1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
25 มีนาคม 2554
The Diving Bell and the Butterfly (2007) (DVD) ไม่มีสิ่งใดรือจะขังจินตนาการ
Director: Julian Schnabel Writers: Ronald Harwood (screenplay), Jean-Dominique Bauby (book) Mathieu Amalric ... Jean-Dominique Bauby Emmanuelle Seigner ... Céline Marie-Josée Croze ... Henriette Roi Anne Consigny ... Claude Isaach De Bankolé ... Laurent คุณจะทำอย่างไรเมื่อวันหนึ่งลืมตาขึ้นมาแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากกระพริบตาเท่านั้น หนังเข้าชิงออสการ์สาขาต่างประเทศถึง 4 รางวัลด้วยกัน สร้างมาจากเรื่องจริงจากหนังสือเรื่องชุดประดาน้ำและผีเสื้อ หากใครเป็นนักอ่านตัวยง ไม่มากก็น้อยต้องเคยผ่านตาหนังสือเล่มนี้มาก่อนเป็นแน่ เมื่อหลายปีก่อนเราเคยสงสัยว่าทำไมปกหนังสือถึงใช้สัญลักษณ์ด้วยดวงตา แล้วก็มองผ่านไปเพียงแค่ว่ามันก็แค่หนังสือขายดีเล่มหนึ่ง หากเมื่อเหตุผลที่แท้จริงก็คือเขาเขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยการกระพริบตาข้างเดียว!!! เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของ Jean Dominique Bauby อดีตบก.ใหญ่ของนิตยสาร ELLE แห่งฝรั่งเศส ที่จู่ๆวันหนึ่งเกิดอาการเส้นเลือดบริเวณก้านสมองแตกจนทำให้เขากลายเป็นอัมพาตทั้งตัว เขาเปรียบการที่เขาเป็นอัมพาตขยับตัวไม่ได้เหมือนกับการที่เขาถูกขังในชุดประดาน้ำที่ทั้งแข็งและหนัก สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโลดแล่นได้นั่นคือจินตนาการนั่นเอง สมองเขายังทำงานได้ปกติทุกประการ เขาเปรียบจินตนาการของเขาดังผีเสื้อที่โบยบินอย่างเสรี ทุกๆตัวอักษรที่ร้อยเรียงถ้อยคำออกมาในหนังสือเป็นเรื่องราวที่เขียนถึงตัวของเขาเองโดยผสมจินตนาการให้เรื่องราวมีความน่าสนใจ ความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้มาจากจินตนการอันล้ำเลิศกับความอุสาหะอดทนส่งสัญญาณตัวอักษรออกมาทีละตัวๆ ออกมาทีละคำๆ ดังที่บทพูดในหนังกล่าวไว้ว่า "A text doesnt exist until it can be read." (ตัวหนังสือไม่มีความหมายใดจนกว่ามันจะสามารถอ่านออกมาได้) จะมีใครสักกี่คนที่มีความอดทนได้ขนาดนั้น หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความรักและมิตรภาพ ผู้ช่วยสาวที่ยอมอดทนมาเขียนตัวหนังสือให้เขาทีละตัวๆ พยาบาลแสนดีที่มีความปรารถนาดีกับเขาในการคิดค้นตัวหนังสือเพื่อให้เขาสื่อสารได้ อดีตภรรยาที่เขาเรียกว่า "แม่ของลูกไม่ใช่ภรรยา" แต่ก็มีเพียงคนๆนี้ที่เป็นคนมาคอยดูแลและห่วงใย พ่อผู้ชรามากแล้วที่รักลูกชายสุดหัวใจ กับเขาที่ปรารถนาอยากกอดลูกสุดหัวใจแต่ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว เมื่อคุณดูหนังเรื่องนี้จบ คุณควรหันย้อนมาถามตัวเองว่า ความสุขง่ายๆที่เราได้กิน ได้เดิน ได้วิ่งเล่น ได้กอดคนที่เรารัก ความสุขง่ายๆแบบนี้เราเคยรู้สึกขอบคุณความโชคดีของเราแล้วหรือยัง เรามักจะปล่อยผ่านเวลาไปวันๆ แล้วโหยหาความสุขที่อยู่ไกลตัว จนลืมมองความสุขรายวันที่เราเก็บเกี่ยวได้ง่ายๆ อย่ามัวแต่อ้างคำว่าไม่มีเวลาเลย เพียงเจียดเวลาวันละนิดหาความสุขให้กับชีวิต ไม่ต้องไขว่คว้าอะไรมากมายแค่นั้นก็เพียงพอ ตราบใดที่เรายังมีสองแขนที่โอบกอดได้ สองมือที่ใช้หยิบจับสิ่งของหรือเขียนหนังสือ สองตาที่หันไปมองสิ่งงดงามรอบกาย หนึ่งปากที่ไว้ลิ้มรสอาหารรสเลิศ จงดีใจเสียเถิดที่เรายังทำได้ แต่อย่าลืมหนึ่งหัวใจที่ยังคงเต้นอยู่และควรรักษาความดีให้คงไว้ เพื่อที่ว่าเมื่อถึงวันเราสิ้นลมหายใจ เราจะมีแต่ "ความดี" ให้คนอื่นนึกถึงตลอดไป... Be happy that you have two arms to hug. Be happy that you have two hands to grab and write. Be happy that you have two eyes to see the beautiful things around you. Be happy that you have one mouth to try enjoyable food. And be happy that you have one heart still beating every day :)
Create Date : 25 มีนาคม 2554
1 comments
Last Update : 25 มีนาคม 2554 23:13:33 น.
Counter : 862 Pageviews.
taistory
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
ด้วยความที่เป็นคนชอบกิน ชอบเที่ยว ชอบอ่าน ชอบดูหนัง ชอบวาดรูป เลยมาแชร์ความชอบให้อ่านกัน เผื่อใครอยากไปลองค่ะ I love eating out, travelling, reading, seeing movies and drawing so I just want to share what I like and suggest you to try. มีอะไรติชม แนะนำกันได้เลยนะคะ Content &Photograph © All rights reserved. No part of this site may be reproduced or transmitted in any forms or by any means, electronic of mechanical for commercial purposes without written permission of Pasaraporn Mongkolrueangrawi. เนื้อหาและรูปภาพบนเวบนี้ไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตินะคะ
visitors now