วอร์มอัพ วอร์มดาวน์สำคัญมากๆ หลังวิ่งเสร็จทำท่าปั่นจักรยานสักร้อยครั้งให้เข่าเข้าที่ ท่าวอร์มของเราไม่มีไรมาก คิดอะไรออกก็ทำ หมุนหัว หมุนแขน หมุนเอว ชะชะช่า
- เข่านี่สำคัญ เพราะฉะนั้นดูแลเข่ากันให้มากๆ แม่เราบอกว่า เวลานั่งพื้นให้เหยียดขา แล้วก็เลือกนั่งบนเก้าอี้จะดีกว่านั่งขดขา

จบแล้วสำหรับอาทิตย์นี้...

อาทิตย์หน้ามาลองวิ่งลงส้นเท้ากัน ^____^



Create Date : 19 สิงหาคม 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2556 11:33:53 น.
Counter : 1505 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มากินศีรษะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]