Canada: 1 Hello Canada
วันนี้กว่าจะได้โอกาสเหมาะเริ่มเขียนบล๊อคการใช้ชีวิตอยู่ที่แคนาดา ก็เวลาผ่านมา 1ปีกว่าแล้วค่ะ ที่ย้ายมาอยู่ที่แคนาดา รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่เริ่มเขียน ปีนี้จะเข้าปีที่ 2 แล้วมันจะเป็นกลายเป็นดินพอกหางหมูมากขึ้น จึงสักวันจะไม่อยากเขียนไปค่ะ อยากเขียนบันทึกนี้ได้เพื่อบันทึกประสบการณ์ต่างๆ ของตัวเองที่ได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตของที่แคนาดาค่ะ เราต้องย้ายจากประเทศญี่ปุ่นมาอยู่ประเทศแคนาดา ตามคุณพ่อบ้านซึ่งย้ายมาทำงานที่แคนาดาค่ะ



การขอวีซ่าของแคนาดา (Canada Visa)



สำหรับตัวเองนั้น วีซ่าที่ขอเป็นวีซ่าแบบท่องเที่ยว 1 ปีค่ะ เนื่องจากต้องย้ายตามบริษัท เพราะฉะนั้นบริษัทฯ จะจัดทนายเพื่อรับมอบอำนาจไปจัดการเรื่องขอวีซ่าแทนเราค่ะ คลิกดู.... การสมัครวีซ่าแคนาดา เอกสารที่เราต้องเตรียมให้ทนาย(ในกรณีที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น) ก็คือใบทะเบียนบ้านจากอำเภอที่มีตราประทับ, ใบสลิปธนาคารเป็นภาษาอังกฤษจากธนาคาร 3 เดือน, ใบตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล, ผลตรวจเลือด HIV, หนังสือเดินทางตัวจริง พร้อมสำเนา, และเอกสารอื่นๆ ค่ะ แนะนำถ้าเพื่อนคนไหนมีโรคประจำตัวก็ควรของใบรับรองแพทย์เป็นภาษาอังกฤษมาด้วยเลยค่ะ เพราะอยู่ที่นี่เราต้องมีหมอประจำ หรือ Family Doctor จะได้ไม่ต้องมาเริ่มตรวจใหม่ให้ยุ่งยากค่ะ

เล่าประสบการณ์จริง: ตอนที่โก้ทำยื่นเรื่องขอวีซ่า ปกติเราสามารถยื่นขอที่สถานทูตแคนาดาที่ญี่ปุ่นได้เลยค่ะ แต่ช่วงนั้น สถานทูตแคนาดาที่ญี่ปุ่น หยุดทำการชั่วคราว คนไทยที่พำนักอยู่ที่ญี่ปุ่นต้องส่งเอกสารไปที่สถานทูตแคนาดาประจำประเทศฟิลิปปินส์ค่ะ ซึ่งช่วงนั้น ที่ฟิลิปปินส์ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ จากที่คราวว่าจะดำเนินการของวีซ่าได้ ภายใน 1 เดือน การขอวีซ่าของเราล้าช้าไปเกิบ 2 เดือนครึ่งค่ะ


โก้มีเจ้าน้องหมาสุดที่รัก เจ้าปุ้มปุ้ย ซึ่งก่อนเดินทางก็ต้องเตรียมตรวจสุขภาพทำวัคซีนก่อนเดินทางอย่างน้อย 6 เดือนค่ะ การเรื่องการทำสัตว์เลี้ยงจากประเทศญี่ปุ่น เข้าประเทศแคนาดา ขอไม่เขียนรายระเอียดนะคะ เพราะรายละเอียดตอนที่โก้ขอกับตอนนี้กฎหมายเปลี่ยนแปลงด้วย โก้ได้เพื่อนที่เคยเป็นนักเรียนภาษาไทย คุณมิยะซิกิ ช่วยแปลและคุณหมอประจำของปุ้มปุ้ย ช่วยเหลือทางด้านเอกสารค่ะ


เดินทางสู่แคนาดา (Go to Canada)




วันนั้น เป็นวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2012 มีพี่ๆ และเพื่อนๆ ที่น่ารักมาส่งที่สถานี้รถไฟด้วยค่ะ(เกรงใจพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นด้วยค่ะ บอกว่าจะเดินทางมาแคนาดา แต่จากกำหนดเลื่อยไปหลายครั้ง พอเวลาได้เดินทางจริงก็เดินทางเลย จนไม่ได้บอกใครมากนักค่ะ ต้องขอโทษนะคะ)



วันนั้นออกเดินทางตั้งแต่เช้าเลยค่ะ จากบ้านที่อำเภออูสึโนะมิยะ(Utsunomiya)นะคะ ขึ้นรถบัสจากสถานีรถไฟแต่เช้าเลยค่ะ ที่ต้องไปเร็วเพราะต้องเอาน้องหมาปุ้มปุ้ยไปตรวจสุขภาพ และเอกสารต่างๆ ที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคฯ ก่อนขึ้นเครื่องค่ะ ต้องเผื่อเวลาเอาไว้ด้วยค่ะ เรียบร้อยแล้วรอขึ้นเครื่อง ทั้งเหนื่อยทั้งหิวมากค่ะ วันนั้นมีคุณมิยะซะกิไปส่งด้วยค่ะ พอขึ้นเครื่องได้หลังจากทานอาหารเสร็จ นอนหลับหมดแรงทั้งคนทั้งน้องหมาเลยค่ะ ปุ้มปุ้ยจะไม่ยอมอยู่มีกระเป๋าจะออกมานั่งที่ตักโก้ให้ได้ ร้องอยู่นั้น ดีที่นั่งใกล้ๆ สาวๆ 2 คนที่ เป็นคนไทยที่นั้นติดเราเลย และคนญี่ปุ่น ซึ่งเขาก็ชอบน้องหมาด้วยค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้กอดไว้ที่ตัก เลยต้องให้นอนในกระเป๋าและเปิดปากกระเป๋าแทนค่ะ กว่าปุ้มปุ้ยจะเงียบก็พักใหญ่เพราะหมดแรงง่วงนอน อาหาร น้ำก็ไม่ยอมทาน ระหว่างการเดินทางแอร์ฯ ก็เสริฟอาหาร 3 ครั้งได้ค่ะ มีอาหารหลัก ,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, แซนวิท แต่เราไม่อยากตื่นมาทานเลยค่ะ เพราะง่วงนอนมากทั้งเหนื่อยมากด้วย จากประเทศญี่ปุ่น เข้าประเทศแคนาดา ใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมงค่ะ เวลาที่ประเทศแคนาดา ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนจะช้ากว่าประเทศญี่ปุ่น 13 ชั่วโมง และช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง และ ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวจะช้ากว่าประเทศญี่ปุ่น 14 ชั่วโมง และช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง





ตอนลงเครื่องแล้วต้องตรวจเอกสารและกระเป๋า โก้มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ขนของมาเต็มกระเป๋าหนักประมาณ 25 กิโลกรัม และกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่จะหิ้วขึ้นเครื่อง ใส่พวกเอกสารสำคัญต่างๆ และของสำคัญต่างๆ และกระเป๋าสะพาน 1 ใบ และกระเป๋าใส่ปุ้มปุ้ยมาค่ะ อ๋อลืม มีถุงขนมที่ซื้อขนมญี่ปุ่นฝากคุณพ่อบ้านอีก 1 ถุงใหญ่ จำได้ว่า วันนั้น อารมณ์นั้น ทั้งง่วงสุดๆ เหนื่อยสุดๆ กระเป๋าอะไรต่ออไรมากมาย ไม่อยากได้เลยค่ะ อยากอุ้มปุ้มปุ้ยแล้วออกจากสนามบินไปเลย เพราะใช้เวลาตรวจเอากสารนานมาก พอตรวจเอกสารวีซ่าของเราเสร็จ ต้องไปตรวจเอกสารของปุ้มปุ้ย มีกระเป๋ามาหลายใบโดนให้เปิดกระเป๋าตรวจด้วย แต่ดีหน่อยเจอเจ้าหน้าที่น่ารักใจดี เห็นหน้าเราซีดมาก เราบอกว่าเราเหนื่อยมากเลยค่ะ เขาก็เข้าใจเพราะรู้ว่าเราเดินทางมาไกล เขาไม่ตรวจมาก พอเป็นพิธีเท่านั้น แล้วเราต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเอาสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศด้วย ประมาณ C$50-60 จำไม่ได้ค่ะ พอจ่ายเสร็จก็ออกมาเดินออกมาจุดนัดพบ คุณพ่อบ้านมารอรับ พอปุ้มปุ้ยขึ้นรถได้ออกมาจากกระเป๋าได้ ดีใจกระโดดไปนั่งตักคุณพ่อบ้านร้องดีใจใหญ่เลยค่ะ ขับรถมาถึงบ้านไปอาบน้ำ ตอนเย็นคุณพ่อบ้านออกไปซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทานก่อน เพราะโก้แจ๊สแรกค่ะ หลับไปพักใหญ่ ตื่นมาตอนกลางคืนตื่นมาจัดของ เพราะนอนไม่หลับค่ะ

มาดูกันนะคะ หลังจากมาถึงแคนาดาเราต้องเตรียมตัวและเอกสารต่างๆ อะไรบ้างค่ะ



บัตรขับขี่รถยนตร์ (Canada licence)


เราต้องเตรียมตัวเปลี่ยนทำเรื่องขอใบขับขี่ต่างประเทศจากญี่ปุ่นมาด้วย



สำหรับกรณีของโก้ เอาใบขับขี่รถยนตร์จากญี่ปุ่นไปทำเรื่องของเปลี่ยนเป็นใบขับขี่รถยนตร์ของแคนาดาได้เลยค่ะ ไม่ต้องสอบใหม่ค่ะ อ่านต่อที่นี่.... เขตที่อยู่คือเขต Ontario ยื่นเอกสาร ถ่ายรูปที่นั้น เสร็จแล้วก็รอบัตรประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่ะ




บัตรประกันสุขภาพ (OHIP = Ontario Health Insurance Plan)

เราต้องทำบัตรประกันสุขภาพก่อนค่ะ อ่านต่อที่นี่.... เพื่อที่เราจะได้ดำเนินการขอเอกสารอื่นๆ ได้ต่อไปค่ะ รอบัตรประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่ะ โก้จำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้เราตกใจ เพราะบัตรเขียนมาเราเป็นเพศชาย โอ้อะไรกันเนี้ยะ ก็เอาไปเปลี่ยนได้ค่ะ แอบเคืองเจ้าหน้าที่ของดูหนังสือเดินทางอีก สงสัยเป็นเพราะช่วงนั้น เพิ่งตัดผมสั้นก่อนไปทำบัตร หรือความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ แต่คิดว่าเป็นอย่างหลังค่ะ




หมอประจำบ้าน (Family Doctor)

หลังจากที่เราได้บัตรประกันสุขภาพแล้ว เราต้องการหาหมอประจำบ้าน (Family Doctor) ค่ะ คุณหมอจะตรวจสุขภาพและอื่นๆ ได้ยินว่าการที่เราหาหมอประจำได้ ต้องมีผู้แนะนำคุณหมอให้ค่ะ ทางครอบครัวก็ไปรับล่ามของบริษัทค่ะ ก็ไปพบหมอครั้งแรกก็พูดคุยกันธรรมดา หลังจากที่ทำบัตรประกันสุขภาพก็ใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะได้หมอประจำค่ะ จำได้ว่าใกล้เดือนเกิดตัวเอง หมอให้โก้ต้องการตรวจไขมันในเลือด เราต้องไปแต่ต้องไปตรวจเลือด Life Labs อ่านต่อที่นี่.... ค่ะ หมอต้องเขียนใบส่งตัวมาเจาะเลือด มีใบจากหมอก็เอาไปยื่นรอเจาะเลือดตรวจ จะส่งผลตรวจไปที่หมอประจำ แล้วหมอก็จะโทรมานัด วันฟังผลตรวจอีกทีค่ะ ผลออกมาโอเคค่ะ



เพิ่มเติมเกี่ยวกับแคนาดา


แผนที่ประเทศแคนาดา


เงินเหรียญของแคนาดา เริ่มจาก C$2, C$1,Cents5, Cents10, Cents1


ธนบัตรของแคนาดา เริ่มจาก C$5, C$10, C$20, C$50, C$100

ขอบคุณที่แวะมาน่ะค่ะ