|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คือสัญญา
เสียงวิ่งลงบันไดโครมคราม ทำให้สองหนุ่มที่นั่งอยู่โซฟายาวชั้นล่างต้องแหงนคอมอง
พี่ปราม!
เสียงเด็กสาวตะโกนเรียกพี่ชายด้วยความดีใจดังตามมาพร้อมกันกับเสียงฝีเท้า
พี่
ปรา
ม
ม เธอเบาเสียงลงเมื่อเห็นปฏิการเพื่อนหนุ่มของพี่ชายนั่งอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าร่าเริงของสาวน้อยหุบลงทันที
มีอะไรปริม! แหกปากซะลั่นบ้านเลย ปรามดุน้องสาว
ไม่มีค่ะ!
เธอกระแทกเสียงอย่างอารมณ์เสีย หมดอารมณ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่อยากบอกพี่ชาย เมื่อเห็นหน้าเพื่อนพี่ชาย แถมกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ปริมเฉิดหน้า คอตั้งเดินลงบันได เดินซวบ ๆ ออกจากประตูไป
เบื่อจริ๊ง
.อีกตานี้มาอีกแล้ว เธอบ่นเมื่อก้าวออกมาพ้นประตู เฮอะ! ทำเป็นศิลปินไว้ผมยาว ใส่ต่างหูข้างเดียว เกลียดจริง ๆ เลย เชอะ! ทำเป็นเท่
โธ่!! หล่อตายเลย หมั่นไส้! ปริมเตะต้นหญ้าหน้าบ้านอย่างเคือง ๆ เธอไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนพี่ชายคนนี้เอาเสียเลย ของอีตานั่นแน่ สายตาเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ คู่หนึ่งวางอยู่ ฮื่ม! ต้องหาเรื่องแกล้งอีก จะได้เลิกมาเสียที เบื่อขี้หน้าชะมัด พี่ปรามไม่เป็นอันทำอะไรพอดี มาอยู่ได้! บางทีก็มานั่งเศร้า ๆ ซึม ๆ พี่ปรามละก้อ
อดทนจั๊ง
ปลอบได้ปลอบดี แล้วไง ไม่เห็นหมอนั่นดีขึ้นเลย เหมือนเดิม หนักกว่าเดิมสิไม่ว่า ปริมบ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียว คายหมากฝรั่งที่เคี้ยวไว้นานแล้ว ยัดใส่รองเท้าของอีกตาผมยาว เอาแค่เบาะ ๆ ละกันวันนี้ เธอตบไม้ตบมือเปาะแปะ เป็นอันเสร็จกระบวนการ นึกถึงภาพอีตาศิลปินผมยาวใส่รองเท้าแล้วดึงออกมา ปริมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักอย่างสะใจ คลายความโมโหเขาไปได้บ้าง
วันต่อมาหนุ่มผมยาวก็ยังมาที่บ้านปรามอย่างเคย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดินเข้าบ้านเขาสวนกับปริม ไง! เมื่อวานคงสนุกมากล่ะสิ! เขานึกโกรธเธออยู่เหมือนกันที่แอบเอาหมากฝรั่งมายัดใส่รองเท้าของเขาเมื่อวานนี้ ปริมยักไหล่ นายยังไม่เข็ดที่จะมาที่นี่อีกหรือไง ระวังตัวให้ดีละกัน นายจะเจอดีกว่านี้อีก พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ราวกับคู่แค้นที่ไม่มีวันญาติดีกันได้
เขาส่ายหัว พร้อมกับถอนหายใจช้า ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอปริมแกล้ง และไม่ใช่ครั้งเดียวที่เธอพูดจาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยแบบนี้ แต่เขาก็ยังอยากมาที่นี่ มันคงดีกว่าการทนอยู่บ้าน บ้านที่ไม่เคยเป็นบ้าน ไม่เคยเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ยังไงที่นี่ก็ยังมีปราม เพื่อนที่คอยให้กำลังใจเขาตลอดมา แม้น้องสาวตัวแสบจะดูไม่ชอบขี้หน้าเขานัก แต่เขาไม่แคร์ และไม่เคยใส่ใจ บางทีมันอาจทำให้ชีวิตเงียบเหงา ซังกะตายของเขามีสีสันขึ้นมาบ้าง เขาไม่เคยบอกปรามสักครั้งเรื่องปริมคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ เพราะไม่อยากให้เธอโดนดุ และมันก็คงทำให้เธอเกลียดขี้หน้าเขามากขึ้น หากเขาจะทำตัวเป็นคนช่างฟ้องเช่นนั้น
หลายวันต่อมา
.
หลังจากที่หนุ่มผมยาวกลับไปแล้ว ปริมถูกเรียกมาสอบสวน และถูกต่อว่าจากพี่ชายอย่างหนัก ปริม! เธอแกล้งเอาหมามุ่ยไปใส่รองเท้าปฏิการใช่มั้ย!
ใช่ค่ะ! ปริมตอบชัดถ้อยชัดคำหนักแน่น
เขาฟ้องพี่ล่ะสิ! เธอยังอดที่จะเหน็บแนมเขาไม่ได้
เขาไม่ต้องบอกพี่ก็รู้ แม้เขาจะห้ามพี่ด้วยซ้ำว่าไม่ให้ดุเธอ แต่มันเกินไป พี่ต้องทำโทษเธอ ฐานทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน พี่จะหักค่าขนมเธอออกครึ่งหนึ่ง! พี่ปราม! แล้วพี่ไม่เดือดร้อนหรือคะ ที่ต้องคอยดูแล คอยปลอบใจนายนั่น! ปริมไม่เห็นเขาจะดีขึ้นเลย บางทียังเมาแอ๋ให้พี่แบกพาไปส่งบ้าน เขามีอะไรดีคะ พี่ถึงห่วงใยเขานักหนา ปริมนึกระอาคนที่ใช้เหล้าดับทุกข์เหลือเกิน มีแต่คนหลอกตัวเอง ไม่กล้ายอมรับความจริงเท่านั้นที่ใช้วิธีนี้
เพราะเขาเป็นเพื่อนพี่ไงล่ะ พี่เคยเล่าเรื่องครอบครัวปฏิการให้ฟังแล้วนี่ ปริมยังไม่เข้าใจอีกเหรอ มันต้องใช้เวลาหน่อยปริม เข้าใจไหม ปรามพยายามอธิบายให้ปริมเข้าใจอย่างใจเย็น
ไม่เข้าใจค่ะ! ปริมไม่เข้าใจ! ปริมกระแทกเสียงแล้ววิ่งตึงตังขึ้นบันไดไป
ปรามถอนหายใจหนัก ๆ ในความดื้อรั้นของน้องสาว สายตายังมองตามร่างสาวน้อยที่หายลับขึ้นไปชั้นบน ปริมคงไม่รู้หรอก ตอนที่พ่อกับแม่แยกทางกัน พี่รู้สึกยังไง พี่ต้องเข้มแข็ง พี่ต้องคอยปลอบเธอ และปลอบหัวใจตัวเอง พี่อยากมีใครคอยปลอบใจ คอยให้กำลังใจ แต่พี่ไม่มี ปฏิการเขาก็เหมือนกัน พี่เข้าใจความรู้สึกของเขา พี่จะต้องช่วยเขา เขาละสายตามามองรูปถ่ายคู่กันของพ่อกับแม่ที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง มันคงเป็นแค่อดีตที่เคยอยู่ร่วมกันเท่านั้น
สักวัน
ปริมจะเข้าใจ
===============
ปฏิการหายหน้าไปหลายวัน เนื่องจากแพ้หมามุ่ยเอามาก ๆ แต่เขาก็ยังไม่เข็ดที่จะมาที่นี่อีก และวันนี้เขาตั้งใจจะสะสางหนี้แค้นกับปริมเสียที
อย่าให้เจอนะปริม! คราวนี้ฉันจัดการเธอแน่! เด็กอะไร้! แกล้งได้แกล้งดี ชายหนุ่มคำรามอยู่ในลำคอ ตีสีหน้าเครียดจัด ขณะเดินเข้าอาณาเขตสวนผลไม้บ้านของคนที่เขาจะมาแก้แค้น กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ และแล้วสายตาของเขาก็ปราดไปพบคู่แค้นคนละสายโลหิต ปริมกำลังนั่งร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน ปฏิการลอบเดินไปหาทางข้างหลังอย่างเงียบกริบ แล้วคว้าต้นแขนของคู่อริเอาไว้
ปริมสะดุ้งเฮือก!!
หันขวับมามองด้วยสายตาตกใจ
โอ๊ย! ปล่อยนะ เจ็บ
บ
มือแข็งแรงของคนหนุ่มบีบแขนเล็ก ๆ ของเธอไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ
เธอพยายามยื้อแขนตัวเองออกมา ทั้งสะบัดทั้งดึงแขนจนสุดแรง แต่ไม่อาจต้านทานแรงของชายหนุ่ม
เจ็บหรอ! ก็รู้ไว้ซะบ้างว่า คนอื่นเขาก็เจ็บเป็นเหมือนกัน เที่ยวแกล้งฉันดีนัก!
ปริมจ้องหน้าเขาเขม็ง นายจะรักแกเด็ก รังแกคนอ่อนแอกว่า ไม่อายเขารึไง
ปฏิการหัวเราะ
ฮึ! เธอเหรอเด็ก อายุ 20 แล้วมิใช่รึ! บรรลุนิติภาวะแล้ว ถึงเธอจะเป็นน้องฉันตั้ง 3-4 ปีก็เถอะ วันนี้ฉันขอจับเธอตีก้นซะให้เข็ด จะได้หลาบจำเสียบ้าง เขายังพูดไม่ทันจบ ปริมเอาตัวเองกระแทกเขาสุดแรงเกิด จนชายหนุ่มเซล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในสวนผลไม้ทันที
ปฏิการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่าหนีนะ! ยัยเด็กบ้า! เขาวิ่งตามอย่างไม่ลดละ
ตอนที่ 2
แบล่
!!
ปริมหันมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่ ใครจะหยุดให้โง่ล่ะ
วิ่งไปพลางคว้าลูกผลไม้อะไรได้ ทั้งขว้างทั้งปาใส่คนวิ่งตามมาเป็นพัลวัน นึกสงสัยขึ้นมาในใจว่าคนวิ่งตามกับคนวิ่งหนีใครจะเหน็ดเหนื่อยกว่ากันนะ!
ปฏิการวิ่งไป หลบไป แต่ก็ยังไม่วายโดนลูกอะไรต่อมิอะไรถ้าหลบไม่ทัน ยัยลิงทะโมนเอ๊ย
!! อย่าให้จับได้นะ!! น่าดูแน่!! เขาตะโกนใส่อย่างหัวเสีย ก่อนกระโดดข้ามคูน้ำเล็ก ๆ วิ่งกรวดตามไปติด ๆ
แม้ว่าปริมจะเป็นเด็กซุกซนคล่องแคล่ว ชินกับหนทางในสวนผลไม้ของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อย หายใจเอาอากาศเข้าปอดถี่ขึ้น ๆ วิ่งไปพลางหันไปดูคนวิ่งตามมาเป็นระยะ ๆ เห็นเขาวิ่งตามใกล้เข้ามาทุกที ใจยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก
ไอ้บ้าเอ๊ย!! จะตามไปถึงไหนวะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่เลิกลาเสียที ไม่เหนื่อยหรือไงนะ ปริมบ่นอยู่ในใจ หันกลับไปมองคนวิ่งกรวดตามมาอีกครั้ง จังหวะนั้นเองเธอสะดุดรากของต้นไม้เสียหลักล้มลงกระแทกพื้นดินอย่างแรง เจ็บก็เจ็บ แต่กัดฟันรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว แข็งใจวิ่งต่อไป
ร่างสันทัดของชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามมาติด ๆ เขาไม่ใช่คนสูงจนแขนขายาวเก้งก้าง ประกอบกับเป็นนักวิ่งมาก่อน จึงคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้เธอเช่นกัน ที่สำคัญเขามีความอึด มีความอดทนและความพยายามสูง ในที่สุดเขาก็ไล่ตามเธอทันจนได้ มืออันแข็งแรงคว้าร่างเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขน ปริมพยายามขัดขืน แต่ยิ่งดื้อดึงก็ยิ่งถูกแขนของเขากอดรัดเอาไว้แน่นขึ้น
ให้ฉันตีซะดี ๆ ยับตัวแสบ!! พูดพลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
ปล่อยฉัน
ปล่อย
!! พี่ปรามดีกับนายแค่ไหน นายถึงได้รังแกน้องสาวของเขาได้ลงคอ แล้วเธอแกล้งฉันมากี่ครั้ง ฉันยังไม่เคยเอาผิดกับเธอเลย ต่อไปจะแกล้งฉันอีกมั้ย! เขาคว้าไม้ฟาดเธอไปหลายที
โอ๊ย! ไม่แล้ว
ไม่แกล้งแล้ว ปล่อย
ย! ฉัน
เจ็บนะ!! เธอกระโดดเหยง ๆ หลบไม้เรียวของเขาเป็นพัลวัล
สัญญา!
ฉันสัญญา
เมื่อเขาคลายวงแขน ปริมรีบผละออกมาทันที
อย่าเพิ่งไป! เขาคว้าข้อมือเธอไว้
มีอะไรอีก! ยังไม่พอใจอีกหรือไง เธอจ้องเขาอย่างเคืองแค้น เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ เกิดมายังไม่เคยโดนใครกล้าเอาไม้ตีเธออย่างนี้เลย
ตลอดมา
ฉันทำอะไรให้เธอ เธอถึงได้เกลียดขี้หน้าฉันนัก เขายิงคำถามที่ค้างคาใจมาแสนนาน
ฉันเกลียดนาย เกลียดผู้ชายอย่างนาย ความไม่ชอบเขามาแต่เดิมบวกกับความโกรธทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ เกลียดผู้ชายไว้ผมยาวรุงรัง ใส่ต่างหูข้างเดียว ทำเป็นเท่
โธ่เอ๊ย! ที่แท้ นายก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง
เธอคงไม่รู้ว่าฉันมีปัญหามากมายแค่ไหน เสียงเขาแผ่วเบาอย่างรันทดเมื่อนึกถึงปัญหาครอบครัวของตัวเอง
มีแน่ล่ะ ก็เพราะนายทำตัวเองให้มีปัญหา เรื่องครอบครัวนาย ทำไมฉันจะไม่รู้
ปรามบอกเธอ
ใช่! พี่ปรามอยากให้ฉันเข้าใจนาย แต่ฟังแล้ว ขอโทษ! สมเพช! รู้มั้ยว่านายน่ะ กำลังทำตัวเองให้มีปัญหา นายกำลังเป็นโรคที่เขาฮิตกัน
โรคอะไร!
โรคครอบครัวมีปัญหา แล้วตัวเองก็ต้องมีปัญหาตามไปด้วยน่ะสิ
ปริมพยายามดึงข้อมือตัวเองออกจากมือคนหนุ่ม
บอกมาให้หมด เขาไม่ยอมปล่อยมือ ฉันจะไม่ทำอะไรเธอ จะรับฟัง พูดมาเลย
นายก็โตแล้วนะ อายุ 24-25 แล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่รู้จักคิดอีกเรอะ! ว่าควรทำตัวยังไง ทำไมล่ะ! ต้องไปพึ่งพาเหล้าบุหรี่ มันได้อะไรขึ้นมา แย่กว่าเดิมสิไม่ว่า มันล้าสมัย หมดสมัยแล้วที่จะทำตัวแบบนั้น นายกำลังทำสังคมให้วุ่นวายกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่มันก็มีปัญหามากมายอยู่แล้ว
ปฏิการยืนนิ่งฟังคนตรงหน้าวิภาควิจารณ์พฤติกรรมของตัวเอง
พี่ปรามก็ทนให้กำลังใจคนอ่อนแอ คนไม่ยอมรับความจริง คนไม่สู้ปัญหาอย่างนายอยู่ได้! ยังมีคนอื่น ๆ ที่เขาโชคร้ายกว่านาย ทำไมไม่คิดว่า นายโชคดีกว่าเขาขนาดไหน มัวแต่เป็นไอ้ขี้เหล้าเมายา เป็นโรคซึมเซาเหงาหงอยอยู่ได้ เปิดชีวิตใหม่ให้กับตัวเองสิ! เมื่อครอบครัวไม่อาจสร้างให้เราดีได้ เราจงสร้างตัวเองให้ดี อย่าให้ใครตราหน้าได้ว่า เราคือหนึ่งในปัญหาของสังคม เห็นชีวิตนายเป็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ปราม นายยังทำตัวแย่ ๆ เหมือนเดิม!! จบประโยคนั้นปริมรีบก้าวซวบ ๆ จากไป หวั่น ๆ อยู่ในใจเหมือนกันว่า พูดรุนแรงไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ เขาฟังคนปลอบใจมามากแล้ว เจอแรง ๆ ซะบ้าง เขาอาจจะคิดอะไร ๆ ออกบ้าง
ปฏิการยืนงงต่อคำสาธยายยาวเฟื้อยของปริม นี่เขาทำตัวเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ คำพูดของเธอแต่ละประโยค ทำให้เขาต้องสะดุดกับพฤติกรรมของตัวเอง เขานึกทบทวนเรื่องราวของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาเรื่องครอบครัวมากลุ้มอยู่ในหัวเสมอ นอกจากเขาจะเป็นกำลังใจให้คนในบ้านไม่ได้แล้ว เขายังกลับเป็นตัวสร้างแรงกดดันให้ครอบครัวบานปลายหนักหนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะพักหลังพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง และแยกทางกันไปในที่สุด เขารู้สึกว่า ชีวิตเคว้างคว้างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร การเรียนของเขาแย่ลงจนต้องด็อปไว้ก่อน ทำให้เขาจบช้า ทั้ง ๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างจบไปหมดแล้ว เขาเลิกสนใจตัวเอง พึ่งแต่เหล้า บุหรี่
ตอนนี้สิ่งที่เขารู้สึกเสียใจที่สุด เขาคงทำให้ปรามลำบากมาตลอด
แล้วเขาจะทำมันต่อไปอย่างเดิม หรือจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตของตัวเอง มันทำให้เขาต้องคิด คิด คิด และคิด
==============
เย็นวันต่อมา ปฏิการยืนดักรอปริมที่หน้ามหาวิทยาลัย ปริม
สวัสดีครับ ขอกลับบ้านด้วยคนได้ไหม เขารีบจ้ำเข้าไปหาเมื่อเห็นเธอเดินมา
ปริมขมวดคิ้วอย่างงง ๆ ถ้าฉันจะบอกนายว่าไม่ได้ล่ะ เธอตอบเสียงแข็ง ยังนึกโกรธเขาไม่หายเรื่องเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสน นี่เขาจะมาไม้ไหนแน่ เขาไม่โกรธที่เธอต่อว่าเขาไปมากมายหรือ
ทำไม! ฉันน่ารังเกียจนักหรือไง อารมณ์เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาทันที
ใช่ !! ในสายตาฉัน ถ้านายยังทำตัวไร้สาระแบบเดิม โดยเฉพาะผมรุงรัง ต่างหูข้างเดียวของนาย มันเกะกะตาฉัน รู้ไว้ด้วย เห็นแล้วมันหงุดหงิด เธอกระแทกเสียงดังใส่เขา แล้วรีบเดินหนี
ปฏิการรีบเดินตาม เขาผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ เพื่อคลายอารมณ์เครียด และพยายามจะไม่ใช้อารมณ์พูดกับเธอ เธอพิจารณาจากรูปภายนอกเท่านั้นหรือไง
ใช่! สำหรับฉัน! ปริมเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับสาวเท้าเร็วขึ้น
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของเขา และปากก็ไวพอที่จะถามออกไปทันที ถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอล่ะ ต้องทำยังไง เขาเร่งฝีเท้าตามไปติด ๆ
เป็นเพื่อนกับฉัน!!
ปริมหยุดเดินอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พร้อมกับหันมามอง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขำ เหมือนกับไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างแรกนะ นายต้องตัดผมลุ่มล่ามของนายออกก่อน ปริมเหลือบมองผมตรงยาวดำสนิทของเขาที่รวบไว้อยู่ทางด้านหลัง แล้วก็ต่างหูนั่น อย่างต่อไป นายต้องตั้งใจเรียน เรียนให้ดีขึ้น เลิกเหล้า บุหรี่ สิ่งโสมมทั้งหลายอย่างเด็ดขาด! ทำชีวิตให้มีคุณค่ากว่านี้
ไม่มากไปหน่อยหรอปริม เท่ากับให้ฉันเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะ เขาแทบเข่าอ่อนเมื่อฟังข้อแม้ของเธอแต่ละข้อ มันช่างตรงกันข้ามกับชีวิตของเขาขณะนี้โดยสิ้นเชิง
ฉันก็ไม่คิดว่า อย่างนายจะทำได้หรอกนะ น้ำหน้าอย่างนายหรือ
ปริมหัวเราะเย้ย เอาเป็นว่า ถ้านายทำได้ อย่าว่าแต่เป็นเพื่อนเลยนะ ต่อให้เป็นแฟนก็ยังได้ จะแถมหอมแก้มนายให้อีกทีก็ยังไหว ปริมพูดออกไปอย่างคึกคะนอกปาก
พูดจริงหรือเปล่าปริม เขารู้สึกเกิดแรงฮึดขึ้นมาอย่างประหลาด
แน่นอน! ถ้านายทำได้
งั้นเธอจำคำพูดของตัวเองในวันนี้ให้ดี ฉันถือว่า คำพูดของเธอ คือสัญญา ระหว่างเราแล้วนะ เขามองปริมด้วยสายตามุ่งมั่น
สายตานั้นทำให้ปริมรู้สึกใจหาย นี่! เธอพูดอะไรออกไป เงาของความกลัวเยื้องกรายเข้ามาเกาะกุมจิตใจ ถ้าเขาทำได้ขึ้นมา! โอย
ตายแน่ ๆ ถ้ามีอีตานี่เป็นแฟน ปริมชักกลุ้ม ๆ ขึ้นมาตะหงิด ๆ
ตอนที่ 3
ปฏิการหายหน้าหายตาไปหลายวัน นาน ๆ เขาจะโผล่มาที และดูสดใสร่าเริงขึ้น ไม่เศร้าซึมเหมือนแต่ก่อน เจอปริมทีไร ก็คอยแต่ทวงสัญญา คำที่เธอพลั้งปากพูดออกไปจนต้องคอยหลบหน้าเมื่อเขามาที่บ้าน ทุกครั้งที่เขารู้สึกท้อใจกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะต้องรีบพาตัวเองมาดักเจอเจ้าของคำสัญญา แกล้งเดินตามเธอ คอยติดตามเธอไปทุกที่ คอยกวนประสาทเธอ ได้แกล้งเธอแล้วรู้สึกมีความสุข เวลาได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเหมือนมีพลังพิเศษ มีกำลังใจที่จะสู้ขึ้นมาอย่างประหลาด
เวลาผ่านไปราวหนึ่งปีเต็ม การเปลี่ยนแปลงตัวเองสำหรับเขา ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะเขาเคยชินต่อการกระทำเดิม ๆ มาเนิ่นนาน เมื่อต้องปรับเปลี่ยนมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างที่คิด แต่เขาไม่เคยละความพยายาม เขาจะต้องลบคำสบประมาทของปริมให้ได้! นึกขอบคุณปริมเสมอที่ทำให้เขาได้คิด หูตาสว่างขึ้น และเปลี่ยนตัวเองได้ถึงเพียงนี้
================
ปรามย่องมาทางข้างหลังอย่างเบาเมื่อมองเห็นน้องสาว ทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนกำลังแอบใครบางคนอยู่ทางหลังบ้านข้างดงต้นกล้วย
จ๊ะเอ๋!! เขาเขย่าแขนน้องสาว
เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว ราวกับหัวใจตกหายไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ไม่ปาน พี่ปรามอ่ะ!! ตกใจหมดเลย มาก็ไม่บอก
ก็เราทำอะไรอยู่ ทำไมต้องแอบซ่อนตัวขนาดนั้น หลบไอ้การอยู่หรือไง เบา ๆ สิ แล้วเขาไปรึยังล่ะพี่ปราม พลางเอามือจุปากพลางทำเสียงกระซิบกระซาบ ยัง โน่นไง
เด็กสาวยังไม่ทันหันไปมองว่าจริงหรือเปล่า รีบเดินหลบไปทางอื่นทันที แต่ทว่าถูกพี่ชายล็อคตัวเอาไว้ เดี๋ยวปริม พี่ล้อเล่น เขากลับไปแล้วล่ะ แล้วทำไมต้องหนีเขาขนาดนี้
ก็ไม่อยากเจอหนิ ปริมสะบัดหน้าเดินไปนั่งลงกับท่าน้ำที่ทำด้วยไม้ยื่นยาวลงไปในบึงน้ำเล็ก ๆ
กลัวเขาทวงสัญญาหรือไง พี่ชายยิ้ม แล้วเดินตามไปนั่งลงข้าง ๆ
รู้แล้วยังมาแกล้งถามเค้าอีก พี่ปรามนะ เด็กสาวทำหน้ายู่
ไม่กล้าอยู่ใกล้เขา กลัวจะห้ามใจไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ กลัวจะรักเขาล่ะสิ ปรามแหย่น้องสาว เขาเพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่า น้องสาวแสนซนของเขาโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
บ้าน่ะ พี่ปราม พูดอะไร เธอหันมาค้อนพี่ชาย ก่อนหย่อนเท้าลงไปกวนน้ำในบึงเล่น
ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องหนีสิ ไม่ต้องหลบ กล้า ๆ หน่อย ไอ้การน่ะ เป็นคนดี แล้วก็น่ารักนะ เดี๋ยวนี้เขาก็ทำตัวดีขึ้นเยอะเลยนะปริม รู้รึเปล่า
ชายหนุ่มทอดสายตามองต้นไม้ใบหญ้าในสวนของเขาที่ขึ้นเป็นร่มเงาเขียวครึ้ม
และ
เป็นเพราะปริมนะ เขาหันกลับมามองน้องสาว
ปริมทำสีหน้าเฉยชา ก็ดีแล้วหนิ ขอให้ทำได้ตลอดไป อย่าทำแค่เพื่อลบคำสบประมาทก็แล้วกัน ปริมก้มหน้าก้มตากวนน้ำในบึงเล่น ปล่อยผมประบ่าปลิวเล่นล้อลม
ระยะเวลาจะบอกปริมเองว่าเขาทำเพราะอะไรนะ เขาตบไหล่น้องสาวเบา ๆ เอ้อ
ปริม
สอบเสร็จรึยัง อาทิตย์หน้าพี่จะหยุดงานลาพักร้อนนะ เราจะไปแคมป์กันที่ต่างจังหวัด ไปกับพี่นะปริม
จริงหรอ
!! พี่ปราม เด็กสาวร้องเสียงดีใจอย่างร่าเริง สอบเสร็จแล้วล่ะ อยากไปนอนดูดาวจังเลยพี่ปรามเหมือนที่เราเคยไปกัน สักพักสีหน้าเด็กสาวหม่นลง ว่าแต่
ใครไปบ้างหรอพี่ปราม
เพื่อน ๆ พี่กลุ่มเดิมแหละ เราก็สนิททุกคนไม่ใช่หรอ เขาพยายามตอบเลี่ยง ทั้งที่รู้ว่าเธอต้องการถามถึงใคร ปฏิการไปด้วยหรือเปล่า ไปสิ แน่นอนเลย เขาเป็นมือกีต้านะ ร้องเพลงเพราะด้วย ไม่ไปได้ไง เขาตัดสินใจบอกตามความเป็นจริงมากกว่าที่จะตอบแบบที่เคยคิดจะโกหกเธอ
งั้น
ฉันไม่ไปนะ เด็กสาวเบ้หน้าไปทางอื่น
เขานึกไว้แล้วไม่มีผิดว่าน้องสาวหัวดื้อของเขาต้องปฏิเสธ แต่ได้เตรียมถ้อยคำมาแก้ไว้เป็นอย่างดีแล้ว หนีอีกแล้วปริม กลัวอยู่ใกล้ ๆ เขาแล้วจะอดใจรักเขาไม่ได้ล่ะสิ ใช่มั้ย?
เอ๊
.พี่ปราม ไม่ใช่นะ เด็กสาวสะบัดเสียงเขียวขึ้นมาทันที
งั้นก็ต้องไปสิ เขาจ้องหน้าน้องสาว
ก็ได้ เธอจะไปพิสูจน์ตัวเองเหมือนกันว่าแม้เขามีโอกาสใกล้ชิดเธอ เธอก็ไม่มีวันใจอ่อนง่าย ๆ
ปรามยิ้ม ที่เป็นไปตามแผน ต้องอย่างนั้นสิ พี่อยู่ทั้งคนไม่ให้ใครรังแกน้องของพี่ได้หรอก
จริงนะ เธอจับแขนพี่ชายเขย่า แววตาฉายแววแจ่มใสขึ้นมาทันที รักพี่ปรามที่สุดเลย
แล้วเข้าไปกอดพี่ชายอ้อน
===============
เวลาบ่ายแก่ ๆ ของวันเดินทาง
รถตู้สีครีมจอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านสวนผลไม้นานแล้ว ชายหนุ่มหญิงสาวกำลังช่วยกันขนข้าวของขึ้นรถอย่างเฮฮาสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม เสียงโหวกเหวกโวยวาย แซวกันตลอดเวลา
ปริมหิ้วกระเป๋าใบโตเดินตัวเอียงมาถึงรถ หลังจากยืนมองอย่างลังเลอยู่นานแล้ว เพราะคนที่กำลังจัดเป๋าขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ คือคนที่ชอบทวงสัญญาเธอนั่นเอง แวบหนึ่งรู้สึกชื่นชมในความมีน้ำใจของเขา ที่ช่วยดูแลเอาภาระในการเดินทาง
เมื่อเธอเดินมาถึง ปฏิการรีบเดินมารับ สวัสดีครับปริม เขาส่งยิ้มทักทาย พร้อมกับยื่นมือมาขอช่วยถือกระเป๋าให้ ไม่เป็นไร ถือเองได้ ปริมชักสีหน้าตึง ๆ อย่าดื้อน่า
เขาคว้ากระเป๋าจากมือเธอมาถือไว้อย่างไม่สนใจ จะย้ายบ้านหรือไงปริม เขาแกล้งแหย่ จริง ๆ แล้ว ถ้าเทียบกับผู้หญิงคนอื่นกระเป๋าของเธอใบเล็กกว่าเพื่อน ยุ่งน่ะ เห็นหน้าเขาทีไร อดรู้สึกหมั่นไส้เขาไม่ได้ซักที ดีใจจังที่ปริมไปด้วยนะ นึกว่ารู้ว่า ฉันไปด้วยแล้วเธอจะไม่กล้าไปด้วยซะแล้วสิ
ปริมหันมาเฉิดหน้า แล้วพูดเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ
ไม่ว่านายจะไปหรือไม่ไป นายก็ไม่มีอิทธิพลอะไรสำหรับฉันหรอก!!
คร้าบบบบ คุณผู้หญิง เขาอมยิ้มน้อย ๆ ในสีหน้า และไม่ใส่ใจกับความหมายของถ้อยคำที่ได้ยินนั้น
และแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น ปริมรู้สึกสบายใจที่ได้นั่งข้างพี่ชายที่เบาะคู่ด้านหน้าสุด แต่ก็รู้สึกรำคาญสายตาภายใต้แว่นดำของคนขับรถที่ชอบหันมามองเธอทางกระจกมองหลัง และจะได้เห็นรอยยิ้มแต้มอยู่ในสีหน้าของเขาตลอดเวลา ดูเขาช่างมีความสุขเสียจริง ปฏิการบ้า มองอยู่ได้ เธอบ่นเบา ๆ กับตัวเอง
หลังจากตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ความมืดกระพือปีกม่านสีดำครอบคลุมทุกพื้นที่เอาไว้หมดทุกด้าน บนถนนที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถยนต์เท่านั้น นาน ๆ จะมีรถยนต์สักคันวิ่งสวนทางมา ทุกคนในรถพากันหลับหมดทิ้งคนขับเอาไว้เพียงลำพังคนเดียว
ปริมขยับตัวออกจากกระจกหน้าต่างข้างรถอย่างรู้สึกปวดคอ แล้วเอียงตัวลงซบกับตักพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จนถึงเช้า
===============
เช้าวันใหม่มาถึง
.
แสงสีทองของตะวันทักทายยามเช้าให้สดชื่นแจ่มใส ดูมีชีวิตชีวา ใบไม้สีเขียวเป็นสีเขียวสดใส ดอกไม้ผลิบานรับแสงอรุณ ท้องฟ้าเป็นสีคราม นกกาได้เวลาออกหากิน ผีเสื้อโบยบินมาเยี่ยมชมดอกไม้ ดอกหญ้าข้างทางหยอกเย้ากันและกันพริ้วไหวเอนเป็นระลอกคลื่นตามแรงลมเบา ๆ แดดอุ่น ๆ ให้ความอบอุ่นกับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
ปริมหยีตาแล้วขยับตัวลุกขึ้นจากตักของชายหนุ่ม เด็กสาวกระพริบตาถี่ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า มองหน้าคนที่กำลังนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ตัว แล้วทำสีหน้าเจื่อน ๆ เมื่อมองเห็นชัดเจนเต็มตาว่า ไม่ใช่พี่ชายของเธอซะแล้ว แต่เป็นนายปฏิการที่นั่งอยู่แทน ศีรษะของเขาตั้งตรง เขายังนั่งนิ่งในท่ากอดอกอยู่อย่างเดิมเหมือนเมื่อคืนนี้ ไม่กล้าฉวยโอกาสแตะต้องตัวเธอแม้แต่นิดเดียว แม้มีโอกาสที่จะกระทำได้ก็ตาม ปริมรีบมองไปที่หน้ารถในตำแหน่งของคนขับรถ มองเห็นพี่ชายตัวจริงของเธอกำลังขับรถอยู่แทน
ตายแล้ว
.!!!! โอ๊ย ๆๆๆๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ปริมได้แต่ร้องกรี๊ดดดดดลั่นอยู่ในใจ ยกมือกดหน้าผากของตัวเองไว้ เมื่อนึกถึงคนที่เธอซบตักนอนมาตลอดคืนเป็นเขาหรือนี่!!! เธอไม่อยากจะอภัยให้ตัวเองเลยให้ตายสิ!
รถตู้เลี้ยวโค้งขึ้นเขาเหวี่ยงคนที่นั่งหลับข้าง ๆ เธอ เสียการทรงตัวเอียงเข้าไปหาสาวน้อย ปริมตกใจทำตัวลีบเบียดตัวเองจนติดกับกระจกหน้าต่างเท่าที่จะทำได้
ไอ้บ้า!! ดันเอียงมาอีก เธอบ่นกับตัวเองในใจ ไหล่และแขนของเขาเทน้ำหนักมากระทบไหล่ของเธออย่างจัง
มือที่กอดอกไว้คลายออกทันที คว้าพนักเก้าอี้ข้างตัวเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ตัวของเขาจะเอียงเข้าไปหาเธอเต็ม ๆ
ปริมต้องจับเบาะรถเอาไว้แน่นเช่นกันเพราะต่อมารถตู้ก็เลี้ยวโค้งขึ้นเขาไปอีกด้านหนึ่งเหวี่ยงตัวเธอเอียงเข้าหาชายหนุ่ม ครู่หนึ่งจึงเข้าสู่สภาวะปกติ
ปฏิการหันไปทักทายเธอด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ อรุณสวัสดิ์ครับปริม หลับสบายไหมเมื่อคืนนี้
ปริมหันหน้าหนีอย่างอับอายสุด ๆ อยากจะมุดหนีหายไปจากตรงนั้นถ้าทำได้ หันไปมองรอบตัว โชคดีที่ยังไม่มีใครตื่นมาเห็น ไม่งั้นต้องโดนล้อแน่ ๆ เลย เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า เขาและเธอไม่กินเส้นกันมานานแล้ว เธอปิดปากตัวเองเงียบกริบ ไม่กล้าต่อว่าเขา ไม่กล้าโวยวายเอากับพี่ชาย เพราะกลัวทุกคนจะตื่นขึ้นมารับรู้
อีตาบ้า ยิ้มอยู่ได้!! ปริมหันหน้าเข้าหาหน้าต่างมองออกไปข้างนอกตัวรถด้วยความรู้สึกขายหน้าสุดขีด จนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เลยต้องจำใจต้องเอาหน้าไว้ที่เดิม
ปฏิการไม่ได้พูดอะไรต่อ คงแต่นิ่งเงียบแอบมองสาวน้อยข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ไออุ่นของตัวเธอที่ซบอยู่กับตักของเขามาตลอดคืน ยังรู้สึกอุ่น ๆ ให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาบรรจงเก็บเกี่ยวความน่ารักของเธอขณะนี้เอาไว้ มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข หลังจากที่มันห่างหายไปจากชีวิตของเขานานเหลือเกิน
เธอ
คือ
คนที่มาเปลี่ยน และพลิกผันชีวิตของเขาให้ดีกว่าเดิม
==============
ตอนที่ 4
รองเท้าผ้าใบคลุกฝุ่นสีแดงขมุกขมัวก้าวช้าลง ๆ เนื่องจากความลาดชันของพื้นดินที่เริ่มเทสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทางเดินค่อย ๆ แคบลง กว้างสำหรับพอเดินได้แค่ 2 คนเท่านั้น ระยะทางที่ยาวไกล ทำให้แต่ละคนเริ่มอ่อนล้า กระเป๋าใบโตที่เธอเคยถือได้อย่างสบาย แต่เมื่อต้องถือนาน ๆ เข้า น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นเนื่องจากความเมื่อยล้าของต้นแขน เหงื่อเม็ดโป้งไหลจากศีรษะมาหยุดอยู่ที่ปลายคาง ก่อนที่เจ้าของจะใช้แขนเสื้อซับไว้ การเดินเกาะกลุ่มเดินไปเป็นทีม ตอนนี้กลุ่มเริ่มแตกกระจายเป็นกลุ่มย่อย ๆ ที่เหลือคนหรือสองคนแทน เดินตามกันไปทิ้งระยะห่างเป็นระยะ
ปฏิการเดินตามปริมมาห่าง ๆ เป้ใบใหญ่และอุปกรณ์เต้นท์แบกอยู่ด้านหลังทั้งหมด มือซ้ายถือกระเป๋าหนังสีดำใส่กีต้าตัวโปรด เขารอจังหวะทิ้งให้เธอเริ่มเหนื่อย ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเธอ เพราะรู้ดีว่า เธอคงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ
เขาสาวเท้าเร็วขึ้น เร่งฝีเท้าตามไปให้ทันคนที่เดินอยู่ข้างหน้า ปริมเหนื่อยหรือเปล่า ฉันช่วยถือนะ
ปริมมองสัมภาระของเขาที่ดูเยอะกว่าเธอเสียอีก ไม่เป็นไร
ฉันถือได้
ไม่เป็นไรหรอก มาให้ฉันช่วยนะ เขายังยืนยันที่จะช่วยเธอเป็นครั้งที่สอง อดแปลกใจเล็กน้อยที่เธอยังไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งโดยปกติผู้หญิงมักจะดีใจที่มีผู้ชายมาช่วยถือข้าวของหนัก ๆ อย่างนี้ และบางทียังชอบชี้ใช้ด้วยซ้ำ
ของนายเยอะกว่าฉันเสียอีก เธอยังยืนกรานปฏิเสธ ปฏิการยิ้ม ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด เธอเป็นห่วงเขารึเปล่า? ไม่เป็นไรหรอก สบายมาก ส่งมาเลย
ก็ได้ เธอส่งกระเป๋าใบโตให้เขา พลางยิ้มอย่างมีเลสนัย งั้นถือให้หมดเลยนะ ว่าแล้วก็เอาทั้งกระเป๋าสะพาย ทั้งเป้ใบเล็ก ๆ เข้าไปคล้องตัวเขาจนดูรุงรังเต็มตัวไปหมด เป็นไง เด็กสาวยิ้มระรื่น เดินตัวปลิวอย่างสบายใจ ผมประบ่าถูกรวบไว้เป็นหางม้าแกว่งไกวไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน
เมื่อโดนเธอแกล้งสุมสัมภาระให้ขนาดนี้ เล่นเอาหนักและเหน็ดเหนื่อยเหมือนกัน ปริม
.รอกันด้วยสิ! เขาตะโกนเรียก อยากจะพยายามวิ่งตามไป แต่เรี่ยวแรงกลับถดถอยลงทุกที ๆ ด้วยความลาดชันของหนทางขึ้นเขา แถมแดดยามบ่ายยังร้อนระอุบั่นทอนกำลังให้ลดลงอีก
ร้ายจริง ๆ เลย ทิ้งกันได้ลงคอ เขาบ่นอยู่คนเดียว หลังจากเธอเดินหายตัวไปไหนแล้วไม่รู้
นินทาไร ได้ยินนะ เขาเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนตามหาแหล่งกำเหนิดเสียง เห็นเธอนั่งเล่นอยู่บนต้นไม้ ปากกำลังอมอะไรบางอย่างอยู่ทำสีหน้าเปรี้ยวจี๊ดดดทีเดียว ครู่หนึ่งเธอปีนลงมาอย่างคล่องแคล่ว
หิวน้ำมั้ย
ชายหนุ่มหอบข้าวของพะรุงพะรังเหมือนพวกไอ้บ้าหอบฟางพยักหน้าหงึก ๆ มาก ๆ เลย
กินนี่ไปก่อนนะ มะขามป้อม เธอล้วงเม็ดกลม ๆ แป้น ๆ สีเขียวอ่อนขนาดเท่าหัวแม้มือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
เขาส่ายหน้า ไม่เอา ไม่ชอบนะ
นี่
!! มันช่วยแก้กระหายน้ำได้นะ ลองกินดู เธอยื่นส่งให้
จริงหรอ
ปริมพยักหน้าพยักเพยิดให้เขาลองกินดู
เขาวางกระเป๋าใบโตของเธอลงกับพื้นก่อนจะรับเม็ดกลม ๆ ที่ไม่เคยชอบมา
ทันทีที่ฟันกระทบกับผิวของมะขามป้อมและกดลึกลงไปในเนื้อ รสเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ ของมะขามป้อมก็แผ่ซ่านไปทั่วปาก คิดไว้ว่าจะต้องเจอรสฝาดเข้าเต็ม ๆ เลย แต่ไม่ใช่ เขาค่อย ๆ กัดมะขามป้อมไปทีละนิดเรื่อย ๆ รู้สึกชุ่มคอ และหายคอแห้งผากไปได้เยอะเลย
อืม
อร่อยดีเหมือนกันนะ ไม่เหมือนที่เคยกินเลย ขออีกสิ เห็นมั้ยล่ะ เธอส่งมะขามป้อมให้เขาอีก 4-5 เม็ด
เขายิ้มให้ แล้วก้มลงหิ้วสัมภาระต่อ
มา
ฉันช่วยถือนะ
ปฏิการชะงัก เมื่อได้ยินเสียงใส ๆ ข้าง ๆ หู จนต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
ปริมไม่รอให้เขาพูดอะไร รีบดึงสายของกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ข้างหนึ่ง เป้เล็ก ๆ ที่เอาไปสุมไว้กับตัวเขา เธอก็เอาคืนมาสะพายเสียเอง
เขายิ้มให้เธอแทนคำพูด และรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะคอยเอาเปรียบใคร คะแนนความดีของเธอค่อย ๆ สะสมอยู่ในหัวใจเขาทีละน้อย
==============
กองไฟถูกก่อขึ้นอย่างง่าย ๆ เปลวไฟสีส้มแดงระริกไหวอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน ไม่มีแสงไฟจากไฟฟ้า มองไปทางไหนไม่อาจหลีกหนีความมืดไปได้ ต้นไม้ทุกต้นยืนสงบนิ่งในอ้อมกอดของเงาแห่งราตรี ผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้มมีเพียงแสงดาววับวาววอมแวม กับแสงจันทร์เสี้ยวที่ทอแสงสีขาวนวลตา อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มสาวต่างนั่งล้อมรอบกองไฟ กล้วยสุกลูกสวยสีเหลืองทอง อวบอ้วน และมันเทศน์กำลังถูกเผาอยู่บนเปลวไฟ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้ออกมาวิ่งเต้นไปมา
เมื่อคมมีดถูกกดลงไปบนกล้วยย่างหรือมันเผา เกิดควันกรุ่น ๆ ลอยคลุ้งออกมา ปริมเอามือจับชิ้นมันเผาที่ถูกพี่ชายตัดให้เป็นชิ้นเล็กพอประมาณ แต่เมื่อจับแล้วต้องรีบโยนทิ้งทันทีเพราะความร้อน รีบเอามือจับหูตัวเองแทบไม่ทัน
มันร้อนนะปริม ปรามเตือนน้องสาว แล้วเอาซ่อมจิ้มชิ้นมันเผาขนาดกำลังพอดีส่งให้ ขอบคุณค่ะ พี่ปราม เธอรับซ่อมมันเผามาทาน พอกัดเข้าไปคำหนึ่งต้องรีบห่อปากเป่าลมออกจากปากเพื่อระบายความร้อน พลางเอามือพัด ๆ ปากตัวเองถี่ยิบ ใจเย็นปริม ค่อย ๆ กิน มันมีอีกเยอะนะ ไม่ต้องกลัวคนแย่ง เพื่อนพี่ชายต่างแซวด้วยความเอ็นดูแล้วพากันหัวเราะ
หนุ่มผมยาวหน้าคมเข้มเริ่มจับกีต้าขึ้นมาประคองไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะบรรจงดีดสายกีต้าพริ้วไหวราวมีชีวิต นิ้วแต่ละนิ้วเคลื่อนไหวจับคอร์ดกีต้าอย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกิน บ่งบอกถึงฝีมือที่ฝึกฝนมานานเป็นอย่างดี เทียบเท่ากับมืออาชีพได้เลย บวกกับพรสวรรค์และพรแสวงในการร้องเพลงของเขา ทำให้เพลงแต่ละเพลงเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก ราวกับนักร้องตัวจริงมาร้องให้ฟังเสียเอง น้ำเสียงใส ๆ นุ่ม ๆ ทำให้เพลงแต่ละเพลงสะกดหัวใจของคนฟังเอาไว้ แต่ละคนต่างเพลิดเพลิน มีความสุขสนุกสนาน ไม่ว่าเขาจะร้องเพลงช้า เพลงซึ้ง เพลงเร็ว เพลงสดใส เพลงอะไรก็น่าฟังไพเราะไปหมด น้ำเสียงของเขาเหมือนมีพลังพิเศษจนไม่อาจละสายตาไปจากลีลาท่าทางที่ชวนมองของเขาได้เลย หนุ่มสาวต่างพากันโยกตัวไปมาช่วยกันร้องเพลงตามและปรบมืออย่างสนุกสนาน
ผมขอมอบเพลงนี้ให้กับคน ๆ หนึ่ง เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่เขาทำให้ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้อย่างทุกวันนี้ ปฏิการพูดขึ้นก่อนจะกรีดนิ้วลงบนสายกีต้า สายตามองมายังเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างปรามแวบหนึ่ง
ไม่เคยมีใคร ที่จะคิดเป็นห่วงฉัน และคนอย่างฉัน ก็ไม่รู้จะต้องห่วงใคร
เสียงตบมือดังแทรกขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว ใบหน้าของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และต่างตั้งใจฟังเพลงอย่างใจจดใจจ่อทีเดียว
ไม่มีคนไหน ที่เฝ้ารอ และไม่เห็นที่ไป ไม่มีใคร ที่เกิดมาเพื่อกัน ที่ผ่านมานั้น ก็ไม่รู้ จะอยู่เพื่อใคร ไม่มีจุดหมาย แค่ใช้ชีวิตไปให้หมดวัน แต่พอวันนี้ ฉันพบเธอ เธอผ่านมา ในใจฉัน ทำให้ทุกคืน วันเกิดมีเรื่องราว
เธอทำให้ฉันไม่เหมือนเดิม ฮืม..ฮืม..ฮืม.. เธอเติมชีวิตตรงที่ขาดหาย เธอทำให้ฉันลืมความเหงาเดียวดาย เปลี่ยนไป ตั้งแต่ได้พบเธอ
ปริมนั่งแอบอยู่หลังพี่ชาย ไม่กล้าหันไปมองหน้าคนร้องเพลง กลัวจะเจอสายของเขามองตรงมา จะยิ้มก็ไม่กล้ายิ้ม ทั้ง ๆ ที่ควรจะยิ้ม กลัวใคร ๆ จะคิดว่า เธอใจอ่อนและยอมรับเขาเสียแล้ว เธอไม่รู้จะทำหน้ายังไงถึงจะดี รู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน
จากนั้น
.ฉันเหมือนเป็นคนใหม่ จากคนไม่มีจุดหมายที่แล้วมา
จากนี้
เธอทำให้ฉันรู้ ฉันมีค่า
เปลี่ยนแปลงวันเวลา เปลี่ยนจากคน ๆ เดิมตลอดไป
ทุกคนต่างนิ่งเงียบฟังเขาร้องเพลงคนใหม่ ของมิสเตอร์ทีมจนจบเพลง แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราวอีกครั้ง แหม
ปริมน่าอิจฉาจังเลย เพื่อนสาวของพี่ชายเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม เสียงเฮก็ดังตามมาเป็นลูกคู่
แล้วตามด้วยเพลงใคร ของบอยโกสิยพงศ์ เสียงอินโทรของกีต้าใส ๆ คลอขึ้นมาเบา ๆ
คนที่เหงาคนหนึ่ง นั้นรอใครที่จะเข้าใจ มาเป็นเพื่อนดูหนัง เป็นเพื่อนฟังเพลงใกล้ๆ แบ่งปันทุกข์และสุข พูดคุยยามที่เหนื่อยหัวใจ แต่ว่าคนๆนั้นจะได้เจอะกันวันไหน
ทุกคนต่างช่วยกันร้องตามอย่างถูกอกถูกใจกับเพลงเพราะที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแสนเหงา และเฝ้าคอยใครซักคนหนึ่งที่จะผ่านเข้ามาในชีวิต
ปริมแอบหลบผู้คนออกมานั่งอยู่ข้างกองฟางเงียบ ๆ คนเดียว อากาศเริ่มเย็นลงอีก จนเธอต้องห่อตัวกอดตัวเองเอาไว้ แหงนหน้ามองท้องฟ้า สายตามีคำถามขอคำตอบจากดวงดาว ความรู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ถูกใครต่อใครหยอกล้ออย่างสนุกสนาน คิดโทษตัวเอง ที่ปากไม่ดีพูดท้าทายเขาออกไปอย่างนั้นอย่างไม่ทันคิดให้ดีก่อนพูด เธอรู้สึกสับสน จนบางครั้งไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย
*มองปฏิทินที่เปลี่ยนเข้ามาใหม่ มองคนรักเค้าเดินเคียงใกล้ ฉันคงได้เพียงแต่มองอยู่ตรงนี้
**ใคร สักคนที่เกิดมาเพื่อผูกพัน ใครที่เกิดมาคู่กับฉัน ใครคือคนนั้นช่วยมา บอกฉันที ให้ใจ ที่หวั่นไหวได้พึ่งพิงซักที่ ให้รู้ว่าซักวันฉันจะเจอะ คนๆ นี้และใครที่รอคนนี้มีจริงใช่ไหม
ปริมเอนตัวพิงกองฟางอย่างสบายอารมณ์ สายตายังค้างคาบนพื้นกำมะหยี่สีดำที่มีลวดลายเป็นดวงดาวระยิบระยับ เสียงเพลงของเขายังดังคลอตามมากับสายลม บทเพลงที่ยังได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาตะหงิด ๆ ทำไมเผลอพูดอะไรอย่างนั้นออกไปได้นะ เขาเป็น ใคร คนนั้นจริงหรือ ที่เธอจะต้องยอมรับในอนาคต เพื่อทำตามคำสัญญา
วันคืนแสนว่างเปล่า ทุกคราวพยายามเข้าใจ แต่ว่าในวันนี้ ข้างในกลับทนไม่ไหว
(*,**)
(**)
และใครที่รอตอนนี้เขาอยู่
ที่ไหน
.
และใครที่รอคนนี้
คือปริม
ใช่ไหม เสียงบรรดาเพื่อน ๆ ต่างร้องประสานเสียงแซวเป็นลูกคู่คลอขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดหมายเมื่อจบเพลง เรียกเสียงหัวเราะฮาขึ้นมาอย่างครึกครื้น
เสียงเพลงที่ได้ยินยิ่งทำให้เธอคันหัวใจ รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก
===============
เสียงฝีเท้าของคน ทำให้เธอรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งจากท่านอนเอกเขนกทันที ปริม
ขอนั่งด้วยคนนะ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ สาวน้อย เชิญ
ตามสบายค่ะ ปริมขยับตัวลุกขึ้น
เดี๋ยวปริม!! แล้วรีบลุกขึ้นขวางทางเธอไว้
ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม
ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขาเต็มไปด้วยคำขอร้อง
ปริมจ้องหน้าฝ่ายตรงข้ามทำตาเขียว ๆ ก่อนที่จะนั่งลงอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
มีไร ว่ามา
หนาวรึเปล่าปริม ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาวล่ะ เขาสังเกตเห็นเธอนั่งห่อตัวกอดตัวเองอยู่ แล้วถอดเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลที่ใส่มาส่งให้
ไม่ต้อง ขอบใจ
ใส่ไว้เถอะน่า
เขาคลุมเสื้อหนาวลงบนไหล่ให้เธอ
เร็ว!! จะใส่หรือเปล่า ชายหนุ่มจ้องหน้าสาวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ถ้าไม่ใส่ เดี๋ยวฉันจะช่วยทำให้เธออบอุ่นแทนก็ได้นะ เขาพูดยิ้ม ๆ
อย่านะ
!! อย่ามาทะลึ่งแถวนี้ น้ำเสียงของเธอเฉียบขาด รีบขยับตัวออกไปยืนห่าง ๆ แต่สีหน้าพาลซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ในแววตามีความกลัวซ่อนอยู่
ก็ใส่สิ หรือว่า อยากลองดูก็ได้นะ เขาขยับตัวตามเข้าไปใกล้เป็นการข่มขวัญ อันที่จริงเขาก็ไม่กล้าเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดมาเคยทำอะไรอย่างนั้นกับใครที่ไหนกัน ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย เธอบ่นเพื่อบังหน้า ปกปิดความรู้สึกกลัวเขาเอาไว้ข้างใน แล้วรีบใส่เสื้อหนาวของเขาอย่างด่วนจี๋ กลัวเขาจะทำอย่างที่พูดไว้จริง ๆ
อุ่นมั้ย
เขายิ้มระรื่นเมื่อเห็นเธอยอมสวมเสื้อหนาวจนได้
เธอพยักหน้าโดยไม่หันไปมองคนข้าง ๆ ไออุ่นจากตัวเขาที่มาพร้อมกับตัวเสื้อบวกกับความหนาของเสื้อหนาว ทำให้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ
ทำไมปริมออกมานั่งคนเดียวล่ะ แล้วทำไมนายต้องออกมานั่งตรงนี้ด้วยล่ะ ปริมสวนคำ ฉันกลัวว่าฉันจะตบะแตก เพราะพวกนั้นเริ่มตั้งวงกินเหล้ากันอีกแล้ว เขาบ้ายหน้าไปทางกลุ่มพวกผู้ชายที่ตั้งวงล้อมรอบกองไฟอยู่ทางด้านหลัง ที่จริง การกินเหล้า ก็เป็นสร้างสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนนะ
การสร้างสัมพันธ์ใช้วิธีอื่นก็ได้ มีวิธีนี้วิธีเดียวหรือ ไม่เห็นต้องกินเหล้าเลย ไม่งั้นผู้หญิงเราต้องไปกินเหล้าเพื่อสร้างสัมพันธ์กันด้วยใช่ไหม เงินก็ต้องเสีย ไม่ดีตัวสุขภาพด้วย ตัวก็เหม็น ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย เธอสาธยายออกมาเป็นชุด
ที่ปรามไม่กินเหล้าเลย เพราะได้รับอิทธิพลจากปริมนี่เอง
ไม่ใช่หรอก พี่ปรามไม่ทานเหล้า เพราะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับฉันน่ะ เพราะหากพี่ปรามยังกินอยู่ พี่ปรามห้ามไม่ให้ฉันกินเหล้า ฉันคงไม่เชื่อหรอกนะ เหมือนครูอาจารย์ที่ยังกินเหล้าอยู่ไง ห้ามนักเรียน มันก็ดูไม่มีน้ำหนัก เพราะครูอาจารย์เองก็ยังทำไม่ได้เลย จริงไหม เธออธิบายอย่างเป็นหลักการ
ปฏิการได้แต่ยิ้มแหย ๆ แทนคำตอบ
แล้วนายไม่อยากกินเหล้าแล้วหรอ
อยาก
เขาทิ้งเสียงหายลงไปในลำคอ แต่
อยากเป็นเพื่อนกับปริมมากกว่า แล้วหันมามองคนที่นั่งข้าง ๆ และฉันก็จำได้เสมอว่า ฉันสัญญากับเธอเอาไว้ ว่าจะเลิกกินเหล้า สูบบุหรี่ และเที่ยวเตร่เกเรเสเพล
จริง ๆ นายไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาก็ได้ เธอมองจันทร์เสี้ยวที่คืนนี้มีดาวศุกร์เป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
ไม่นะ ถ้าฉันสัญญาอะไรกับใครแล้ว จะต้องทำให้ได้เสมอ ที่สำคัญ
เขาเงียบลงชั่วอึดใจก่อนที่จะพูดต่อไป
ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอนะ ปริม ประโยคสุดท้ายเน้นเสียงชัดเจน
ความรู้สึกหวิวไหวในหัวใจวิ่งแทรกเข้ามาผ่านจากคำพูดทุกถ้อยคำของเขา ปริมรีบกลบเกลื่อนด้วยเสียงห้วน ๆ อย่างเคย ก่อนที่เขาจะจับความรู้สึกในใจของเธอได้
ทำไม
เพราะเธอทำให้ฉันมีแรงฮึดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย
ฉันไม่รู้
รู้แต่
อยากทำเพื่อเธอนะ ปริม
แวบหนึ่งที่ความรู้สึกแปลก ๆ วิ่งผ่านเข้ามาในหัวสมองของเธออีกแล้ว พยายามมีสติตื่นเต็มฟังเขาพูดอย่างเป็นกลางที่สุด แต่หัวใจก็ยังอดปลื้มไม่ได้ เมื่อมีคน ๆ หนึ่งเข้ามาให้ค่าให้ความสำคัญกับเธอ
ทำเพื่อตัวเองเถอะ ไม่ต้องทำเพื่อฉันหรอก สิ่งที่ฉันบอกนายก็คือสิ่งที่ดีสำหรับตัวนายเอง เสียงห้วน ๆ ลดดีกรีลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในพฤติกรรมของชายหนุ่มจากคำบอกเล่าของพี่ชาย และจากสายตาของตัวเอง
ปริม
ฉันมีอะไรจะให้เธอดู เขาขยับตัวเข้ามาใกล้เธออีกนิด หยิบกระดาษสีขาวจากกระเป๋าเสื้อออกมาคลี่ ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้วนะ ที่ฉันพยายามทำตามสัญญา และนี่คือหลักฐานที่ฉันจะเอามาให้เธอดู เขาเปิดไฟฉายขึ้นส่องแสงลงบนกระดาษขาว แล้วส่งแผ่นกระดาษสีขาวอีกใบให้เธอ ที่เธอถืออยู่คือผลการเรียนของฉันปีก่อน และที่ในมือฉันคือผลการเรียนล่าสุดนะ
ปริมใช้สายตาไล่ตัวอักษรแต่ละวิชาเทียบกันระหว่างปีก่อนกับปีที่ผ่านมา ผลการเรียนของเขาดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ บางวิชาเขาเรียนได้เกรดดีกว่าเธอเสียอีก
นายเรียนได้ดีขึ้นมาก ๆ เลยนะ ตั้งใจเรียนก็เรียนได้ดีนี่
เขายิ้มบานเมื่อได้รับคำชมเป็นครั้งแรก ที่สำคัญมีโอกาสได้นั่งใกล้ชิดกับเธอขนาดนี้ ได้มองเธอใกล้ ๆ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
แสงสีขาววิ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มพุ่งหลาวลงสู่พื้นเบื้องล่าง ปริม
ดาวตกอธิษฐานสิ เขาและเธอต่างหลับตาอธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง
อธิษฐานว่าไงหรอปริม บอกได้ไหม นายล่ะ เธอหันหน้ามาย้อนถาม ฉันถามก่อนนะ หนุ่มผมยาวขมวดคิ้วย่น ทำเสียงเครียด นายก็บอกก่อนดิ เธอก็ไม่ยอมเหมือนกัน
ไม่บอก
ก็ไม่ต้องบอก ไม่เห็นจะอยากรู้เลย โธ่
!! ปริมเบะปาก
ปฏิการยิ้มที่เห็นเธอดูเป็นกันเองกับเขามากขึ้นอีกนิด เขาพยายามชวนเธอพูดคุย เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่กับเธอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
=================
Create Date : 10 ตุลาคม 2548 |
|
3 comments |
Last Update : 10 ตุลาคม 2548 20:01:37 น. |
Counter : 515 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 10 ตุลาคม 2548 20:59:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริเศรษฐ์ 10 ตุลาคม 2548 21:04:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: easy_boy IP: 119.42.72.178 13 มกราคม 2552 13:34:07 น. |
|
|
|
|
|
|
ข้อความทักทาย
s
|
|
|
|
|
|
|
ปริมชอบดูดาวมั้ย เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ชอบสิ ปริมยกเข่าขึ้นมากอดไว้ สายตาจดจ้องอย่างหลงไหลในความงามของดวงดาว
ชอบดาวอะไรหรอ
ดาวศุกร์ เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว
ทำไมล่ะ
ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง อีกอย่างนะ ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง
ท้องฟ้าคืนนี้ปรอดโปร่ง ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้ ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม
หรอ โน่นดาวอะไรหรอปริม เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง
เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ ดาวไถไง
นั่นดาวเต่านะ เธอชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง อันโน้น ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ หน้าตามันเหมือนกระบวยดี เธอหัวเราะตัวเองเบา ๆ
หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธอคนนี้ เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วของเธอเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน เขารู้สึกว่าขณะนี้เธอกำลังอารมณ์ดีทีเดียว กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้ ที่ได้มีโอกาศจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน
ปริม เราเป็นเพื่อนกันนะ
ฮื่อ ได้สิ
ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย เขาจำได้ว่าข้อแม้ในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย
ได้ เธอหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ
จริงนะ เธอรับปากแล้วนะ เขาหันมาจ้องหน้าเธออย่างดีใจ เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม
ก็ เป็นเพื่อนไง นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ เธอหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก
นายเห็นรึเปล่าว่า นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อะไร ๆ มันก็จะดีเอง ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้ ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ
ขอบใจ ปริมมาก ๆ นะ เขามองเธออย่างชื่นชม ทุกถ้อยคำของเธอมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว
แล้ว
เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจถามต่อ
แล้วถ้า เป็นมากกว่านั้นล่ะ
ได้สิ อยากเป็นอะไรล่ะ พูดให้ชัด ๆ นะ
ฟอ แอ นอ แฟน เสียงนั้นเบาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ยังได้ยินชัดเจนทุกคำ มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้พูดอะไรอย่างนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไง แต่ก็พูดออกไปแล้ว
ได้ ปริมแอบซ่อนยิ้มเอาไว้
จริงหรอ น้ำเสียงของเขาดีใจเป็นพิเศษ แต่เอะใจ ทำไมมันง่ายผิดปกตินะ!
แต่ กับคนอื่นนะ ไม่ใช่แฟนฉัน ปริมหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
สายลมเย็นพัดมาต้องกายทั้งคู่อย่างอ่อนโยน แต่หัวใจของคนฟังคำตอบกลับหนักอึ้ง ทำให้ต้องนิ่งเงียบอย่างงุนงงไปเป็นนาที
นี่!! นายถอยออกไปหน่อย เดี๋ยวผมนายกับฉันก็พันกันแย่หรอก เธอหันมามองเขา และแปลกใจตัวเอง ปล่อยให้เขาเข้ามานั่งใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร
อารมณ์ที่พุ่งขึ้นด้วยความดีใจสุด ๆ ลดลงดิ่งพสุธา ยิ่งกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นเสียอีก พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ นึกโกรธเธอขึ้นมาตะหงิด ๆ ทำไมเธอเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่นอย่างนี้นะ ไม่สนใจประโยคต่อมาของเธอ เพราะจริง ๆ แล้วเขานั่งห่างจากเธอตั้งหลายคืบ
ทำไม!! ผมของฉันมันมีความผิดตรงไหน มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ
เก๊าะ!! ไม่เกี่ยวหรอก ปริมยักไหล่ พลางลอยหน้าลอยตาอย่างยียวน เหมือนมันไม่สำคัญอะไรนักหนาจริง ๆ
แต่ไม่ชอบ! คำเดียว เข้าใจมั้ย ถ้าจะคุยเรื่องนี้ ฉันไปนอนก่อนนะ ประโยคสุดท้ายเน้นคำ แข็งห้วนขึ้นมาทันที ปริมลุกขึ้นเดินอ้าว ๆ หนีไปเฉยเลย
ปฏิการรีบลุกขึ้นตามไป
เดี๋ยวสิ! ปริม ผมของฉันมันไม่มีความผิดนะ อย่าเพิ่งไป
อะแฮ่ม!! ปรามส่งเสียงกระแอมไอ แล้วคว้าแขนเพื่อนหนุ่มเอาไว้
น้องข้าควรจะนอนได้แล้ว ดึกมากแล้วนะ แล้วดึงแขนเพื่อนหนุ่มให้นั่งลง
นี่แก หยุดมองตามตาละห้อยได้แล้ว หันมาคุยกันหน่อย ปรามตบบ่าเพื่อนแรง ๆ ทีหนึ่งเป็นการเตือนสติ
แกชอบปริมจริงหรอวะ คิดดี ๆ นะ ปรามถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา
เขาดื้อและเอาแต่ใจนะ จะบอกให้ แกไม่เคยเห็นฤทธิ์หรือไง โดนอะไรมาตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรอ ไม่เข็ดหรอ แล้วเอนตัวพิงกองฟางอย่างสบายใจ สายตาจับเพชรสุกใสที่กำลังส่องแสงเจิดจรัสบนท้องฟ้า
ตกลงแกจะมาให้กำลังใจฉันหรือว่ายังไงกันแน่วะ
แกจะเล่น ๆ กับน้องข้าไม่ได้นะเว้ย เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง ถ้าแกทำให้น้องข้าเสียใจล่ะก้อ น่าดู!! ปรามเน้นเสียงเข้ม
แล้วฉันเคยจีบใครเล่น ๆ หรือเปล่าวะ ปฏิการพูดเสียงเครียดขึ้นมาทันที
ปรามเงียบเสียงลง ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้สนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลย และไม่เคยมีเรื่องเสียหายเกี่ยวกับผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียว
แล้วปริมเขาเคยถามอะไรถึงฉันบ้างมั้ย
ปรามยิ้ม ไม่เคยเลยว่ะ
สีหน้าเพื่อนหนุ่มหงอยลงทันที
เฮ้ย! อย่าทำเป็นหงอย เหมือนไก่คอตกอย่างงั้นสิวะการ หรือว่าแกเป็นไข้หวัดนกวะ ตอนนี้กำลังระบาดนะ แบบนี้แกต้องอยู่ห่าง ๆ น้องข้านะเว้ย
ปราม! อย่าเพิ่งเล่นมุกสิวะ คนยิ่งจ๋อย ๆ อยู่
ปรามตบต้นแขนเพื่อนป้าบใหญ่ ปริมเขาเป็นคนเก็บความรู้สึกนะ แต่ก็มีมาแอบถามถึงนายบ้างเหมือนกัน
แล้ว ถามอะไรถึงฉันบ้างล่ะ สีหน้าแจ่มใสขึ้นมาอย่างออกนอกหน้าออกตาทันที เขย่าแขนเพื่อนจนหัวสั่นหัวคลอน
ก็เวลาแกหายหน้าไปนาน ๆ เขาก็มาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงแกแหละ แต่ไม่ถามตรง ๆ หรอก ลีลาเยอะจะตายไป แต่ข้ารู้ เขาถามถึงแกแหละ
ปฏิการจึงยิ้มแก้มปริออกมาได้
ข้าจะบอกให้ว่า เขารักใครยากนะ และคนที่มีความเพียรพยายามอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเอาชนะหัวใจของปริมได้ ที่สำคัญความรักบังคับกันไม่ได้นะ ข้ากลัวแกจะทุ่มเทเปล่าประโยชน์ เขาเป็นคนใจแข็งนะ
ฉันรู้ ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ฉันก็จะไม่บังคับเขานะ เพียงแค่จะทำให้เขารู้ว่า ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ และจะทำเพื่อเขาอย่างดีที่สุดแล้วเท่านั้น เขาหันไปยิ้มให้เพื่อน
เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงรู้สึกอยากทุ่มเทเพื่อเธอขนาดนี้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม เหมือนมีสิ่งหนึ่งคอยบอกตัวเขาเองมาตลอดว่า หัวใจของเธอมีค่ามากพอที่เขาจะต้องฝ่าฟันเอามาครอบครองให้ได้ และรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่เธอจะยอมรับใครในฐานะคนพิเศษของหัวใจสักคน เพราะนั่นหมายถึง คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอแคร์ที่สุด คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอใส่ใจที่สุด และได้รับความพิเศษที่สุดจากเธอ เป็นคนแรกที่เธอจะคิดถึงก่อนใคร เหมือนที่เขาเคยเห็นปริมคอยดูแลเอาใจใส่พี่ชายคนเดียวของเธอมาตลอดเป็นอย่างดีเสมอ
ไม่ว่าเขาจะยอมรับฉันฐานะไหน ฉันก็พร้อมจะยอมรับทั้งนั้นแหละ ฉันจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทุ่มเทลงไปเพื่อเขาแน่นอน
งั้นต่อไป ข้าก็จะได้เห็นแกตัดผมสั้นซักทีสิวะ ปรามพูดพลางหัวเราะร่วน แกล้งเย้าเพื่อนเล่น เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักผมยาว ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ฉันก็กำลังหนักใจอยู่เหมือนกัน ผมฉันมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ คิ้วเข้มขมวดย่นขึ้นมาทันทีกับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้นี้
แต่ถ้าฉันแน่ใจว่า ฉันรักเขาจริง ๆ เมื่อไหร่ เมื่อนั้นฉันจะยอมตัดผมเพื่อเขา ประกายสายตานั้นดูจริงจังเป็นพิเศษ
เรื่องเดียวที่เขารู้สึกอึดอัดใจหากจะต้องตัดผมทิ้ง เขาคงรู้สึกเสียดาย และคงต้องทำใจอีกสักระยะหนึ่ง
ปรามมองหน้าเพื่อนพลางยิ้มอย่างให้กำลังใจ เขารู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักมีพลังและอนุภาพขนาดนี้เชียวหรือ ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ อดรู้สึกขำและแปลกใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาและเพื่อนทุกคนเฝ้าบอกปฏิการ ให้หยุดใส่ใจเรื่องทางบ้านของเขาเสียทีมาตลอด ให้หันมาทำตามหน้าที่ของตัวเอง แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อถ้อยคำของเขาและเพื่อน ๆ เลย แต่กลับมาเชื่อคำพูดไม่กี่คำของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
==================
ตอนที่ 6
ลำแสงจากไฟฉายส่องเป็นทางยาวตัดความมืด เสียงฝีเท้าตามจังหวะการก้าวเดินดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเป็นระยะ ๆ สายตามองไปยังบริเวณที่นั่งรอบกองไฟเมื่อคืนนี้ นั่นคือจุดนัดพบกันของยามเช้ามืด กองไฟยังมีแสงสว่างอยู่ ร่างสูงนั่งหันหลังให้อยู่คนเดียว แผ่นหลังกว้างนั้น เธอมองปราดเดียวแล้วยิ้ม
พี่ปราม ตื่นเช้าจัง เป็นนัมเบอร์วันเลยนะคะ ปริมทักทายพี่ชายเสียงสดใส เมื่อเดินมาถึง แล้วนั่งลงข้าง ๆ
ปรามหันหน้ามามอง
ปริมก็เหมือนกันนะ นอนไม่หลับหรือไง เขาโยนกิ่งไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ
ตื่นเต้นค่ะพี่ปราม อยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจากสายหมอก เด็กสาวยิ้มแย้มร่าเริง
พี่ปรามฝากคืนนายปฏิการด้วยนะ เขาให้ยืมใส่เมื่อคืนนี้ ปริมส่งเสื้อหนาวสีน้ำตาลให้พี่ชาย
เอ้า! คืนเขาเองสิ พี่ไม่เกี่ยวนะ ปรามไม่ยอมรับเสื้อหนาว นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เอาไม้เขี่ยกองไฟไปมา
แหม พี่ปรามอ่ะ ฝากหน่อยก็ไม่ได้ เด็กสาวทำเสียงอู้อี้ในลำคอ แล้วตอนอยู่บนรถตู้น่ะ พี่จะต้องไปขับรถต่อจากปฏิการ ทำไมไม่บอก เธอเริ่มซักไซ้เอาเรื่องพี่ชาย
ปรามหันมาเลิกคิ้ว
ก็เรานั่งหลับสบายอยู่นี่ ก็เลยไม่ได้ปลุก ปล่อยให้นอนแล้วยังมาว่าอีกนะ
ก็ไม่รู้นี่ว่านายปฏิการจะมานั่งด้วยนี่
ปรามยิ้ม แล้วไอ้การทำไรปริมรึเปล่า บอกพี่มาเลย เดี๋ยวพี่จัดการมันเอง
ปริมสั่นหัว เปล่าค่ะ นั่งกอดอกตัวตรงแน้วเลย พูดพลางหัวเราะ
แล้วตอนขึ้นเขามาที่พัก พี่ปรามหายไปไหน ไหนบอกจะคอยดูแลปริมไง ทิ้งให้ปริมเดินอยู่คนเดียวนะ
พี่ต้องขับรถไปซื้ออาหารในเมืองมาให้ไง มองน้องสาวนั่งสอบสวนตัวเขาด้วยความเอ็นดู คำตอบของปรามทำให้ปริมไม่สามารถต่อว่าต่อขานอะไรพี่ชายได้อีก
พี่อาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ ปริมนะ แต่พี่ก็คอยดูแลปริมอยู่ห่าง ๆ เสมอ
เขาโอบไหล่น้องสาวอย่างเอาใจเป็นการขอโทษ น้องสาวหัวดื้อจึงต้องยอมจำนนโดยปริยาย เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของพี่ชาย เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของพ่อและแม่ที่แยกทางกันไปคนละทาง เพราะความไม่เคยอดทน และไม่เคยพยายามเข้าใจกันและกัน
แล้วเรายังไม่ใจอ่อนอีกหรอ ไอ้การออกจะแสนดีขนาดนี้ รู้รึเปล่า เขาไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหนเลยนะ นอกจากปริมคนเดียว
แหม เชียร์กันจังเลยนะ ปริมขยับตัวออกมานั่งหน้าปั้นปึ่งแล้วเงียบไปนาน ได้แต่นั่งมองเปลียวไฟระริกเต้นไปตามท่วงทำนองการร่ายรำของพระเพลิง เศษไม้แตกดังเปรี๊ยะ เกิดสะเก็ดไฟเล็ก ๆ แล้วกระจายหายไปในอากาศ
ว่าไงล่ะ ปริม ยังไม่ตอบพี่เลย
ปริมดึงมือพี่ชายมากุมไว้
ฉันยังไม่รู้เลย ใครที่ฉันจะไว้ใจ สนิทใจ ใกล้ชิดกับเขาได้มากเท่าพี่ปรามแบบนี้ มันยากนะ ฉันกลัวนะ กลัวจะเหมือนพ่อที่ทอดทิ้งแม่ไปมีคนอื่น ฉันคงเสียใจ ความรักที่เกิดขึ้นง่าย ๆ มันก็มักเลิกง่าย ๆ นะคะพี่ปราม เสียงเด็กสาวเศร้าสร้อยลง ภาพแม่ร้องไห้ทุกวันทุกคืนเมื่อรู้ว่าพ่อมีผู้หญิงคนอื่นปรากฏขึ้นในห้วงนึกและยังชัดเจนเสมอเมื่อนึกถึง
เขาคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก คนดี ๆ อย่างไอ้การ พี่กลัวว่าเขาจะหมดกำลังใจ ท้อใจซะก่อนนะ ปริมตั้งกำแพงสูงเกินไปรึเปล่า
ก็ช่างเขาสิคะ เสียงปริมหนักแน่นขึ้นมาทันที
เรามันใจแข็งจริง ๆ น้า พี่ชายโครงหัวเด็กสาว
เพิ่งรู้หรอคะ พี่ปราม เด็กสาวหัวเราะเสียงใส ปริมเป็นคนดื้อนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก ปริมมีความคิดเป็นของตัวเองสูงมาก แม้ว่า การเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองนี้นั้น อาจจะทำให้ปริมไม่ได้เจอคนที่เรารักอีกเลยก็ตาม ปริมคงยอมละทิฐิ ทิ้งศักดิ์ศรีที่มันค้ำคออยู่ไม่ได้นะคะ หากแม้เราจะไม่ได้รู้จักเขาอีกเลยก็ตาม ปริมถือว่า เราไม่ใช่คู่กัน หากเป็นคู่กันแล้ว เขาน่าจะมีความพยายามมากกว่านี้ ปริมจะไม่ยอมปล่อยหัวใจของตัวเองให้ใครง่าย ๆ หากปริมไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ปริมจะไม่ขอเสี่ยงค่ะ และจะไม่ยอมเสียความรู้สึกดีดี เพราะเราตัดสินใจผิดพลาดไป ปริมต้องใช้เวลาดูนานมาก นานจนอาจไม่มีใครรอไหว นั่นก็หมายถึงเขาไม่มีความมั่นคง และหนักแน่นพอ ที่ปริมจะมอบความรู้สึกพิเศษนี้ให้กับเขาได้ เธอสาธยายหลักการของตัวเองอย่างยืดยาว
หืม น้องสาวเราช่างคิดจริง ๆ มองการไกลนะจ๊ะ
ก็ถ้าใครทำให้ปริมรักได้ ก็จะรักคนเดียว และรักตลอดไปค่ะ จะให้รักใครง่าย ๆ ได้ไงละคะ ว่าแต่ แล้วเรื่องหวานใจพี่ปรามละคะ ปริมแหย่พี่ชายบ้าง เพราะรู้ว่า เขาแอบชอบสาวคนหนึ่งอยู่ แต่ไม่กล้าแสดงตัว
อะไรเล่า วกมาหาพี่จนได้นะ ปรามทำเฉย ๆ ไม่รู้ไม่ชี้เขี่ยกองไฟไปมา แอบซ่อนยิ้มอย่างเขิน ๆ เอาไว้ในสีหน้าเรียบเฉย ถ้าเขาหินแบบปริม พี่คงต้องตายแน่ ๆ เลย เขาหันมาเขย่าหัวน้องสาวจอมดื้อ
พี่ปรามน่ะ เป็นผู้ชายนะคะ ถ้าชอบใครต้องกล้า ๆ หน่อยนะ ผู้หญิงเขาจะเสียหายถ้าให้เขาแสดงตัวก่อน รู้มั้ย เด็กสาวยื่นหน้ามาแนะนำให้อีก
แบบปฏิการใช่มั้ย พี่ชายหันมาเอาคืน
พูดงี้นะพี่ปราม ไม่คุยด้วยแล้ว เด็กสาวลุกขึ้นสะบัดหน้าเดินหนี ชนเข้าอย่างจังกับคนที่มายืนอยู่อย่างเงียบเฉียบครู่หนึ่งแล้ว เขารีบช่วยพยุงตัวเธอเอาไว้
ปริมอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วอึดใจเดียว ก่อนจะรีบถอยตัวออกมาทันที อยากจะต่อว่าเขาก็ไม่ได้เพราะเธอเป็นคนชนเขาเองต่างหาก นึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรเซ่อซ่าอีกจนได้
เอาของนายคืนไป เธอทุ่มเสื้อหนาวใส่คนหนุ่มที่ยืนงง แล้วเดินอ้าว ๆ ไปรวมกลุ่มกับสาว ๆ ที่เดินมาถึงแล้ว
================
ขอบฟ้าปรากฏสีชมพูจาง ๆ ที่ปลายฟ้าด้านตะวันออก ดวงดาวดวงสุดท้ายหายลับไปกับขอบฟ้านานแล้ว บรรยากาศยามเช้ายังมืดสลัวอยู่ อากาศยังเย็นจนทุกคนต้องซุกมือเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อและกางเกงตามระเบียบ บางคนไม่ยอมใส่เสื้อหนาว มายืนปากสั่นทำตัวห่อ ๆ กระโดดเหยง ๆ ไปมาด้วยความหนาว ไอร้อนจากภายในร่างกายเมื่อเอ่ยคำพูดกระทบกับความเย็นของภายนอก ทำให้กลายเป็นควันสีขาวขมุกขมัวทุกครั้งที่ส่งเสียงเจรจาพาที หนุ่มสาวต่างเฝ้ารอการปรากฏตัวของดวงอาทิตย์ และเตรียมเก็บภาพสวย ๆ กันอย่างใจจดใจจ่อ สายหมอกล่องลอยอยู่ใกล้ราวกับจะจับต้องได้ ทะเลหมอกกลางหุบเหวบนยอดผาสูง งดงามเหมือนดินแดนในเทพนิยาย
อีกไม่กี่นาทีต่อมาพระอาทิตย์ดวงกลมสีแดงแจ่มจ้าดวงมหึมาค่อย ๆ ฝ่าสายหมอกขึ้นมาฉายรังสีสีทอง ราวกับดวงตะวันกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายทุกชีวิตบนโลกนี้อย่างเบิกบานใจ เป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน
หนุ่มสาวต่างรวมตัวกันแน่นเอี้ยดในกรอบสี่เหลี่ยมของกล้องที่เตรียมกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพและลีลาหลากหลายท่าทางสุดบรรยายของทุกคนเอาไว้ ที่ต่างเต็มไปด้วยความสนุกสนานร่าเริงเฮละโลโห่หิ้วไปตาม ๆ กัน
ดอกไม้หลากชนิด หลากหลายสีสันถูกปลูกสลับสับหว่างกันไว้เป็นชั้น ๆ ลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดตามไหล่ทางของหุบเขา ผีเสื้อน้อยบินมาเป็นพระเอกประกอบฉากที่ดูเข้ากันที่สุด เพราะผีเสื้อย่อมคู่กับดอกไม้เสมอ
ปริมนั่งดูดอกไม้สีเหลืองสดที่มีผีเสื้อปีกบางกำลังบินวนเวียนอยู่เหนือดอกไม้งาม ลวดลายสีสันบนปีกผีเสื้อเป็นสีครามเหมือนท้องฟ้าของยามเช้า ผีเสื้อสีหวานสดใสบินมาเกาะเส้นผมตรงสีดำสนิทของเธอ พลางขยับปีกช้า ๆ
ปฏิการได้แต่เฝ้ามองปริมหัวเราะ ยิ้มแย้ม ร่าเริงอยู่ห่าง ๆ เกรงว่าถ้าเข้าไปใกล้ ๆ เธออาจจะไม่มีความสุขเท่าที่ควรและขาดเวลาที่เป็นส่วนตัว ได้แต่นึกอิจฉาผีเสื้อสีสวยที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดเธอและได้รับความสนอกสนใจจากเธอขนาดนั้น
ปรามสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากวางสายโทรศัพท์ไป ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เขาต้องรีบคว้าร่างของเธอเอาไว้ แล้วรีบประคองหญิงสาวที่หมดสติไปนั่งพักบนก้อนหินเตี้ย ๆ ใต้ร่มไม้ ชายหนุ่มรีบเรียกน้องสาวเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล ด้วยเกรงอาจจะดูไม่งามที่เขาจะคอยดูแลหญิงสาวด้วยตัวเอง
ปริมอยากจะล้อเลียนพี่ชายที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบฝันอยู่ในใจเงียบ ๆ มานานแล้ว แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังที่เปี่ยมด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวในอ้อมแขนของเธอเอามาก ๆ จึงได้แต่หุบปากนิ่งไว้
เพื่อน ๆ ต่างทยอยกันเข้ามานั่งล้อมอยู่ใกล้ ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใยกันทุกคน
พี่ปิ่นเป็นไงบ้างคะ ปริมรีบเอ่ยถามเมื่อมองเห็นเปลือกตาของหญิงสาวขยับตัว แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หน้าซีดขาวเมื่อครู่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง
ไม่เป็นไรแล้วจ้ะปริม ปิ่นขวัญขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติ
ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ ปรามรีบถามไถ่อย่างห่วงใย
เราคงเที่ยวต่อกับพวกนายไม่ได้แล้ว แม่เราอาการทรุดลงกะทันหัน เราคงต้องรีบกลับก่อนนะ
เอางี้สิ เราเปลี่ยนแผน ไปบ้านปิ่นแทน แล้วก็ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่ปิ่น และเที่ยวบ้านปิ่นด้วยเลย เป็นไง เพื่อนสาวคนหนึ่งเสนอขึ้น
ใช่ ๆ เพื่อน ๆ หลายคนต่างสนับสนุนและเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์
จากนั้นทุกคนจึงกลับไปเก็บข้าวของเพื่อเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
================
ลมพัดหอบความสดชื่นขึ้นมาจากแม่น้ำแคว ต้นไม้ที่ขึ้นครึ้มริมแม่น้ำ เสริมให้ศาลาน้อยริ่มตลิ่งดูร่มรื่น เสียงเครื่องแขวนดินเผารูปแมวหน้าตาขี้เล่นดังกรุ๊งกริ๊งตลอดเวลายามต้องลม เสียงเจื้อยแจ้วของนกเสียงใสคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊ก แดดใสส่องแสงผ่านใบไม้และกิ่งก้านสาขาลงมายังพื้นดิน ใบไม้แห้งปลิดตัวเองออกจากขั้วร่วงหล่นเกลื่อนกระจัดกระจาย บรรยากาศแจ่มใสรอบข้างไม่อาจทำให้หัวใจหม่นหมองของหญิงสาวดีขึ้นได้เลย ด้วยคนที่รักเธอที่สุดล้มป่วยลง อาการทรุดหนักมากกว่าเดิม และยังไม่มีอาการดีขึ้น
ปรามแยกกับเพื่อน ๆ ที่เดินทางจะไปท่องเที่ยวตัวจังหวัดของเมืองกาญจนบุรีมาเดินตามหาคนที่หัวใจของเขาแสนห่วงใยเหลือเกิน ยิ่งเห็นเธอกำลังทุกข์เช่นนี้ ทำให้เขายิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้น
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ก่อนหันมามอง รีบพยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม และทำตัวเองให้ร่าเริงขึ้น
อ้าว ปราม ทำไมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ล่ะ เธอพยายามถามด้วยน้ำเสียงแจ่มใสปกปิดความเศร้าเอาไว้ หายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตาเสมอ
เขาเดินเข้ามาในศาลาน้อยแล้วนั่งลงข้าง ๆ เธอ ในมือถือน้ำส้มคั้นสดมาให้
ทานน้ำส้มก่อนนะ
เธออยากจะปฏิเสธ เพราะรู้สึกลำคอมันตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลง แต่พอมองสีหน้าและแววตาของเขา จึงไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธทำลายความตั้งใจดีของเขาได้
ปิ่นขวัญยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างช้า ๆ สายตาของเขาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่วงใยตลอดเวลาทำให้เธอต้องพยายามกลืนน้ำส้มลงลำคออย่างยากลำบาก ด้วยนิสัยที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
ปรามทานอะไรหรือยัง เธอถามเขาที่นั่งขรึมนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าต้องการเลียนแบบอาการเศร้าของเธอหรืออย่างไร
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะเกรงคำตอบอาจทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ปราม เราไม่เป็นไรหรอก อย่าห่วงเราเลยนะ นายต้องห่วงตัวเองด้วยนะ เธอรู้คำตอบที่มาจากความเงียบงันของเขา
เราจะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนปิ่น
หญิงสาวถอนหายใจ เธอเป็นทุกข์กับอาการป่วยของแม่เธอมามากแล้ว ยังต้องมาเป็นทุกข์เพราะเพื่อนเป็นทุกข์เพราะเธออีกหรือนี่
ไม่ได้นะปราม เดี๋ยวจะป่วยไม่สบายไปอีกคน เราต้องโดนปริมต่อว่าแน่ ๆ เลย
เราจะบอกปริมเองว่าไม่เกี่ยวกับปิ่นนะ
หิวมั้ย เธอถามชายหนุ่มอย่างห่วงใย ดูเขาซูบผอมลงไปมากทีเดียว
ปรามพยักหน้า ตามด้วยเสียงท้องร้องของจริง
หญิงสาวหัวเราะ ถ้าบอกว่าไม่หิวนะ ใครจะเชื่อ
ชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาได้บ้าง เขาเอื้อมมือไปวางบนมือของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นครั้งแรกที่เขากล้าตัดสินใจบอกความต้องการของหัวใจตัวเองกับเธอ
หญิงสาวนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะ สมองหยุดการสั่งการชั่วคราว เหมือนเครื่องคอมเกิดอาการแฮงค์
เอ่อ
สายตาชายหนุ่มที่มองตรงมาทำให้คิดไม่ออกบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ปราม
แต่ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้
นี่ มันมือของเรานะ มือนายอีกข้างมันอยู่ตรงหน้านายต่างหาก
ปรามยิ้มน้อย ๆ
เขาเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือของเธอเอาไว้อีกต่างหาก
ปิ่นไปกินข้าวกันเถอะ เราขอร้อง เราหิวจะแย่อยู่แล้ว
ปิ่นขวัญกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากออกมา
เร็วปิ่น ไปกินข้าวกันเถอะนะ เขาลุกขึ้นดึงมือเธอให้เดินออกไปด้วยกัน
บ้าจังเลยปราม แค่นี้ต้องทำซึ้งด้วย เธอแอบซ่อนยิ้มไว้ในแววตา
ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ปิ่นหายเศร้าแล้วไปกินข้าวกับเรานี่นา
นี่เลิกซึ้งได้แล้ว ปล่อยมือเรานะ พยายามขยับมือออกจากมือชายหนุ่ม
โน เขารั้งมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมคืนให้เจ้าของ
เอ๊ .เราเป็นอะไรกันมิทราบคะ
เป็นสิ เขาหยุดเดินหันมาสบตาหญิงสาว
เป็นคนที่หัวใจเราตรงกัน
ปิ่นขวัญพยายามทำหน้าเฉย ๆ แต่สีหน้ากลับแดงเอา ๆ กลายเป็นสีชมพู
โน่น ร้านอาหารอยู่ทางโน้น หันไปทางโน้นได้แล้ว
ปรามยิ้มหันหน้าไปตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย เขาถามตัวเองเสมอว่าทำไมชอบผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เพราะไม่ว่าเธอจะมีทุกข์ขนาดไหน เธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
=================
ตอนที่ 7
เหล่าหนุ่มสาวตระเวนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของตัวจังหวัดกาญจน์บุรี เริ่มต้นด้วยการตะลุยน้ำตกเอราวัณในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเดินเที่ยวร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนม และอื่น ๆ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด ผู้คนจึงบางตา สถานที่แหล่งสุดท้ายที่ทุกคนจะไปเที่ยวชม ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ภาพการเคลื่อนไหวของเด็กสาวสะท้อนเงาอยู่บนพื้นแว่นสีดำของชายหนุ่ม เขารีบยกแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว รสชาดหวานเย็นชื่นใจ ช่วยละลายความร้อนของบรรยากาศได้ดี แล้วเดินถือถุงน้ำเก๊กฮวยตามเธอไป เริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันเธอ หลังจากได้แต่เดินตามห่าง ๆ มาตลอด
ปริม ทานน้ำเก๊กฮวยจ้ะ เขายื่นถุงพลาสติกที่มีน้ำสีเหลืองเข้มส่งให้
ขอบใจ นายกินเถอะ เธอปฏิเสธ อันเป็นนิสัยที่ไม่ยอมรับของใครง่าย ๆ ตามเคย
ทานหน่อยน่า ช่วยทำให้คลายร้อนดีเหมือนกันนะ เขาพยายามพูดให้เธอรับไว้
แต่เธอยังคงรักษาอาการเฉยชาเหมือนเดิม
ปริมยังเห็นฉันเป็นคนอื่นอยู่ใช่มั้ย ถึงไม่ยอมรับ พลางจ้องหน้าสาวน้อยตรงหน้า น้ำเสียงแฝงความน้อยใจเอาไว้
ไหนปริมบอกว่ายอมรับฉันเป็นเพื่อนแล้วไง ปริมโกหกใช่มั้ย
เปล่า นายอยากเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ หรอ ถ้านายทำให้ฉันสัมผัสได้ว่านายอยากเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ ฉันก็พร้อมจะยอมรับนายเหมือนกัน
จริงสิปริม อยากเป็นเพื่อนปริมนะ น้ำเสียงนั้นเริ่มแจ่มใสขึ้น
ก็ได้ ปริมรับน้ำเก๊กฮวยมาดื่ม
อร่อยมั้ย ชอบรึเปล่า เขาเห็นเธอก้มหน้าก้มตาดูดเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อยเชียว
ชอบมากเลย ยิ่งทานตอนอากาศร้อน ๆ แบบนี้มันสดชื่นดีนะ พร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ
ภาพที่เธอเผลอเป็นกันเองกับเขาขณะนี้ เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ทำอย่างไรเธอจะเป็นกันเองกับเขาตลอดเวลาอย่างนี้ตลอดไป
ปริม ไม่อยากเป็นเพื่อนเฉย ๆ อยากเป็นเพื่อนใจได้มั้ย
แล้วเป็นเพื่อนเฉย ๆ ไม่ได้รึไง เธอเริ่มหัวเสีย น้ำเสียงเครียดขึ้นมาทันที รีบจ้ำเท้าเดินหนี
อีกแล้ว . เขาบ่นตัวเอง เผลอพูดตามหัวใจตัวเองออกไปอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมนะ ถึงเป็นเพื่อนเฉย ๆ ไม่ได้ ทำไมต้องอยากเป็นมากกว่านั้นด้วยนะ ทำไมต้องอยากบอกเธอด้วยนะ ทำไมไม่เก็บไว้รู้คนเดียวนะ ทำไมนะ ทำไม และทำไม ???
ปริมเดินมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว พื้นสะพานมีความกว้างประมาณสองเมตร สายตามองตรงไปยังสะพานตรงหน้า เท้าก้าวขึ้นไปบนสะพานเหล็ก รางรถไฟทอดตัวยาวข้ามไปยังอีกฝั่งตรงกันข้าม มองทะลุระหว่างแผ่นไม้ที่วางห่างกันเป็นระยะในแนวขวาง มองเห็นแม่น้ำลิบ ๆ เบื้องล่าง ใจรู้สึกหวิว ๆ ขึ้นมาอย่างรู้สึกกลัว กลัวความสูงของสะพาน และความเชี่ยวของแม่น้ำแคว รอบตัวว่างเปล่า ไม่มีราวให้เกาะยึดอะไรได้เลย
เดินไปด้วยกันนะ เสียงคนหนุ่มดังขึ้นข้างตัว
เด็กสาวหันมามองหนุ่มผมยาว
ไม่! ต่างคนต่างเดินน่ะ ดีแล้ว นายอย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย
เขายักไหล่ ขอโทษทีนะ ที่ทำตามที่เธอขอร้องไม่ได้
ปฏิการยิ้ม เดินไปด้วยกันดีกว่าน่า เดินคนเดียวเหงาออก เธอไม่กลัวเหรอ เผื่อเป็นอะไร ฉันจะได้ช่วยทัน
ไม่กลัว กลัวอะไร มีอะไรต้องกลัวด้วย พูดจบรีบสาวเท้าเดินนำหน้าไปก่อน
ระหว่างทางต้องคอยเดินหลบผู้คนที่เดินสวนไปมาบ้าง ปริมเดินมาได้สักพักใหญ่ถึงกลางสะพาน มองฝั่งตรงข้ามที่ความรู้สึกบอกว่าไกลเหลือเกิน ทำไมไปไม่ถึงซักที
ความกลัวแทรกตัวขึ้นมาในสมองอีกแล้ว
รู้สึกว่าอาการกลับหนักขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
นึกกังวลใจ ถ้าหากรถไฟเกิดวิ่งข้ามมาตอนนี้จะทำอย่างไร! ถ้าเกิดเดินไปเดินมาเกิดสะดุดอะไรขึ้นมาล่ะ! จะคว้าอะไร จะยึดจับตรงไหน มองหาที่จับที่ยึดอะไรก็ไม่มี มันโล่งโจ้งไปหมด ความสูงของสะพานเมื่อมองลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่าง ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนนี้เธอคิดถึงพี่ชายเหลือเกิน อยากให้เขามาคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ คงจะรู้สึกดีกว่านี้ เพื่อนฝูงเดินหนีหายไปไหนกันหมดนะ
ปฏิการเดินตามมาห่าง ๆ เห็นเธอหยุดเดิน และยืนนิ่งงันอยู่นานแล้ว รีบสาวเท้าไปยืนข้าง ๆ
รอฉันเหรอ บอกแล้วให้เดินไปด้วยกันก็ไม่เชื่อ เขาแกล้งเย้าแหย่เธออย่างอารมณ์ดี
ปริมไม่ตอบ เธอนิ่งเงียบจนเขารู้สึกถึงความผิดปกติ
ไปกันเถอะ เดินไปด้วยกันนะ เขาชักชวน เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่งเฉย
ไม่ล่ะ ฉันจะเดินกลับแล้ว
อ้าว .!! ทำไมล่ะ ยังเดินไม่ถึงฝั่งนู้นเลย เขาบ้ายหน้าไปยังฝั่งตรงกันข้าม
ชายหนุ่มจ้องหน้าเด็กสาวอย่างห่วงใย
เป็นอะไรรึเปล่า
เธอเงยหน้ามองเพื่อนพี่ชาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร ไม่ใช่การพูดหยอกล้ออย่างที่เคยได้ยิน
ปริมกลัวเหรอ
เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
กลัวอะไร
กลัว เธอมองหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ทว่าในสายตาคู่นั้นของเขา ไม่มีแววตาล้อเลียนแม้แต่นิดเดียว กลับเต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใย เขากำลังตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของเธอ
กลัวความสูง กับความเชี่ยวของแม่น้ำข้างล่าง เธอพูดอ้อมแอ้มตะกุกตะกักอย่างไม่เต็มเสียง อดกลัวไม่ได้ว่าเขาอาจจะหัวเราะเยาะเอาที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง สุดท้ายเธอก็ต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี
ไม่ต้องกลัวนะ หายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ปริมจะรู้สึกดีขึ้น
เขายื่นมือมาข้างหน้า
เอ่อ คือ ไม่เป็นไรหรอก
งั้นก็ไปกันเถอะ เธอจะเดินกลับใช่มั้ย
ชะใช่ ปริมพูดอย่างอึก ๆ อัก ๆ จะบอกเขาอย่างไรดีว่าขณะนี้ขามันสั่น ๆ และใจก็หวิว ๆ จนก้าวเท้าไม่ออกซะแล้ว
ไปกันเถอะ เขาย้ำอีกครั้ง แต่ยังคงเห็นเธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ขอโทษนะ เขาเอื้อมมือมาจับมืออันเย็นเฉียบของเธอไว้
ปริมมองมือตัวเองที่ตกอยู่ในมือเขา อยากจะยื้อเอาคืนมา แต่มันพูดอะไรไม่ออก มันจนคำพูดกับความสามารถของตัวเอง กับความไม่เอาไหน ที่ปล่อยให้ความกลัวเกาะกินความรู้สึกของตัวเองอย่างนี้ เรี่ยวแรงกำลังกลับเหมือนจะถดถอยลงไปทุกขณะ
ไม่ต้องกลัวนะ หายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ พยายามดึงเธอให้ก้าวเดินไปพร้อมกัน
เธอพยายามทำตามอย่างที่เขาบอกแม้จะยังรู้สึกเกร็ง ๆ ไปหมด สมองตื้อเหมือนกับจะบังคับร่างกายไม่ได้
ฉันอยู่ทั้งคน ไม่ปล่อยให้ปริมเป็นอะไรหรอก เขามองหน้าขาวซีดนั้นอย่างห่วงใย พร้อมกับตบมือเธอเบา ๆ อย่างให้กำลังใจตลอดเวลา
ดีขึ้นมั้ย เมื่อรู้สึกว่าเธอดูผ่อนคลายมากขึ้น
ปริมพยักหน้าช้า ๆ หลบสายตาของเขาที่มองตรงมา ความกลัวค่อย ๆ ลดลง รู้สึกเริ่มมีกำลัง เริ่มมีแรงกลับคืนมา เพียงแค่มืออุ่น ๆ ของเขาจับมือของเธอเอาไว้อย่างนี้ ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
อย่ามองลงไปข้างล่างนะปริม มองหน้าหล่อ ๆ ของฉันอย่างเดียวพอแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่
แต่เธอยังคงนิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว ยิ่งเธอไม่พูดกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ไม่พูดอะไรบ้างหรอปริม ไม่ได้ยินเสียงเธอ รู้สึกเหงาหูยังไงไม่รู้
ปริมได้แต่เงียบงัน ใจคอรู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาผู้ชายที่เคยจูงมือเธอแบบนี้นอกจากพ่อแล้ว มีเพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น
ช่างเถอะ เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น พูดไม่ออกก็ไม่ต้องพูดก็ได้ เขาหันมายิ้มให้
ให้ฉันจูงไปจนถึงฝั่งนะ
เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ปล่อยให้เขาจูงมือและเดินตามเขาไปแต่โดยดี
เมื่อเท้าสัมผัสพื้นดินอย่างเต็มเท้า แรงกำลังคืนกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทันที
ถึงฝั่งแล้วนะ เธอทวงมือคืนจากหนุ่มผมยาว
ปริม . เขารู้สึกไม่อยากคืนมือให้เธอเลย
ฉันขอเป็นคนจูงมือเธอแบบนี้ตลอดไป ได้มั้ย .
คำพูดทุกคำของเขามันดังก้องกังวาลเข้าไปในหัวใจน้อย ๆ ของเธอ ชั่ววินาทีเดียว ที่สติและความเป็นตัวของตัวเองกลับมาควบคุมความคิดของเธอไว้ทั้งหมด
นายทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับฉันครบถ้วนแล้วหรือยัง พลางขยับมือของตัวเองออกมาจากมือของชายหนุ่ม กลับไปทบทวนให้ดีก่อนดีกว่า นายอย่าพูดอะไรจากอารมณ์ชั่ววูบ นายอาจจะแค่อยากเอาชนะฉันให้ได้เท่านั้นเอง พูดจบเธอเดินแยกตัวไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่รถตู้ ทิ้งให้เขายืนอารมณ์ค้างอยู่คนเดียว
คำพูดของปริมครั้งสุดท้ายทำให้ปฏิการต้องกลับไปนอนก่ายหน้าผากคิดอยู่นานหลายคืน และคิดได้ว่า การเข้าไปตามติดเธออย่างนี้ มันใช้ไม่ได้กับเธอเลย เขาควรเปลี่ยนวิธีใหม่ เพราะที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความล้มเหลวตลอด เขาควรทำตัวเป็นเพื่อนกับเธอก่อน เพื่อให้เธอยอมรับเขาอย่างแท้จริง และให้ความสนิทสนมคุ้นเคยด้วยมากกว่านี้
หลังจากนี้สามเดือนเขาตั้งใจจะไม่ทวงสัญญากับเธออีกเลย จะพยายามทำตัวเป็นเพื่อนเธอให้มากที่สุด เพื่อเป็นการค้นหาหัวใจของตัวเองอย่างแท้จริง ถ้าเขาจะคิดกับเธออย่างเพื่อน เขาจะทำได้แค่ไหน หรือเขาเป็นเพียงอย่างที่เธอพูดเอาไว้เท่านั้น ไม่มีอะไรตอบคำถามในใจของเขาได้นอกจาก เวลา ที่จะให้คำตอบที่ชัดเจนกับเขาที่สุดในเวลาต่อมา
================