Bloggang.com : khatha0808 :

10 วิธีแก้เท้าเหม็นที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน

สวัสดีทุกท่านน่ะครับ วันนี้ทางทีมงานได้รับข้อความสอบถามเกี่ยวกับวิธีแก้เท้าเหม็นเข้ามา สำหรับหลายๆ ท่านที่กำลังประสบปัญญาเรื่องเท้าเหม็นอยู่นั้น คงจะทราบดีกว่ามันสร้างความอับอาย ขายขี้หน้าให้ขนาดไหน ไม่กล้าที่จะถอดรองเท้าเลย เพราะว่าถ้าถอดรองเท้าเมื่อไหร่ รับรองได้เลยครับว่า "วงแตก" ทันที ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีรักษาเท้าเหม็นแบบง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้านน่ะครับ เรามาดูกันก่อนว่าไอ้เจ้าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เท้าของเรามีกลิ่นเหม็นเนี่ย เกิดจากอะไร ถ้าเราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง เราก็จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ปัญหาเท้าเหม็นของคุณก็จะไม่หายไปซักที

สาเหตุที่ทำให้เท้าเหม็นนั้น หลักๆ เกิดจากแบคทีเรีย คนที่มีปัญหาเรื่องเท้าเหม็นส่วนใหญ่แล้วจะมีเหงื่อออกมากบริเวณฝ่าเท้า ทำให้เกิดความอับชื้อ เมื่อมีความอับชื้นเกิดขึ้น สิ่งที่จะตามมาก็คือแบคทีเรีย ไม่เพียงแค่เท้าเราแค่นั้นน่ะครับ รองเท้าที่เราใส่ ถ้าเปียกเหงื่อจากเท้าของเรา แล้วไม่นำไปตากให้แห้ง เชื้อแบคทีเรียก็จะเจริญเติบโตในรองเท้าของเราได้เหมือนกัน นี่แหละครับปัญหาหลัก แบคทีเรียเหล่านี้นี่แหละที่เป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาเรื่องเท้าเหม็น ดังนั้นเราควรรักษาความสะอาดเท้าเรา และป้องกันไม่ให้เท้าและรองเท้าอับชื้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเท้าเหม็น

เราควรที่จะล้างเท้าของเราด้วยน้ำสบู่ทุกวัน จากนั้นก็เช็ดให้แห้ง ส่วนถุงเท้าเราควรเลือกแบบที่เป็นผ้าฝ้าย เนื่องจากเวลาเรามีเหงื่อออกบริเวณฝ่าเท้า ถุงเท้าแบบผ้าฝ้ายจะช่วยซับเหงื่อและความเปียกชื้นได้ดี ควรเลือกสวมใส่รองเท้าที่มีขนาดพอดี ไม่เล็กจนเกินไป อากาศจะได้ถ่ายเทได้

ถ้าหากว่ารองเท้าของคุณยังมีกลิ่น ให้ลองใช้ผง Baking Soda (หาซื้อได้ตามห้างทั่วไป แผนกเบเกอร์รี่) โรยด้านในรองเท้า จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งสนิทจะช่วยลดกลิ่นเหม็นของรองเท้าได้ ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรใส่รองเท้าคู่เดิมทุกวัน ควรจะสลับเปลี่ยนใส่คู่ใหม่บ้างเพื่อไม่ให้รองเท้าเกิดกลิ่นเหม็นอับ

หลังจากที่เราทราบสามารถของการเกิดกลิ่นเหม็นที่เท้าแล้ว ทีนี้เราก็มาดูวิธีแก้เท้าเหม็นแบบง่ายๆ ที่คุณสามารถลองทำเองได้ที่บ้าน มาดูกันครับ

10 วิธีแก้เท้าเหม็นแบบเอาอยู่

1. น้ำชา นำน้ำชาที่ชงด้วยน้ำอุ่นๆ เทลงกะลังมังเล็กๆ ให้พอท่วมหลังเท้า จากนั้นนำเท้าไปแช่ประมาณ 10 นาที ทำก่อนนอนทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ กรดแทนนิค ที่อยู่ในน้ำชาจะช่วยป้องกันให้เหงื่อที่ออกที่เท้าเราลดลง ทำให้ปัญหากลิ่นเท้าเหม็นลดลงด้วย หากทำครบ 1 อาทิตย์แล้ว ปัญหากลิ่นเท้าเหม็นยังไม่หาย ให้ทำต่อไปอีกซัก 2-3 วัน หลังจากที่กลิ่นเท้าเหม็นเริ่มลดลงก็ลดความถี่ลงเป็นทำอาทิตย์ละครั้งก็พอ

2. สังกะสี อาการเท้าเหม็น ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากร่างกายขาดสังกะสี ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจเราควรซื้ออาหารเสริมที่เพิ่มสังกะสีแบบ 50 มิลลิกรัมต่อวัน รับประทานติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าหากว่าปัญหาเท้าเหม็นหายไป แสดงว่าเกิดจากปัญหาร่างกายขาดสังกะสี

3. ผงวุ้น นำผงวุ้นแนะนำว่าให้เลือกชนิดมะนาวหรือส้มมาละลายในน้ำร้อน หลังจากที่ผงวุ้นละลายดีแล้วให้เติมน้ำเย็นลงไปผสมให้กลายเป็นน้ำอุ่นๆ น้ำเท้าลงไปแช่ในน้ำแล้วรอจนกว่าผงวุ้นจะแข็งตัว หลังจากวุ้นแข็งตัวแล้วให้ยกเท้าออก จากนั้นล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ ล้างน้ำสะอาดแล้วเช็ดเท้าให้แห้ง

4. แอปเปิ้ลไซเดอร์ แอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นน้ำส้มชนิดนึง ที่ทำมาจากน้ำแอปเปิ้ล จะมีรสชาดเปรี๊ยวๆ หวานๆ วิธีแก้เท้าเหม็นที่ได้ผลอีกวิธีคือแช่เท้าในน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ ถ้าให้ดีควรทำต่อเนื่องกัน อาทิตย์นึงทำหลายๆ ครั้งก็ได้ หลังจากแช่เท้าในน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์แล้ว ให้ล้างออกในน้ำสะอาด จากนั้นก็เช็ดให้แห้ง

5. เหล้าวอดก้า เคล็ดลับอย่างนึงในการกำจัดกลิ่นเท้าเหม็นคือการแช่เท้าในเหล้าวอดก้า ซึ่งวิธีนี้มีคนเคยลองเท้าแล้ว และก็ได้ผลซะด้วยน่ะ

6. สารฟอกขาว ใช้สารฟอกขาวประเภทไฮเตอร์ซักประมาณ 1/4 ถ้วย เทผสมลงในน้ำอุ่นแล้วนำเท้าไปแช่ประมาณซัก 1/2 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดเท้าให้แห้ง

7. น้ำส้มสายชู เทน้ำส้มสายชูประมาณ 1/2 ถ้วย ลงไปผสมในน้ำอุ่น นำเท้าไปแช่ประมาณซัก 1/2 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดเท้าให้แห้ง

8. ลิสเตอรีน น้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่นี่แหละครับ สามารถช่วยแก้เท้าเหม็นได้ โดยให้เรานำสำลีก้อนไปชุบน้ำยาลีสเตอรีน จากนั้นก็นำไปทาให้ทั่วบริเวณเท้า

9. แอลกอฮอล์ล้างแผล หลังจากอาบน้ำเสร็จให้นำสำลีก้อนชุบแอลกอฮอลล์ล้างแผลมาทาให้ทั่วบริเวณเท้า จากนั้นเช็ดให้แห้ง

10. สารส้ม ล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นนำเท้าไปแช่ในน้ำอุ่น นำสารส้มมาขัดเท้าให้ทั่วหลังเท้า ฝ่าเท้า ง่ามนิ้วเท้า แช่เท้าไว้ซักพัก จากนั้นล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง

ลองนำไปทดลองทำดูน่ะครับสำหรับวิธีแก้เท้าเหม็นที่แนะนำในวันนี้ ถ้าใครลองนำไปใช้แล้วได้ผล หรือไม่ได้ผลยังไง ช่วยมาแนะนำหรือนำมาแชร์กะเพื่อนๆ ในนี้ด้วยน่ะครับ

สำหรับท่านที่ชอบหรือคิดว่าโพสนี้มีประโยชน์ ทางทีมงานไม่ขออะไรมา ขอแค่ กด Like กด Share ให้หน่อยละกันน่ะครับ

ติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องสุขภาพดีๆ จากทีมงานของเราได้ที่:
//www.facebook.com/Thaihealthinfo

Create Date : 27 กันยายน 2556

0 comments

Last Update : 27 กันยายน 2556 13:00:17 น.

Counter : 50537 Pageviews.