ถ้าอยากให้บ้านของคุณสวย ปู
พรมสิ ช่วยได้แน่นอน !
พรมปูพื้นเนี่ย นอกจากเพิ่มความสวยงามให้กับการตกแต่งบ้าน ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมายเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า การปูพรมจะดีกว่าการปล่อยให้พื้นโล่งๆอย่างไร และเลือกลักษณะ
พรมปูพื้นแบบไหนถึงจะเหมาะกับบ้านของเรา
ภาพจาก sundaynews.co.zw
พรมปูพื้นนั้นดีอย่างไร?
- การปูพรมสามารถช่วยเปลี่ยนห้องธรรมดา ให้ดูหรูหรา มีรสนิยมมากขึ้น
- พรมปูพื้นให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม ตัดกับพื้นผิวที่ดูแข็งของพื้น ทำให้ห้องดูผ่อนคลายมากขึ้น
- เลือกสีพรมปูพื้นให้เหมาะ รับรองว่าเพิ่มความสดใส และความมีชีวิตชีวาให้กับบ้านได้มากขึ้น
- พรมปูพื้นช่วยดูดซับเสียง เหมาะสำหรับห้องโฮมเธียร์เตอร์
- ช่วยรักษาอุณภูมิของห้องแอร์ แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ประหยัดค่าไฟไปอีก
- เพิ่มสัมผัสอ่อนนุ่มให้กับเท้าและป้องกันการลื่นล้ม
การเลือกพรมปูพื้นต้องดูอะไรบ้าง?
ทีนี้เราก็ทราบกันแล้วเนอะว่า
พรมปูพื้นมีประโยชน์มากกว่าเรื่องของความสวยงาม หลายคนเริ่มอยากจะหา
พรมปูพื้นมาใช้งานที่บ้านกันแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง มาดูกัน !
1. พื้นที่และลักษณะการใช้งาน
สิ่งแรกเลยคือเราจะต้องรู้ว่าพื้นที่ห้องของเราเป็นอย่างไร จะปู
พรมไว้ที่ห้องไหน เพื่อที่จะกำหนดไซด์ ขนาด ประเภทของ
พรม ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
1.1 พรมปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก
ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก เป็นห้องที่ทุกคนใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด การเลือก
พรมปูพื้นสำหรับห้องนั่งเล่น ขนาดของ
พรม สามารถดูได้จากพื้นที่ของชุดโซฟาเป็นหลัก ขนาดจะต้องพอดีกับพื้นที่ที่วางโซฟา หรือหากหาไม่ได้ ก็เลือกแบบที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยก็ได้
ภาพจาก Innards Interior
พรมปูพื้นที่เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่น จะเป็น
พรมแบบผิวสั้นหรือผิวเรียบ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการใช้งาน และโดนกดทับค่อนข้างมาก แถม
พรมลักษณะนี้ยังทำความสะอาดได้ง่าย ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดก็พอจ้า
1.2 พรมปูพื้นห้องรับประทานอาหาร
เช่นเดียวกับห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก ที่ต้องดูพื้นที่ของโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหาร ว่ามีความกว้างขนาดไหน ซึ่งเวลานั่งรับประทานอาหาร เก้าอี้ทั้งหมดจะไม่เลยพื้นที่ที่ปู
พรมออกมา จึงสามารเลือกได้ทั้ง
พรมที่มีขนาดพอดี และขนาดกว้างกว่าเล็กน้อย
ภาพจาก bmorebiostat.com
พรมปูพื้นที่เหมาะสำหรับห้องรับประทานอาหาร ควรเลือกเป็นพรมแบบขนสั้นหรือผิวเรียบ เช่นเดียวกับห้องรับแขก ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเหมือนกัน
1.3 พรมปูพื้นห้องนอน
สำหรับห้องนอนที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลาย ควรเลือกใช้
พรมปูพื้นที่มีลักษณะนุ่มฟู ขนหนาแน่น สัมผัสนุ่มนิ่มแบบฟินๆ เหมาะแก่การพักผ่อนมากที่สุด ส่วนการเลือกขนาดของ
พรมสำหรับปูบริเวณเตียงนอน ก็ดูก่อนว่าจะวางด้านข้างเตียง หรือจะวางรองรับเต็มพื้นที่
ภาพจาก Jungalow
2. การเลือกวัสุของพรมปูพื้น
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าห้องของเราควรที่จะเลือกขนาดของ
พรมไซด์ใดมาใช้งานแล้ว มาต่อกันที่เรื่องของวัสดุ
พรมปูพื้น ว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานแบบใด
2.1 พรมไนลอน (Nylon)
ถ้าหากคุณกำลังมองหา
พรมปูพื้นที่มีความทนทาน
พรมไนลอนนี่แหละเป็นคำตอบที่เหมาะสม
พรมไนลอนเป็น
พรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะคุณสมบัติที่สามารถป้องกันน้ำ รอยขีดข่วน เชื้อราและสารเคมี แถมยังมีหลายสีและดีไซน์ ที่สำคัญคือราคาไม่แพงด้วยค่ะ
2.2 พรมโพลีโพรไพลีน (Polypropylene)
พรมที่ได้รับความนิยมรองลงมาจาก
พรมไนลอน คือ
พรมโพลีโพรไพลีน ที่มีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันคราบสกปรกต่างๆมากที่สุด จึงเหมาะกับบริเวณที่ได้รับการกดทับและใช้งานค่อนข้างหนัก ทำความสะอาดง่าย และราคาย่อมเยาว์
ภาพจาก Fargotex
2.3 พรมโพลีเอสเตอร์ (Polyester)
ถ้าหากอยากได้
พรมปูพื้นสำหรับปูในห้องนอน ก็ขอแนะนำ
พรมโพลีเอสเตอร์ ที่มีสัมผัสนุ่มฟู หรูหรา และมีคุณสมบัติในการกันน้ำ พร้อมทั้งดักจับฝุ่นได้ดีมากเลยทีเดียว แต่
พรมโพลีเอสเตอร์ ทำความสะอาดได้ยากและไม่เหมาะกับห้องที่ใช้งานหนัก
2.4 พรมโพลีเอทิลีน (Polyethylene)
พรมโพลีเอทิลีน เป็น
พรมรักษ์โลกที่ได้ชื่อว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิต ซึ่งข้อดีของ
พรมประเภทนี้ คือสามารถป้องกันคราบสกปรกต่างๆ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ในราคาที่ไม่สูง แต่แน่นอนว่าผิวสัมผัสไม่ได้นุ่มเท้าแบบ
พรมชนิดอื่นนะ
2.5 พรมขนสัตว์ (Wool)
สำหรับใครที่มีงบประมาณขึ้นมาหน่อย และชื่นชอบความหรูหรา หนานุ่ม และแข็งแรงทนทาน ครบครันในผืนเดียว ก็สามารถเลือก
พรมขนสัตว์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 100% จัดไปเลย
ถึงราคาจะสูงแต่คุณภาพก็สมกับราคามากๆ แต่ก็ต้องแลกกับการดูแลรักษาเป็นพิเศษมากกว่า
พรมชนิดอื่นเนอะ โดยเฉพาะเรื่องแมลง และเรื่องการสะสมของฝุ่น ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
2.6 พรมอะคริลิก (Acrylic)
หากอยากได้
พรมขนสัตว์ในงบประมาณที่ประหยัดกว่า ก็สามารถใช้
พรมอะคริลิกแทนได้ เพราะเป็น
พรมที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งความทนทานอาจจะด้อยกว่า แต่ถ้าเทียบเรื่องของความสวยงาม และป้องกันคราบรวมทั้งความชื้นได้ดีเลยทีเดียว
3. การเลือกสีและดีไซน์
การเลือกสีของ
พรมปูพื้นช่วยทำให้ห้องมีบรรยากาศที่ต่างกันออกไป โดยการเลือกโทนสีและดีไซน์ของ
พรมปูพื้น ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย แต่ก็ควรเลือกโทนสีที่คุมโทนกับการตกแต่งภายใน เพื่อสร้างสมดุลความสวยงามให้กับบ้านของเราได้อย่างลงตัว
ภาพจาก Midwest Living
พรมสีอ่อน :
พรมสีอ่อน จะทำให้ห้องแลดูกว้างมากขึ้น รวมทั้งยังดูสว่างและสบายตา ปรับบรรยากาศภายในห้องให้ดูผ่อนคลาย น่าพักผ่อน แต่ก็ไม่เหมาะกับห้องที่ต้องเจอฝุ่นเยอะ
พรมสีปานกลาง : สามารถกลมกลืนเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้แทบจะทุกรูปแบบและสไตล์ ไม่โดดเด่นสะดุดตามากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้จืดชืดน่าเบื่อ เหมาะมากที่จะนำมาใช้ตกแต่งบ้านในทุกๆห้อง
พรมสีเข้ม :
พรมสีเข้ม เป็นโทนสีที่อาจจะทำให้ห้องแลดูมืดมิดไปสักหน่อย แต่จะเพิ่มความหรูหรา เป็นทางการและยังทำให้ไม่ค่อยเห็นคราบสกปรกอีกด้วย
ทีนี้คุณก็ทราบถึงเทคนิคในการเลือก
พรม ประโยชน์ของ
พรม และวัสดุของ
พรม อย่างละเอียดกันในบทความนี้แล้ว หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะสามารถช่วยให้คุณสามารถเลือก
พรมปูพื้นมาใช้ตกแต่งที่บ้านได้อย่างเหมาะสมกันนะคะ