|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
2 เทคนิค แปลเอกสารราชการ เป็นภาษาอังกฤษ |
|
เทคนิคการแปลเอกสารราชการเป็นภาษาอังกฤษ
การแปลเอกสารราชการจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับดีแล้ว โดยเฉพาะมีพื้นฐานหลักไวยากรณ์ อาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับผู้เริ่มต้น และมีระยเวลาจำกัด เพราะอาจจะต้องเดินทางไปยังต่างประเทศทันที จึงถูกจำกัดระยะเวลาในการแปลเอกสารให้สามารถใช้งานได้ทันที
ซึ่งการแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ ให้มีความถูกต้องเหมือนภาษาไทย และต้องถูกหลักไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษด้วย ถือว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร
ความกังวลใจเรื่องงานแปลเอกสารจะต้องถูกหลักไวยากรณ์ไหม ก็เริ่มรู้สึกมีความกังวลใจแล้ว แต่งานแปลเอกสารของเราจะผ่านการรับรองหรือไหมนั้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานเอกสารมีความกังวลใจเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ความรู้พื้นฐานของการแปลภาษา จึงเป็นแก่นสำคัญหรือหัวใจหลักของการแปล ซึ่งผู้แปลงานเอกสารจำเป็นจะต้องมีความรู้ด้านภาษาต่างประเทศเป็นอย่างดี ในระดับเชี่ยวชาญ และควรมีประสบการณ์ผ่านงานแปลเอกสารมาหลายปี จึงจะเกิดทักษะที่ชำนาญ
การแปลภาษา (Translation) คือ การแปลความหมายจากภาษาเดิมไปเป็นภาษาอื่น โดยจะต้องมีความหมายเหมือนเดิม หรือควรมีความหมายใกล้เคียงกับความหมายของภาษาเดิมมากที่สุด
ประเภทของการแปล แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.การแปลตามตัวอักษร Literal Translation เป็นการแปลแบบคำต่อคำ โดยที่ผู้แปลจะต้องรักษารูปแบบของคำ ประโยค ให้เหมือนเดิม ห้ามเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียงคำ การแปลตามตัวอักษร เป็นงานแปลที่มีความถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด ซึ่งการแปลประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านไวยากรณ์ (grammar) เป็นอย่างดี
2.การแปลแบบกว้างๆ ไม่ใช่คำต่อคำ Free Translation เป็นการแปลที่ไม่เน้นการรักษาความหมายเดิมของต้นฉบับ เพราะจะเน้นความหมายที่แปลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ การแปลแบบความหมายกว้างๆ ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเหมาะกับ งานแปลนิยาย เพื่อความบันเทิง แต่การแปลทั้ง 2 ประเภทล้วนแล้วก็มุ่งเน้น เพื่อให้ผู้อ่านภาษาที่แปล ได้เข้าถึงความหมายที่แท้จริงของภาษาเดิม ต้นฉบับ ดังนั้นการแปลจึงไม่ควรเปลี่ยนแปลงความหมายไปจากเดิม
การแปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเอกสารราชการที่ต้องจะผ่านการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสาร และสามารถนำไปใช้งานในต่างประเทศได้
ในปัจจุบันนี้มีวิธีการลดขั้นตอนและระยะเวลา สำหรับการแปลและรับรองความถูกต้องของเอกสารที่ใช้งานในต่างประเทศ ช่วยทำให้การแปลเอกสารเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยาก
ตัวอย่าง เอกสารราชการที่สามารถไปคัดเอกสารทางทะเบียนฉบับภาษาอังกฤษได้จากภูมิลำเนาของตัวเอง
-สูติบัตร -ทะเบียนบ้าน -ใบเปลี่ยนชื่อ -หนังสือรับรองการเกิด -ข้อมุลเกี่ยวกับบัตรประชาชน -ใบเปลี่ยนชื่อสกุล -ทะเบียนสมรส -ทะเบียนหย่า
2 เทคนิค สำหรับการแปลเอกสารราชการ จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
1. ใช้บริการคัดเอกสารราชการ 2 ภาษา ของภาครัฐ จากนั้นนำเอกสารไปยื่นขอรับรองความถูกต้องที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 2. ใช้บริการจากศูนย์การแปลภาษาที่ได้มาตรฐาน วิธีนี้จะช่วยลดเวลา เพราะผู้ใช้บริการจะได้รับเอกสารราชการฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมเอกสารราชการฉบับภาษาอังกฤษที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง เอกสารราชการฉบับภาษาอังกฤษจะถูกนำไปใช้งานในต่างประเทศ อาทิเช่น การศึกษา การทำงาน การขออนุญาตผ่านเข้าประเทศ และการขอสัญชาติ ส่วนใหญ่เอกสารราชการจะถูกใช้ทำธุรกรรมในต่างประเทศ เลยจำเป็นต้องมีความถูกต้อง และมีมาตรฐานการแปลให้อยู่บนมาตรฐานระดับสากล ปกติก็จะเป็นภาษาอังกฤษ
Create Date : 25 มีนาคม 2563 |
|
0 comments |
Last Update : 25 มีนาคม 2563 14:43:40 น. |
Counter : 988 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|