เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นเดินทางเยือนกินี หนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่การแรพ่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลายังอยู่ในระดับสูง และเรียกร้องประชาคมโลกเพิ่มความช่วยเหลือให้มากกว่านี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคนากรี ประเทศกินี เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ว่านางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงเมื่อวันอาทิตย์ หลังเดินทางลงพื้นที่ในกรุงโคนากรีเพื่อพบปะและเยี่ยมเยียนผู้นำทางศาสนา และผู้รอดชีวิตจากเชื้อไวรัสอีโบลา เรียกร้องให้ประชาคมโลกเปลี่ยนแปลงบทบาทร่วมกันในการยับยั้งวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมรณะให้อยู่ในระดับที่จริงจังกว่านี้
พาวเวอร์กล่าวว่า แม้หลายประเทศจะทยอยมอบความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมทั้งการส่งบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก แต่กลุ่มประเทศที่มีศักยภาพส่วนใหญ่ยังคงนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ ซึ่งในเวลานี้อยู่ในระดับวิกฤติแล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่เดือนมี.ค.เพิ่มเป็นกว่า 10,000 คน และเสียชีวิตแล้วกว่า 4,922 ศพ
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นยังแสดงความกังวลต่อกรณีที่นางเคซี ฮิกค็อกซ์ พยาบาลในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ออกมาวิจารณ์มาตรการยกระดับเฝ้าระวังและกักบริเวณผู้ต้องสงสัยติดเชื้อของทางการว่า "ไร้มนุษยธรรม" เนื่องจากเธอยังคงต้องเข้ารับการกักบริเวณและมีผู้ติดตามอย่างใกล้ชิดนานถึง 21 วัน ทั้งที่ผลตรวจเลือด 2 ครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า ฮิกค็อกซ์ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากการทำงานอาสาในไลบีเรีย ไม่ได้ติดเชื้อโรคร้ายชนิดนี้แต่อย่างใด