Codename: Smilla

"...She lives in a world of numbers, science and memories -- a dark, exotic stranger in a strange land..." อืมม์... อ่านแล้วก็รู้สึกว่าเขาบรรยายถึงฉันค่ะ เพราะใช่ฉันแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์เลยที่... 1. live in a world of numbers -- เปล๊า.. ไม่ได้ชอบวิชาเลขหรอก ความจริงแล้วเกลียดเลขที่สุด เพราะฉันไม่เก่งเลขเลย ขนาดนับเลขในใจก็ยังนับผิด เวลาเห็นตัวเลขเยอะๆทีไรฉันมักจะมีอาการหน้ามืดตาลายอยากจะลาตายทุกที นึกแล้วอึดอัดใจชิบเลยที่โลกทุกวันนี้มันมีแต่ตัวเลข ต้องจำโค้ดโน่นโค้ดนี่มากมาย สงสารเซลล์สมองฝ่อๆของฉันจัง สงสัยต้องเอาหัวไปซุกดินแบบนกกระจอกเทศ แบคทีเรียในดินมันจะได้ช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเซลล์ใหม่ๆขึ้นมามั่ง... 2. live in the world of science -- อุ๊ย ข้อนี้ใช่ฉันจริงๆ บ้า science มากจนเริ่มมีคนแซวประปรายว่าฉันนี้ nerd เอามากๆ ฮ่าๆ 3. live in the world of memories -- จำเรื่องราวในอดีตได้ดีมาก ตามประสาคนที่เริ่มแก่ แต่จำไม่ได้สักทีว่าเอากุญแจบ้าน กุญแจรถ ฯลฯ ไปวางไว้ที่ไหน กว่าออกจากบ้านได้แต่ละทีก็ต้องเสียเวลาวิ่งหาของกันหน้าตั้ง ที่เยี่ยมที่สุดที่เคยลืมก็คือลืมใส่เสื้อโค้ต พอออกไปยืนกลางพายุหิมะก็แบบงงๆว่า เอ๊ะ…ทำไมมันหนาวจังวันนี้ ความรู้สึกช้ามาก ตั้งนานแน่ะกว่าจะนึกออกว่าลืมใส่เสื้อโค้ต 4. เป็น a dark, exotic stranger in a strange land -- คือว่าตัวฉันนี้มีลุคที่สุดแสนจะเอ็กโซติคเอามากๆ (เอ๊ะ.. หรือมันไซโคติคลุคกันแน่หว่า..!? ไม่ค่อยจะแน่ใจซักเท่าไหร่...) ไปไหนมาไหนก็เลยมักจะถูกคน(ฝรั่ง)มองม๊องมอง ยังกับฉันหลงทางมาจากต่างดาวยังไงยังงั้น แต่เนื่องจากว่าฉันนี้เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ฉันก็เลยคิดแต่ในแง่ดีว่าคนเขามองฉันเพราะฉันสวยถูกตาต้องใจเขา (โคตรจะ self-secure และเข้าข้างตัวเองเอามากๆ ที่จริงแล้วฝรั่งเค้ามองเพราะคงสงสัยมากกว่าว่าแม่คนนี้มันบ้าละเปล่า เดินยิ้มอยู่ได้คนเดียว... ฮ่าๆ) เขียนมาซะยาว ที่จริงแล้วประโยคที่บรรยายข้างบนนั้น เขาไม่ได้บรรยายถึงฉันหรอกค่ะ แต่เขาบรรยายถึงตัวเอกในนิยายของเดนมาร์กเรื่องหนึ่ง หากเขาไม่ได้เขียนถึงฉันแล้ว ทำไมฉันต้องยกเอามาอ้างถึงด้วย? Well, well, well…. ที่ยกมากล่าวถึงก็เพราะว่าฉันยืมชื่อตัวละครในนิยายที่ว่ามาเป็นล็อกอินเนมไง... สาเหตุที่ต้องยกเรื่องที่มาที่ไปของล็อกอินเนมมาเล่าให้ฟังก็เพราะมีหลายคนเหลือเกินที่เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นคนสงขลา เรียกฉันว่า "สมิหรา" เพราะเข้าใจกันว่านามแฝง "Smilla" ของฉันนั้นมีที่มาจากแหลมสมิหลา ขอบอกเล่ากันตรงนี้เลยนะคะว่าฉันไม่ใช่คนสงขลา และไม่ได้ถือกำเนิดที่ภาคใต้ เพียงแต่ว่าบังเอิญได้ไปพำนักพักอาศัยอยู่ที่บางจังหวัดของภาคใต้ตั้งแต่เล็กจนโตจนกระทั่งย้ายออกมาอยู่ต่างแดน ก็เลยผูกพันกับปักษ์ใต้มากเป็นพิเศษ ไหนๆก็บรรยายมาซะยาวแล้ว ขอพล่าม..เอ๊ย..บรรยายต่ออีกนิดว่า... Smilla อ่านว่า "สมิลล่ะ" หรือ หากเขียนแบบไทยๆก็คือ "สมิลลา" และถ้าอ่านแบบไทยแท้ๆ ก็คงจะอ่านได้ว่า "สะมินหล้า" นั่นเอง อิอิ แหลมสมิหลา มีชื่อสะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า Laem Samila ตามข้อมูลจาก องค์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ดูที่หัวข้อ Laem Samila) ส่วนที่มาที่ไปของนาม Smilla ก็มีดังนี้ Origin and Meaning: Greenlandic millalaarpoq = 'humming' (of an insect) Danish mild = 'mild' Danish smile = 'to smile' Smilla is a name invented by the Danish author Peter Høeg. It is the name of the main character in his novel "Frøken Smillas fornemmelse for sne" (1992; English: Smilla's sense of snow). ข้อมูลจาก nordicnames.de Read more about the book here เอารูปหนังสือมาลงให้ดูด้วยเลย รูปต่างๆที่เห็นนั้น ฉันไปยืมมาจากหลายเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ตค่ะ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างดังเอาการ ได้รับการแปลเป็นหลายภาษา และคิดว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อหรือได้อ่านกันบ้างแล้ว ต้นฉบับภาษาเดนมาร์ก แปลเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อแตกต่าง แต่ก็เล่มเดียวกัน สร้างเป็นหนังแล้วด้วย (ปล. ฉันแอบฝันว่าฉันสวยพอๆกับดาราคนนี้ค่ะ ฮ่าๆๆ) ไงก็หวังว่าต่อไปนี้คงไม่มีใครเรียกฉันว่า "สมิหรา" กันอีกนะคะ หากไม่รู้จะเรียกฉันว่าอะไรดี ก็เรียกฉันว่า "ที่รัก" ก็แล้วกัน ฮ่าๆ…. ล้อเล่นน่ะ จริงๆแล้วฉันชื่อนกค่ะ

Create Date : 07 พฤษภาคม 2551		1 comments
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 14:15:19 น.
Counter : 1950 Pageviews.
Share Tweet