|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
22 พฤษภาคม 2555
|
|
|
|
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะวิธีรักษาอาการแพ้น้ำยาย้อมผม
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะวิธีรักษาอาการแพ้น้ำยาย้อมผม
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมให้ปลอดภัย หากมีอาการแพ้น้ำยาย้อมผม ให้ล้างหนังศีรษะด้วยแชมพูอ่อนๆ เพื่อล้างสารพาราฟินีลินไดอะมีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็ง เตือนประชาชนก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ย้อมผมต้องอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด และควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ นายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ย้อมผมในรูปแบบแชมพู และมีการโฆษณาทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทแชมพูสระผมที่สระแล้วทำให้สีผมเปลี่ยนไป ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่าสามารถใช้สระผมได้ทุกวันเหมือนแชมพูทั่วไป กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงขอเตือนประชาชนในการให้ระมัดระวังใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม เพราะผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดมีหลายประเภท ทั้งประเภทย้อมผมชั่วคราว ได้แก่ ดินสอทาสีผม สเปรย์ย้อมสีผม ประเภทย้อมผมกึ่งถาวร สีจะคงทนได้นาน 3-5 สัปดาห์ ได้แก่แชมพูย้อมสีผม โลชั่นและโฟมย้อมสีผม และประเภทย้อมผมถาวร จะทนทานต่อการสระด้วยแชมพู เนื่องจากมีสีออกซิเดชั่น เช่น สารพาราฟินีลินไดอะมีน(p-phenylenediamine) รวมทั้งเกลือและอนุพันธุ์ของสารนี้ ซึ่งเป็นสารก่อกลายพันธุ์และทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง โดยมีรายงานว่าสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ย้อมผมชนิดถาวรเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ยังพบว่าสารพาราฟินีลินไดอะมีน เมทิลฟินีลีนไดอะมีน 4-อะมิโน-2-ไฮดรอกซีโทลูอีน และพาราอะมีโนฟีนอล เป็นสีย้อมที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดการแพ้ได้ โดยจะมีอาการบวมบริเวณเปลือกตา ใบหน้า และริมฝีปาก อาการขั้นแรกผิวหนังมีผื่นแดงเป็นตุ่มใส และมีน้ำเหลือง มีอาการคันมากบริเวณศีรษะ ใบหน้า และต้นคอ ถ้าแพ้มากทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ทำให้เกิดจ้ำเขียวเป็นผื่น อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมผู้บริโภคควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน และห้ามใช้หากหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นแผลหรือโรคผิวหนัง และขณะที่ย้อมผมไม่ควรเกาศีรษะแรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่ปล่อยให้สีย้อมผมค้างบนเส้นผมหรือหนังศีรษะนานเกินความจำเป็นเพราะอาจทำให้สารเคมีซึมผ่านหนังศีรษะหรือผิวหนังบริเวณใกล้เคียง ควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม สระผมให้สะอาด หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมแล้วเกิดความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยควรหยุดใช้ทันที หากพบว่ามีอาการแพ้ต้องรีบล้างหนังศีรษะและผมด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ หรือแชมพูอ่อนๆ เพื่อล้างผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่ยังเหลืออยู่ให้หมดไป หากอาการแพ้ไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ โดยนำฉลาก ซองหรือกล่องของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไปด้วย เพื่อแพทย์จะได้รับทราบข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องและทำการรักษาต่อไป นางหรรษา ไชยวานิช ผู้อำนวยการสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เครื่องสำอางทุกชนิดรวมทั้งผลิตภัณฑ์ย้อมผมจัดเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะสารย้อมผมหลายชนิดเป็นสารควบคุมปริมาณการใช้ เช่น พาราฟินีลินไดอะมีน และเมทิลฟินีลีนไดอะมีน ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์สำหรับย้อมผมในอัตราส่วนสูงสุด 6 % และ10 % เมื่อคำนวณในรูปเบสอิสระ (free base) ตามลำดับ สารไดอะมีโนฟีนอลล์ และสารรีซอร์ซินอลใช้ได้ในอัตราส่วนสูงสุด 10 %และ 5 % ตามลำดับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้ฉลากเครื่องสำอางที่มีการควบคุมต้องระบุข้อความที่จำเป็น ได้แก่ ชื่อทางการค้า ประเภทหรือชนิด ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีใช้ ชื่อและผู้ผลิต ที่ตั้ง ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต และการแสดงคำเตือน เช่น อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ สวมถุงมือที่เหมาะสมขณะใช้ ระวังอย่าให้เข้าตา ห้ามใช้ย้อมขนตาหรือขนคิ้ว ห้ามใช้เมื่อหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นต้น ดังนั้นก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ และที่สำคัญควรอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำเตือน และวิธีใช้อย่างเคร่งครัด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 21 เมษายน 2555
Create Date : 22 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2555 18:51:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 705 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
ChickSoGood |
|
|
|
|