Bloggang.com : : ตุ้งแง่ว : เปิดแผนบริหารน้ำฉบับทรัพสินฯ ทุ่ม3.27แสนล้านบ.แก้น้ำท่วม-แล้ง-เน่า

เปิดแผนบริหารน้ำฉบับทรัพสินฯ ทุ่ม3.27แสนล้านบ.แก้น้ำท่วม-แล้ง-เน่า

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า แผนการบริหารจัดการน้ำที่ดำเนินการโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อเดือน ต.ค. 43 ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ระบุว่าจะนำมาบูรณาการร่วมกับแผนขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (ไจกา) เพื่อประกาศเป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำของประเทศภายในสัปดาห์นี้ ได้ระบุแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ การบรรเทาอุทกภัยและแก้ไขปัญหาน้ำเสียหรือปรับปรุงคุณภาพน้ำ ทั้งมาตรการด้านการบริหารจัดการและด้านการก่อสร้าง รวมมูลค่าลงทุนทั้งสิ้น 327,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ในรายละเอียดแยกเป็นมาตรการระยะสั้น (5 ปี) ระยะกลาง (5-15 ปี) และระยะยาว (ไม่เกิน 25 ปี) โดยแผนระยะสั้นระบุว่า ต้องแก้ปัญหาโดยใช้มาตรการที่เน้นในพื้นที่เฉพาะถิ่นและระดับลุ่มน้ำที่พัฒนาแหล่งน้ำเดิมอยู่แล้วเป็นหลัก ซึ่งลดความต้องการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ได้เพิ่มขึ้นในฤดูฝนเพื่อนำมาใช้ในฤดูแล้งประมาณ 1,070 ล้านลบ.ม. รวมทั้งรักษาคุณภาพของลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้แก่พื้นที่ใช้น้ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ประมาณ 10 ล้านไร่ ลดปริมาณน้ำเพื่อบรรเทาการเกิดอุทกภัยในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ 250 ลบ.ม.ต่อวินาที และจัดสร้างพื้นที่ปิดล้อมป้องกันพื้นที่ชุมชนหลักรวมทั้งลดประมาณน้ำเสียจากเมืองหลักได้ประมาณวันละ 1.6 ล้านลบ.ม.

“มาตรการสำคัญที่ไม่ใช้สิ่งก่อสร้างในระยะนี้ เช่น การฟื้นฟู อนุรักษ์สภาพแวดล้อม ปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร มีระบบทำนายและระบบเตือนภัยน้ำท่วม กำหนดการใช้ที่ดินและพื้นที่เสี่ยงภัย การประกันอุทกภัย ผจญภัยและการฟื้นฟูหลังจากเกิดอุทกภัย ปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำ เป็นต้น ขณะที่มาตรการใช้สิ่งก่อสร้าง จะช่วยจัดหาปริมาณน้ำเพิ่มให้กับลุ่มน้ำ ลดปัญหาน้ำเสียและบรรเทาอุทกภัยในเมืองหลัก เช่น ส่งเสริมการปลูกป่าในแหล่งต้นน้ำลำธาร ขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและการพัฒนาน้ำใต้ดิน ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กกระจายในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ก่อสร้างโครงการชลประทานระบบท่อ จัดทำระบบปิดล้อมพื้นที่ชุมชนใน กทม.และเมืองหลัก ก่อสร้างระบบน้ำเสียรวมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาสายหลักตอนล่าง”

อย่างไรก็ตามต้องมีมาตรการระยะกลางและระยะยาวเข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยระยะกลางต้องแก้ไขปัญหาในระดับลุ่มน้ำโดยใช้มาตรการที่มีสิ่งก่อสร้างเป็นหลักทั้งในพื้นที่เปิดใหม่และพื้นที่เดิมในลุ่มแม่น้ำที่วิกฤติ จัดหาปริมาณน้ำใช้งานในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านลบ.ม. ลดปริมาณน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยประมาณ 550 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที และลดปริมาณน้ำเสียจากเมืองหลักได้รวมกันวันละ 5.5 ล้านลบ.ม. โดยมาตรการที่ใช้คือ การก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำระดับลุ่มน้ำคือ อ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองโพธิ์ แม่วงค์และแควน้อย, โครงการผันน้ำกก-อิง-น่าน และโครงการผันน้ำเมย-สาละวิน-เขื่อนภูมิพล, การพัฒนาระบบแก้มลิงในทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง, ปรับปรุงระบบระบายน้ำ จัดสร้างช่องทางผันน้ำหลาก บางไทร-อ่าวไทย เป็นต้น

ส่วนแผนระยะยาวต้องใช้มาตรการที่มีสิ่งก่อสร้างแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งจะจัดหาน้ำเพิ่มขึ้นในลุ่มน้ำได้ไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านลบ.ม. ลดปริมาณน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ใต้บางไทรประมาณ 1,900 ลบ.ม.ต่อวินาที รวมทั้งปรับคุณภาพน้ำเสียในลุ่มน้ำได้ถึงวันละ 9 ล้านลบ.ม. ด้วยการก่อสร้างโครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ คือ แก่งเสือเต้น,กิ่วคอหมาและเขื่อนแม่ขาน,โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ โครงการผันน้ำเมย-สาละวิน-เขื่อนภูมิพลและโครงการกก-อิง-น่าน, โครงการพัฒนาระบบแก้มลิงทุกลุ่มน้ำรวมทั้งปรับปรุงระบบระบายน้ำ, โครงการก่อสร้างช่องทางผันน้ำฝั่งตะวันออกจากอำเภอบางไทรสู่อ่าวไทย เป็นต้น

ทั้งนี้หากสามารถดำเนินการตามแผนและมาตรการแก้ไขทั้ง 3 ระยะ จะช่วยเพิ่มปริมาณต้นทุนให้กับลุ่มน้ำได้ไม่น้อยกว่า 11,000 ล้านลบ.ม. ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำให้แก่พื้นที่ของโครงการที่ก่อสร้างใหม่แล้ว ยังมีปริมาณน้ำเหลือใช้และไหลกลับเข้าสู่ระบบลำน้ำเดิม เพื่อนำไปใช้กับพื้นที่ที่อยู่ท้ายน้ำได้อีกไม่น้อยกว่าปีละ 6,000 ล้านลบ.ม. ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงคือพื้นที่ในระบบชลประทานของโครงการพิษณุโลก เจ้าพระยาใหญ่และพื้นที่อื่นที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ที่ครอบคลุมพื้นที่ 10 ล้านไร่ และยังช่วยลดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และลดปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ลดปริมาณน้ำเหนือหลากผ่านปทุมธานี นนทบุรี กทม.และสมุทรปราการ ได้ถึง 1,900 ลบ.ม.ต่อวินาทีหรือป้องกันน้ำท่วมในขนาดรอบ 25 ปี (ขนาดน้ำท่วมของปี 38) และลดปริมาณน้ำเสียจากเมืองหลักได้รวมวันละ 9 ล้านลบ.ม.

ส่วนในช่วงท้ายของแผนได้มีข้อเสนอแนะ 7 ข้อไว้ด้วย เช่น ต้องทำให้โครงการนี้มีผลในเชิงปฏิบัติ, ต้องจัดทำเป็นแผนแม่บทพัฒนาทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ, ต้องปฏิรูปองค์กรเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตั้งแต่ระดับชาติจนถึงท้องถิ่น, ตั้งคณะทำงานทบทวน แก้ไขปรับปรุงกฎหมายทรัพยากรน้ำ, จัดตั้งกองทุนน้ำเพื่อใช้แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำของรัฐ รวมทั้งให้รัฐบาลใช้หลักเกณฑ์พิจารณาให้ผู้ใช้ประโยชน์ ต้องรับภาระในการจ่ายค่าบริการ เป็นต้น.

....................................

ททท.อัดกิจกรรมปลุกท่องเที่ยว

นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้ไปเสนอตัวขอใช้พื้นที่ในงานการแข่งขันเทนนิสระดับโลก ออสเตรเลียน โอเพ่น ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเบื้องต้นฝ่ายกิจกรรมการจัดงานตอบรับแล้ว โดยแบ่งพื้นที่ให้ ททท. ใช้ 30-50 ตารางเมตร โดย ททท. ตั้งใจว่าจะนำกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของไทยไปนำเสนอผู้ร่วมงาน เช่น นวดแผนไทยและจะเชิญผู้ร่วมแข่งขันคนดังอย่าง ราฟาเอล นาดาล มาร่วมกิจกรรมนวดฟรี เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ไปยังทั่วโลก นอกจากนี้จะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปแนะนำด้วย

ทั้งนี้ ททท. ยังเตรียมจัดกิจกรรมสำคัญกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมาในเดือนนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ 13 ธ.ค.นี้ ททท. จะนำคณะสื่อมวลชนทั่วโลกกว่า 300 ราย มาสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวในไทย หลังจากนั้นวันที่ 15-18 ธ.ค.นี้ จะสนับสนุนการแข่งขันไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2011 ที่สนามกอล์ฟ อมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี เพราะเป็นรายการแข่งขันใหญ่จะมีนักกอล์ฟระดับโลก และผู้ติดตามเข้าร่วมงานมาก จึงเป็นโอกาสดีที่จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ร่วมงานไปเที่ยว และนำภาพการร่วมงานไปเผยแพร่ต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่า มาเที่ยวไทยได้แล้ว

ส่วนงานถัดไป คือ ร่วมกับลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเทศบาลเมืองหัวหิน จัดงาน เวิลด์ เทนนิส แชริตี้ อินวิเทชั่น หัวหิน รับศักราชใหม่ โดยไฮไลต์ของงาน คือดึงนักหวดลูกเทนนิสมือหนึ่งของโลก แคโรไลน์ วอซเนียคกี มาดวลกับ วิคตอเรีย อซาเรนกา มือวางอันดับ 3 ของโลก วันที่ 1 ม.ค. 55 โดยก่อนแข่งขันจะมีกิจกรรมให้นักเทนนิส ทั้ง 2 คน ไปร่วมตักบาตร ทำอาหารไทย ใช้บริการสปาไทย เพื่อโปรโมตเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยด้วย

นอกจากนี้ ททท.จะจัดทำโครงการ ห้องรับแขกโลก หรือ ไทยแลนด์ เวลคัม เดอะ เวิลด์ ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้โครงการมหัศจรรย์ประเทศ ไทย ที่ต้องการเน้นแสดงความจริงใจต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดูแลนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

ทั้งนี้จะใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท จากงบฟื้นฟูท่องเที่ยวหลังน้ำลด ที่ ททท.เสนอขอไป ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 55 โดยจะจ้างพนักงาน 70-75 คน ที่มีความรู้อย่างน้อย 3 ภาษา คือ จีน อังกฤษ และญี่ปุ่น มาทำงาน 3 กะ ต่อวัน เฉลี่ยกะละ 25 คน คอยช่วยจัดระเบียบแถวที่รอตรวจเอกสารก่อนเข้าเมือง , ช่วยแนะนำการกรอกเอกสาร และเตรียมเอกสาร กรณีที่นักท่องเที่ยวมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการเองได้ รวมทั้งบริการรถกอล์ฟ ให้นักท่องเที่ยวที่มีปัญหาการเดิน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะต้องผ่านการอบรมด้านบริการก่อน ซึ่ง ททท. จะอบรมให้

ขณะเดียวกันจะจัดซื้อ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว ใช้ติดต่อสื่อสารกับบริษัททัวร์ หรือผู้ที่จะมารับ ก่อนออกจากด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะแจกเอกสารแนะนำแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวที่แวะเปลี่ยนเครื่อง เผื่อสนใจแวะเที่ยวไทยช่วงรอขึ้นเครื่อง หรือเผื่อจะเดินทางมาครั้งถัดไป.

Create Date : 14 ธันวาคม 2554

Last Update : 14 ธันวาคม 2554 16:07:21 น.

0 comments

Counter : 437 Pageviews.