Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
ประวัติอาจารย์หนู กันภัย


ประวัติอาจารย์หนู กันภัย


อาจารย์ หนู กันภัย เดิมท่านเป็นชาว อ.บางบัวทอง จ. นนทบุรี อาจารย์ หนู เยาว์วัยท่านชอบศึกษาตำราไสยเวทย์ อักขระ เลขยันต์ตั้งแต่เล็ก ซึ่งต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน ที่ยังชอบซุกซนในภาษาวัยเด็ก เมื่อว่างจากช่วยมารดาประกอบการค้าขายเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ใช้เวลาที่เหลือ ศึกษาท่องจำอักขระตามตำราของบิดา ที่ได้เก็บรักษาไว้ อาจารย์หนูได้มีโอกาสรับใช้หลวงตาในวัด จนกระทั่งได้บวชเรียนเป็นสามเณร เมื่อครั้งเป็นสามเณร ท่านเป็นคนขยันปฏิบัติกิจของสงฆ์ที่พึงได้รับ ท่องตำราภาษาบาลีโดยตลอดไม่เคยขาด แต่ด้วยเหตุที่มารดาประกอบกิจการค้าขาย ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญที่คอยช่วยมารดามาตลอด ในช่วงที่ท่านได้บวชเรียนอยู่นั้น

ท่านจะเคร่งครัดในกิจของสงฆ์ เป็นอย่างมาก ท่านจะเจริญสมาธิอยู่มิได้ขาด ศึกษาร่ำเรียนวิปัสสนากรรมฐาน กับพระเกจิอาจารย์ก็หลายรูป ฝึกจิต ฝึกสมาธิ และท่านก็ได้เรียนพระคาถาอาคม จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกหลายรูป และตำราของบิดาท่านเอง การที่ท่านได้บวชเรียนศึกษาพลังจิตในครั้งนี้ ทำให้ท่านได้เรียนรู้เกี่ยวการใช้สมาธิ พุทธาคมที่จะน้อมนำจิตที่สงบ และบริสุทธิ์ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการปลุกเสก ลงอักขระเลขยันต์ ตลอดถึงวัตถุมงคล จนสร้างชื่อเสียงกระฉ่อนโลกมาแล้ว ความสำเร็จที่เกิดจากความเพียรนี้ ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ ต้องเกิดจากบุญบารมีที่สั่งสมมา ด้วยการน้อมนำจิตให้บริสุทธิ์ ยึดมั่นในคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ขัดเกลาจิตใจขณะปฏิบัติเข้าถึงซึ่งความเพียร คนที่จะทำให้ประสพความสำเร็จอย่างนี้ได้ มิใช่ฟ้า ดินเป็นผู้กำหนด หรือเทพพรหมมาลิขิต กรรมที่ทำมาในอดีตเท่านั้น และผู้ฝึกจิต ฝึกสมาธิ จะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมในปัจจุบัน

ตามรอยศาสตร์ของการสักยันต์ จากตำนานที่เล่าขานกันมา ในประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน ศาสตร์แห่งความเร้นลับ ซึ่งน้อยคนที่จะสามารถทำได้บรรลุถึงจุดสุดยอดของตำนาน ที่เรียกว่าการสักยันต์ บรรพบุรุษผู้สร้างตำนานในอดีต เกี่ยวกับด้านศาสตร์แห่งอาคมลึกลับด้วยพลังแห่งพุทธาคม และพลังจิตที่สืบทอดต่อกันมา ทั้งที่ไม่มีบันทึกและจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จนเป็นที่ล่ำลือกันในหมู่คนรุ่นหลัง ให้น่าศึกษาค้นคว้าความเป็นไปแห่งตำนานการสักยันต์ ซึ่งไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นที่สนใจศึกษา แม้แต่ชาวต่างชาติไม่ว่าชาติใดๆ ก็ให้ความสนใจกับศาสตร์การสักยันต์ของคนไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วในปัจจุบัน

อาจารย์หนู กันภัย สมัยก่อนการสักที่มีหลายรูปใน ปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าชาติใดๆก็มีเอกลักษณ์ของการสักที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาตินั้น ซึ่งไม่ว่าชาติใดก็ควรจะหวงแหน อนุรักษ์ไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาความเป็นมาของกลุ่มคนชนเผ่านั้นๆ ตามแต่ลักษณะภูมิประเทศจะอำนวย การสักสมัยโบราณ ยังบ่งบอกถึงพื้นฐานของวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ ความเป็นอยู่ ซึ่งในแต่ละยุคแต่ละสมัย ก็จะมีความแตกต่างกันในลายสัก อุปกรณ์ที่ใช้สัก จนถึงน้ำหมึกที่ใช้สัก ชาวต่างประเทศในยุคประวัติศาสตร์ ให้ความเคารพนับถือเทพเจ้ามาก ไม่ว่าการบูชาองค์ทวยเทพต่างๆ ตั้งแต่ในยุคกรีกโบราณ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ชนเผ่านั้นๆ ให้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำรงชีวิตอยู่ หรือแม้แต่การแย่งดินแดนซึ่งเรียกว่าสงครามของชาตินั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บรรพบุรุษไทยผู้สร้างตำนานศาสตร์พระเวทย์ คาถาอาคม จนเป็นที่สืบขานกล่าวกันมาบันทึกเป็นตำราหลักฐานชัดเจน จากรุ่นสู่รุ่น ได้ศึกษาค้นคว้าพิจารณาหลักแก่นแท้ของศาสตร์ไสยเวทย์ คาถาอาคมอีกแขนงหนึ่ง ที่เหล่าบรรพบุรุษผู้รู้จริงหวงแหน ให้อยู่คู่กับคนไทยตราบจนทุกวันนี้

ซึ่งน้อยคนที่จะทำได้ เพราะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่สอดคล้องกันไม่ว่าด้านศีลธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ จนไปถึงความศรัทธาในบวรพุทธศาสนา ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานองค์ศาสนาของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นแหล่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยมาช้านาน เกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ในอดีต จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ชาติไทย เหล่าขุนศึก แม่ทัพ นายกอง จนถึงเหล่าบรรดาพระมหากษัตริย์ ผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทย จนทำให้ไทยเป็นไททุกวันนี้ ก็ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับศาสตร์แห่งอาคมที่เล่าขานกันไม่รู้จบ

ปัจจุบัน ตำนานการสักยันต์ ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นลายอักขระเลขยันต์ตามพื้นผิวหนังของมนุษย์ก็มีอยู่หลาย สำนัก ไม่ว่าจะเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่ารุ่นใหม่ ก็ให้ความสำคัญกับการสักยันต์ที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ที่ได้ร่ำเรียนมาและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นพระก็ดี ฆราวาสก็ดี จะต้องมีกฎมีระเบียบในการบังคับ ให้ปฏิบัติถ่ายทอดกันมาเป็นหลักสำคัญ ฆราวาสผู้เรืองอาคมในอดีตมีอยู่หลายท่าน ทั้งในประวัติศาสตร์ที่ได้จดบันทึกและไม่ได้จดบันทึก จนเป็นที่สนใจให้แก่คนรุ่นใหม่ ได้ศึกษาและเรียนรู้ที่พึงปฏิบัติของความถูกต้องในหลักแก่นแท้ของการสัก ยันต์

นานแล้วอาจารย์หนู กันภัย ก็คืออีกท่านหนึ่ง ผู้พลิกฟื้นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย ในศาสตร์ของการสักยันต์ ที่สร้างตำนานให้เป็นที่โจษจันกันในชาวไทย ชาวต่างชาติ ทั้งโซนเอเชีย ยุโรป และทั่วโลกต่างก็รู้จักอาจารย์หนู กันภัย ในฐานะจอมขมังเวทย์ศาสตร์แห่งการสักยันต์ ฆราวาสผู้เรืองอาคมในยุคกลาง ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ชุมไชยศรี อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ต่างก็เป็นฆราวาสที่หลงใหลในศาสตร์วิชาอาคมและการสักยันต์ ซึ่งในอดีตการสักยันต์จะมีเฉพาะกลุ่มคนไม่กว้างขวาง เนื่องจากสายตาคนภายนอกที่ดูบุคคลที่สักยันต์ต่างมองในแง่ลบ ซึ่งจริงๆแล้วต้องพิจารณาให้เป็นบุคคลไป แต่การมองของคนภายนอกซึ่งสอดคล้อง กับการกระทำของคนสักยันต์ในอดีตมักจะติดลบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครูบาอาจารย์ที่ทำการสักยันต์ ก็ไม่ได้ให้ศิษยานุศิษย์ทุกคนที่การสักยันต์ ประพฤติปฏิบัติในแง่ไม่ดีให้เป็นภัยต่อสังคม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูกศิษย์ลูกหา ที่มาสักยันต์มีหลากหลายอาชีพหลายประเภท ซึ่งครูบาอาจารย์ที่ทำการสักให้ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความรักลูกศิษย์อยากให้มีวิชาอาคม คุ้มครองตนในการประกอบสัมมาชีพ ตั้งอยู่ในความสุจริต ไม่เบียดเบียนใคร หรือกระทำในสิ่งที่เป็นภัยต่อสังคมและบ้านเมือง ก็เป็นไปไม่ได้ คนดีก็มี ซึ่งอยู่ปะปนอยู่ในสังคมเป็นวัฎจักรของการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งบุคคลใดทำกรรมดี ก็ได้ผลกรรมนั้นเป็นการตอบแทน แต่ถ้ากระทำกรรมชั่วก็จะติดตัวต่อไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า ซึ่งมีให้เห็นผลของกรรมอยู่บ่อยครั้ง โดยที่เป็นไปตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง และส่งผลแห่งกรรมนั้นๆ

พลังของการ สักยันต์พุทธาคม และพลังจิตของครูบาอาจารญ์นั้นๆ ก่อให้เกิดพลังปาฎิหาริย์และมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ ซึ่งบางอย่างทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดเสกเป่าอักขระเลขยันต์ตามร่างกาย ด้วยคาถาวิชาอาคมที่ร่ำเรียนมา ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผู้รับด้วยความศรัทธาความเชื่อมั่นก็สามารถก่อให้เกิดพลังปาฎิหาริย์ได้เช่น กัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตของครูบาอาจารย์นั้นเป็นที่สำคัญ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้หมด ทำแล้วจะต้องเกิดพลัง น้อยคนที่จะทำได้ แต่เมื่อเกิดอิทธิมหาพลังเข้มขลังของพลังพุทธาคม ก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นปาฎิหาริย์แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง ครอบครัว และบ้านเมืองขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ เป็นต้น

ในสายตาบุคคลภายนอก ที่ดูพฤติกรรมของบุคคลที่สักยันต์ โดยส่วนใหญ่จึงกลายเป็นแงลบมาโดยตลอด และเป็นอยู่อย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าเดินไปทางไหน ประกอบสัมมาอาชีพใด ก็จะประสบปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีวิต แต่ทั้งนี้ต้องมองให้ออกถึงกลุ่มบุคคลที่เป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆ เปรียบดังคำโบราณที่ว่าปลาตายตัวเดียวน้ำเน่ากันทั้งบ่อ แต่ภาพแห่งความทรงจำ ก็ยังไม่อาจลบออกไปจากอุดมคติของประชาชนคนไทยโดยทั่วไป

อาจารย์ หนู กันภัย เป็นผุ้จุดประกายแนวความคิด ให้ประจักษ์ในศาสตร์ของการสักยันต์ ให้คนทั้งโลกยอมรับศาสตร์ ในการสักยันต์ของคนไทยที่มีอยู่จริง ศึกษาและสัมผัสได้กับผู้ที่มีความศรัทธา ความเชื่อมั่นในบวรพุทธศาสนา ท่านได้เฝ้าเพียรพยายามสร้างอุดมคติ ความเชื่อ ความศรัทธา ของการสักให้สอดคล้องกับยุคสมัยของโลกาภิวัฒน์ ประกาศก้องบวรพุทธศาสนา ให้ทั่วโลกรู้จักและหันมาเคารพนับถือ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติเป็นอันมาก แม้อุปสรรคในการลบล้างอุดมคติ ของการสักยันต์แบบเก่าจะมีมากเหลือประมาณ ก็ไม่เคยปริปากบ่น มีแต่พร่ำเพียรสอนเหล่าศิษยานุศิษย์ ให้ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นคนดี ตั้งอยู่ในศีลธรรม ไม่คดโกง ไม่เบียดเบียน ผลของการสักก็จะบังเกิดขึ้นกับเหล่าศิษยานุศิษย์เป็นแน่ อาจารย์หนูพูดเสมอว่า นักเลงเป็นได้แต่ต้องเป็นนักเลงทำมาหากิน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งสภาวะของสังคมของคนในปัจจุบัน ต่างก็ดิ้นรนที่จะอยู่รอด และตั้งอยู่ในความไม่สุจริต คนดีคนเลวมีผสมกันไป แต่เราจะทำอย่างไรให้คนไม่ดีน้อยลงหรือ ไม่เพิ่มจำนวนขึ้นนั้นเราตอบไม่ได้ เราเพียงได้แต่แค่สร้างคนดีให้มากกว่าคนเลว

ฉะนั้น การสักยันต์ก็เป็นอีกหนึ่งกุสโลบายของโบราณ ที่อาจารย์หนูได้นำมาใช้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์ลูกหาไม่ออกนอกลู่ นอกทาง ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีๆ เกิดประโยชน์แก่ตนเองและบ้านเมืองต่อไป

ปัจจุบันในการสักยันต์ ไม่มีใครไม่รู้จักอาจารย์หนู กันภัย ผู้สร้างชื่อเสียงให้กับระดับประเทศและระดับโลกมาแล้ว ลูกศิษย์ลูกหามีมามาย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากมาย และที่สำคัญหลากหลายสาขาอาชีพ ในอดีตมีเพียงแค่กลุ่มคนแต่ในปัจจุบันทุกชั้น วรรณะ สาขาอาชีพ ทั้งในสายราชการ ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ เหล่าศิลปินดาราต่างก็เป็นที่ยอมรับ และเป็นศิษย์มากมาย ลูกศิษย์ลูกหาทุกคนต่างให้ความเคารพในตัวของท่านอาจารย์หนูเป็นอย่างยิ่ง เพราะทุกคนต่างที่เป็นศิษย์ต่างก็มีประสบการณ์กับการสักยันต์มาแล้วแทบทั้ง สิ้น บางคนเฉียดตายก็หลายครั้ง ร่ำรวยก็มาก เมตตามหานิยมก็เป็นที่ยอมรับ ส่วนมหาเสน่ห์ไม่ต้องพูดถึง ที่สุดจริงๆ ลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ต่างก็ร่ำลือกันต่างๆนานา ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ให้เป็นที่ยอมรับตำนานการสักยันต์ของเมืองไทยให้ทั่งโลกรู้จัก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการยากมาก ที่จะทำให้ชาวต่างชาติยอมรับและหันเข้ามาเคารพศรัทธา กราบไหว้พระพุทธศาสนา ซึ่งชาวต่างชาติหลายชนหลายเผ่าหลากหลายศาสนา ความเชื่อ ของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน บางทีไม่เห็นหรือไม่เจออะไรกับตัวเอง ไม่เชื่อไม่ให้ความเคารพแน่นอน อาจารย์หนูท่านสร้างจุดนี้ขึ้นมาเป็นเวลานับสิบปีเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา ให้เป็นที่ยอมรับและประจักษ์กันทั่วทั้งในเอเชียและยุโรป ต่างยอมรับท่าน ด้วยความเชื่อของพลังคาถาอาคม ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกปัจจุบัน เหล่าดาราศิลปิน คนไทยทุกชั้นทั้งเก่าและใหม่ ต่างก็มาเป็นศิษย์ของอาจารย์หนู กันภัย กันทั้งวงการ ด้วยความเชื่อและความศรัทธา เหล่าดารา ศิลปินต่างก็ประสพความสำเร็จ จนเป็นที่เล่าขานกันในหมู่นักแสดง ดารา ศิลปิน จนไปถึงดาราฮอลีวู้ด ก็ต่างก็พากันมาสักยันต์ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวอีกมากมาย

ปัจจัย หลักของการสักยันต์ที่อาจารย์หนู บอกไว้ว่า ผู้ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผู้รับรับด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ยังนำไปถึงทะนุบำรุงบวรพระพุทธศาสนา ให้ประชาชนคนไทย และชาวต่างชาติยึดถือและปฏิบัติ ในเรื่องของการบำรุงพุทธศาสนา ท่านอาจารย์หนู กันภัยไม่เคยขาดและจุดสำคัญที่สุด การที่บุคคลต้องรู้จัก รู้คุณคน บิดามารดา คือการกตัญญูกตเวที ทดแทนคุณบิดามาดาผู้บังเกิดเกล้า สิ่งนี้แหละคือสิ่งสำคัญที่ท่านอาจารย์หนู กันภัย ได้ประสพความสำเร็จ และยืนหยัดต่อสู้อยู่ในโลกของศาสตร์ วิชาอาคมของการสักยันต์จนถึงปัจจุบัน

ใน ชีวิตของการทำบุญที่อาจารย์หนู กันภัย ทำนั้น ยากที่จะประเมินมิได้ตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านก็อยู่ใกล้วัด เข้าสัมผัสอยู่กับแวดวงพระพุทธศาสนา ร่ำเรียนตำหรับ ตำรา จนเป็นที่พอใจของคุณครูบูรพาอาจารย์ที่ท่านได้สอนสั่ง จนเข้าวัยเริ่มบวชเรียนอยู่หลายปี จนสำเร็จสมาธิ สร้างชื่อเสียงในการสักยันต์มาตลอดจนถึงปัจจุบัน จนเป็นที่กล่าวขานถึงพลังแห่งพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ชาวโลกได้ประจักษ์ รู้จักแก่นแท้ของการสักยันต์ที่แท้จริงในอดีต เรื่องงานบุญท่านอาจารย์หนู ท่านยังช่วยสร้างโบสถ์ วิหาร กำแพงวัด เมรุ ให้กับวัดต่างๆมากมาย แล้วแต่โอกาส แต่ที่เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คือ วัดแม่ตะไคร้ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางวัดยังให้อาจารย์หนู กันภัย ร่วมบริจาคเงินให้แก่ศพที่ไม่มีญาติ ที่เดือดร้อนเรื่องเงินในการทำศพ ท่านอาจารย์หนูท่านจะรับผิดชอบ อุปการะทั้งหมด ไม่เพียงแต่กับพระศาสนาท่านอาจารย์หนูยังบริจาคเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ตลอดจนข้าวสารอาหารแห้ง ให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อน ทั้งสภาวะเศรษฐกิจและอุทกภัยธรรมชาติ โดยไม่เคยขาดทั้งผู้เจ็บป่วย คนแก่ คนยากจน ทั้งในและนอกประเทศ ต่างประเทศที่อาจารย์หนูไปสัก เมื่อว่างเว้นจากการสักยันต์ ก็จะเข้าเยี่ยมคนแก่ คนเจ็บ ตามโรงพยาบาลที่ยากจนและบริจาคสิ่งของตามความจำเป็นให้แก่บุคคลเหล่านั้น ซึ่งแม้บางครั้งบุคคลเหล่านั้นจะถูกทอดทิ้งจากลูกหลาน แต่ก็ยังไม่ทิ้งรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี ที่พวกเขาไม่เคยได้รับจากใคร และเป็นการจุดประกายความหวัง ให้บุคคลเหล่านั้นสู้ต่อไปในชีวิต
ศิษยานุ ศิษย์ หลายคนเคยตั้งคำถามว่า ในการบริจาคเงินและการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมของอาจารย์หนู กันภัย ในแต่ละครั้ง เงินที่นำไปบริจาคสร้างวัดวาอารามต่างๆตลอดจนโครงการศพไม่มีญาติ และช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากนั้น เงินพวกนี้มาจากไหน ท่านอาจารย์ได้ตอบแบบอมยิ้มว่า ก็เงินที่ลูกศิษย์มาสักซึ่งได้จากการสักแต่ละครั้งเมื่อหักค่าใช้จ่ายภายใน สำนักแล้ว
ก็จะแบ่งส่วนหนึ่งร่วมทำบุญ ถวายเป็นกุศลให้กับศิษยานุศิษย์ทุกคนที่ได้มาสักยันต์ เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ที่มาสักยันต์ สิ่งที่ท่านอาจารย์ได้กระทำ จะเป็นสิ่งหนุนนำให้ชีวิตของบรรดาลูกศิษย์ พบกับความสุขและความสำเร็จ ความเจริญ ความมั่งมีในชีวิต ท่านอาจารย์พูดเสมอว่า ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เกิดมาชาติหนึ่ง ต้องสร้างความดีให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรปัจจุบันต้องทำให้ดีที่สุด การกตัญญูกตเวทิตาต่อบิดามารดาและผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่ท่านอาจารย์หนูไม่เคยลืม และสอนให้คนรุ่นหลังได้ปฏิบัติ เพื่อเป็นบทสะท้อนในสังคมปัจจุบัน แม่ซึ่งเป็นบุพการีมีลูกกี่คนก็ได้ แต่แม่คนเดียวลูกหลานเลี้ยงไม่ได้ ซึ่งมันขัดกับความเป็นจริง อาจารย์หนู กันภัย ได้สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาทุกครั้งว่า แม่เปรียบเสมือนพระอรหันต์มาโปรด บุคคลใดเลี้ยงดูบุพการี ชีวิตจะไม่มีตกอับ มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง คุณพ่อคุณแม่ของอาจารย์หนูเอง ท่านก็ดูแลเป็นอย่างดี ไม่ว่ายามเจ็บป่วย ยามทุกข์ ยามสุข ท่านจะคอยปรนนิบัติเคารพบูชาคุณพ่อคุณแม่เหมือนพระอรหันต์

ปัจจุบันอาจารย์หนู กันภัยเปรียบได้กับแม่ทัพของการสักยันต์โดยแท้ หลักของการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงพลังของสมาธิ ที่อาจารย์หนูฝึกและปฏิบัติอยู่ไม่เคยขาดทุกคืน ท่านอาจารย์จะกำหนดจิตแผ่เข้ากับลูกศิษย์ ที่มาสักยันต์กับที่สำนักทุกคน รอยสักยันต์ของท่านอาจารย์หนู จึงมีพลังพุทธานุภาพคุ้มครองได้จริง ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจะรู้ดีในความเข้มขลังของอักขระเลขยันต์ที่ท่าน อาจารย์หนูได้
สักให้กับศิษย์ทุกคนจนเกิดปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ ความสำเร็จที่ไม่คาดคิด หลักของการปฏิบัติสมาธินั้น มีหลายแบบซึ่งแต่ละที่แต่ละสำนักนั้น จะสอนให้มีความแตกต่างกันออกไป แต่ก็ยึดหลักเหมือนกันคือทางสายกลาง ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี หลักการปฏิบัติที่ถูกนั้น ชี้ชัดถึงผลสำเร็จให้เข้าถึงแก่นแท้ของสมาธิ ความสงบที่ซึ่งบุคคลทุกคนสามารถยึดถือปฏิบัติได้

อาจารย์หนู กันภัย ยึดหลักการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และด้วยพลังบุญฤทธิ์ของท่านได้แผ่ออกไปให้ศิษยานุศิษย์ เปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันภัย หนุนดวงบารมีให้ลูกศิษย์ทุกคนโดยถ้วนหน้า มีศิษย์จำนวนไม่น้อยฝันถึงอาจารย์ว่า มาคอยเตือนภัยบ้างให้โชคให้ลาภบ้าง แม้แต่บางคนซึ่งไม่เคยเป็นศิษย์ ไม่เคยรู้จักก็ยังฝันถึงบ้าง จนต้องมาก้มกราบอาจารย์จนถึงหน้าสำนักก็มีมากหลายราย บางรายรู้จักแต่ไม่เคยเป็นลูกศิษย์ แต่อยากที่จะมา แต่ปัจจัยไม่พร้อมเพียงแค่อฐิษฐานจรดมือขึ้นท่วมศรีษะ แรงอธิษฐานก็บันดาลเกิดโชคลาภอย่างอัศจรรย์มาแล้วก็มี พลัง ที่จะเกิดอยู่ที่ตนเองฝึกจิตฝึกใจ ให้พัฒนาอยู่เสมอ เหมือนกับที่จะเสกวัตถุมงคล ก็ต้องกำหนดจิตสร้างมโนอิฐิ แผ่พลังไปยังวัตถุมงคลนั้นๆให้เกิดอิทธิพุทธปาฏิหารย์ เมื่อผู้นำไปใช้จะได้ถึงผลสำเร็จตามแต่ที่ใจจะปรารถนา จิตที่หยั่งเหนือจิตใจของผู้อื่น และหยั่งรู้ถึงอนาคตนั้นคือสิ่งที่ท่าน ได้แสดงจนเป็นที่ประจักษ์ของผู้อื่น และลูกศิษย์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง และสิ่งที่พูดออกไป มักจะเป็นไปตามปากของท่านอาจารย์อยู่เสมอๆ มีลูกศิษย์มาให้ท่านช่วยดูดวงชะตาให้ เนื่องจากจะทำธุรกิจ การทำธุรกิจก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก

เนื่องจากความไม่แน่นอนใน เศรษฐกิจ และความลังเลใจของผู้ประกอบอาชีพ จึงพยายามที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ลูกศิษย์คนนั้นจึงมาให้ท่านตรวจดวงชะตาให้ว่า จะเปิดธุรกิจที่เกาะภูเก็ต จะเปิดเมื่อไหร่ถึงจะเป็นฤกษ์มหามงคล ท่านก็ทำการตรวจดวงชะตาแล้ว ทราบว่าบุคคลดังกล่าวดวงชะตาขาด วิบัติ ท่านจึงสั่งห้ามเปิดเด็ดขาด ในขณะเดียวกันเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเกิดสึนามิที่ทางภาคใต้ ลูกศิษย์คนดังกล่าวจึงกลับไป ด้วยความฉงนสงสัยว่าทำไม ท่านจึงกล่าวเช่นนั้นและให้เลย 3 วันนี้ไปก่อน จึงจะเปิดทำธุรกิจได้ สุดท้ายลูกศิษย์คนดังกล่าวก็จากไป โดยไม่ทราบชะตากรรม พลังจิตที่ได้ถูกฝึกพัฒนาดีแล้วเพียงแค่อธิฐาน ก็สามารถก่อให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ สร้างปาฏิหาริย์มาหลายครั้งหลายคราว

เรื่อง ราวของการสร้างสำนักใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ ที่สร้างปาฏิหาริย์ด้วยพลังอธิฐานจิตที่อาจารย์หนูได้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง หลายก่อนสำนักเก่าไม่ได้อยู่ที่ปัจจุบัน ครั้งนั้นสำนักเก่าอยู่ที่ซอยวัดตลาดเหนือเก่า และผุพังไปตามกาลและเวลา

ด้วย ความเป็นห่วง ลูกศิษย์ลูกหาได้ถามท่านว่า อาจารย์ครับไม่สร้างหรือปลูกสำนักใหม่เหรอครับ ปัจจุบันสำนักเก่ามีความทรุดโทรม และก็รองรับลูกศิษย์ลูกหาที่จะไปมาหาสู่ก็ค่อนข้างจะลำบาก ซึ่งการเดินทางถนนก็คับแคบ ท่านอาจารย์หนูเมื่อท่านได้ยินได้ฟังเช่นนั้นท่านก็อมยิ้มนิดๆ แล้วหลับตาสักพักแล้วพูดว่า รอพระโพธิสัตว์เสด็จมาก่อน ซึ่งสร้างความฉงนสงสัยให้แก่บรรดาลูกศิษย์ที่เฝ้ารอคำตอบอยู่ หลังจากนั้น 3 วันมี บ.ก.หนังสือย้อนรอยกรรม เข้ามาหาอาจารย์และมาก้มกราบบอกว่า เผอิญผมไปทางใต้มาได้พระรูปหล่อหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่มา ซึ่งทางผมคิดว่าจะมาถวายอาจารย์ (ซึ่งไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน) ซึ่งปัจจุบันองค์หลวงปู่ทวดนั้น นั่งอยู่บนหน้าจั่งของสำนัก ณ ปัจจุบัน เมื่อ บ.ก.หนังสือย้อนรอยกรรม ได้ถวายให้แก่ท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็จุดธูปตั้งจิตอธิษฐาน อัญเชิญดวงวิญญาณหลวงปู่ทวด มาสถิตพร้อมกับเปล่งวาจา ขอบารมีหลวงปู่ทวดช่วยให้การหาที่อยู่ของสำนักใหม่ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

เนื่อง จากปัญหาเนื้อที่คับแคบ และถนนหนทางก็เดินทางไปมาไม่สะดวกเท่าที่ควร หลังจากนั้นไม่เกิน 2 วัน รุ่งเช้าคุณไพศาลซึ่งเป็นลูกศิษย์ท่าน ได้มาหาและได้พูดคุยกับท่านว่า พี่สาวต้องการจะขายบ้านพร้อมที่ดินขนาดประมาณ 100 ต.ร.ว อยู่ในซอยพูลศรี ซึ่งเดิมกลางบ้านมีจอมปลวกและศาลพญางูขึ้นอยู่กลางบ้าน เมื่อท่านได้ฟังเช่นนั้น จึงตัดสินใจตอบตกลงที่จะซื้อ โดยทั้งที่ยังไม่ได้ไปดูบ้านเลย มันเหมือนปาฏิหาริย์มีเข้ามาพร้อมๆกันทุกอย่าง กับสิ่งของที่เตรียมพร้อม เสิร์ฟในทันที ปาฏิหาริย์ยังไม่หยุดแค่นั้นขณะที่อาจารย์หนูให้ลูกศิษย์ลูกหาออกแบบบ้าน ซึ่งเป็นสำนักปัจจุบัน ถนนหนทางยังเป็นดินลูกรังประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าจะถึงหน้าบ้าน ซึ่งเหล่าบรรดาลูกศิษย์และอาจารย์ก็รู้อยู่ในใจว่า การเดินทางเข้าหาอาจารย์ก็ยังคงมีอุปสรรคบ้าง และไม่ต่างกับทางเข้าของสำนักเก่าที่อยู่ในซอยวัดตลาดเหนือเท่าใดนัก เพราะยังเป็นลูกรังเมื่อฝนตกคงจะลำบากกว่าปกติแน่ อาจารย์ก็ยกมือจรดขึ้นศีรษะ อธิษฐานจิตถึงบารมีหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้สักพัก แล้วหันกลับมาบอกลูกศิษย์ว่าอีกไม่เกิน 1 อาทิตย์ ถนนจะมาสร้างให้เสร็จโดยการลาดยาง เมื่อลูกศิษย์ได้ฟังก็ยังงงอยู่ และอีกไม่นานก็เป็นดังเช่นท่านพูดจริงๆ ไม่ถึงอาทิตย์ก็มีหน่วยงานมาปรับปรุงทำเป็นถนนลาดยางเช่นนั้นจริงๆ ลูกศิษย์ลูกหาต่างร้องกันเป็นเสียงเดียวกันว่า แรงจิตอธิษฐานของอาจารย์หนู และแรงหนุนนำของครูบาอาจารย์ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ อธิษฐานสำเร็จสมความมุ่งมั่นทุกประการจริงๆ


Create Date : 22 มีนาคม 2553
Last Update : 22 มีนาคม 2553 10:27:16 น. 0 comments
Counter : 5123 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

somkitjar
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add somkitjar's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.