It's My Phone.. & It's My Dream...
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

Bittorrent (BT) คืออะไร?

Bittorrent (BT) คืออะไร?

Bittorrent เป็นมาตรฐาน P2P (peer to peer) ที่ใช้เพื่อรับส่งไฟล์ระหว่างผู้ใช้ Internet ด้วยกัน

เครื่องผู้ใช้จะติดต่อกับเครื่องของผู้ใช้อื่นเพื่อรับส่งชิ้นส่วนของไฟล์
จะมีอยู่เครื่องหนึ่ง (เรียกว่า tracker)
ทำหน้าที่เป็นตัวจัดระบบการสื่อสารระหว่างผู้ใช้เหล่านั้น (peers) ตัว
tracker จะทำหน้าที่จัดการเท่านั้น จะไม่มีข้อมูลของไฟล์ที่รับส่ง ดังนั้น
tracker จึงไม่ต้องมีเน็ตที่แรงเพราะไม่ได้รับส่งไฟล์เอง สิ่งที่ทำให้ BT
อยู่ได้ก็คือหลักการที่ผู้ใช้ควรจะส่งไฟล์ขณะเดียวกับที่รับไฟล์

หากมีผู้ใช้มากก็จะเร็วมาก การทำงานของ BT ก็คือการหั่นไฟล์นึงออกเป็นส่วน
ๆ แล้วส่งคนละส่วน ไปยังผู้รับหลายคน
พอผู้รับเหล่านั้นได้รับส่วนเหล่านั้นก็จะสามารถรับส่งกันเองเพราะต่างกัน
ต่างมีชิ้นส่วนที่คนอื่นไม่มี ทำให้ไม่ต้องพึ่งผู้ส่งผู้เดียว


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามนี้ //tb.in.th/faqp2p.php


ทำความรู้จักกับ Proxy และการใช้งานร่วมกับ Bit Client //tb.in.th/proxy.php

Torrent คืออะไร?

- Torrent ไฟล์ที่เก็บค่าข้อมูลตัวไฟล์จริง ๆ ในความหมายนั้นคือ ไฟล์ขนาด
100MB พอสร้างเป็นไฟล์ *.torrent จะเหลือเพียงไม่กี่สิบ kb เท่านั้น
ฉะนั้นแล้ว *.torrent มีหน้าที่แค่เพียงเก็บข้อมูลต่าง ๆ เท่านั้นเอง
เช่น เก็บรายชื่อไฟล์ตัวจริง , เก็บข้อมูลชิ้นส่วนขนาดไฟล์ ,
ชื่อผู้สร้างไฟล์ทอเร้นท์ขึ้นมา

สรุป : ไฟล์ *.torrent มีหน้าที่เพียงเก็บค่าต่าง ๆ เท่านั้นเอง เป็นเสมือนตัวไว้เชื่อมต่อไฟล์ตัวจริงที่เก็บไว้ในเครื่อง


Torrent เป็นการทำงานแบบ Peer 2 Peer

- การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

Torrent มีการทำงานแตกต่างจากโปรแกรมประเภท Peer 2 Peer แบบอื่น ๆ

- Torrent จะมีการทำงานเสมือนใยแมงมุม กล่าวคือ ในการใช้งาน torrent
clients ระหว่างที่เราดาวน์โหลดไฟล์ลงเครื่องเรา
เราสามารถที่จะอัพโหลดแจกจ่ายชิ้นส่วนไฟล์ให้กับคนอื่นที่ต้องจะดาวน์โหลด
ไฟล์เหมือนกันกับเราได้เลย
ไม่จำเป็นต้องให้เราดาวน์โหลดเสร็จก่อนถึงจะปล่อยได้ นั่นล่ะข้อดีมันเลยล่ะ


Torrent มีความแม่นยำในการดาวน์โหลดสูง

- กล่าวคือ เมื่อเราดาวน์โหลดไฟล์ประเภทเพลง หรือ หนัง ฯลฯ
โอกาสที่ไฟล์จะเสียนั้นน้อยมาก ๆ - แทบไม่มีเลย เพราะ ไฟล์torrent
เป็นตัวเก็บชิ้นส่วนขนาดไฟล์ตัวจริงไว้ แยกซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ
ทำให้ส่งถ่ายได้แม่นยำ


Torrent มีอะไรให้ดาวน์โหลดบ้าง?

- มันขึ้นอยู่กับผู้แชร์ว่าจะอัพโหลดอะไรขึ้นไปบ้างเพื่อแบ่งปันกับคนอื่น
แต่ที่พบพานมาก็มีทุก ๆ ประเภทไม่ว่าจะเป็นเพลง , ละคร , ภาพยนตร์ ,
การ์ตูน , โปรแกรม , อีบุ๊ค , หนังสารคดีชีวิต ฯลฯ

เล่นเนต High Speed ควรเล่นทอเร้นท์เป็นอย่างยิ่ง!! - เพราะจะได้คุ้มค่าเงินที่คุณเหมาจ่ายไปยังไง


อัตราการดาวน์โหลดไฟล์สูงสุดที่เป็นไปได้ คิดได้ดังนี้

- 256/128KBPS (สภาวะดาวน์โหลด/อัพโหลด) คิดความเร็วให้ทำการหารด้วย 8 จะได้ราว ๆ 32KB/16KB ต่อ วินาที

- 512/256KBPS (สภาวะดาวน์โหลด/อัพโหลด) คิดความเร็วให้ทำการหารด้วย 8 จะได้ราว ๆ 64KB/32KB ต่อ วินาที

- 1024/512KBPS (สภาวะดาวน์โหลด/อัพโหลด) คิดความเร็วให้ทำการหารด้วย 8 จะได้ราว ๆ 128KB/64KB ต่อ วินาที

- 2048/512KBPS (สภาวะดาวน์โหลด/อัพโหลด) คิดความเร็วให้ทำการหารด้วย 8 จะได้ราว ๆ 256KB/64KB ต่อ วินาที

* ความเร็วอาจจะได้มากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ครับ ไม่แน่นอน... แต่โดยมากแค่ระดับ 80% ของค่าสูงสุดนี้ ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วครับ


ศัพท์น่าเรียนรู้สำหรับการใช้งานเวบแทรคเกอร์ (เวบผู้ให้บริการดาวน์โหลดทอเร้นท์)

Seeders = ผู้ปล่อยไฟล์ (จะมีสภาวะอัพโหลดอย่างเดียวกับไฟล์ที่แชร์ไว้)

Leechers = ผู้ดูดไฟล์ (จะมีทั้งสภาวะดาวน์โหลดและอัพโหลดในเวลาเดียวกันได้)

Snatch = จำนวนคนที่ดาวน์โหลดไฟล์เสร็จ (พร้อมที่จะเป็น Seeders ได้)

Passkey = เป็นตัวเก็บค่าอัตราก็ดาวน์โหลดและอัพโหลด รวมถึงการสร้างไฟล์ทอเร้นท์ พาสคีย์จะแตกต่างกันตามแต่ละเวบทอเร้นท์นั้นกำหนดมา

Ratio = อัตราส่วนระหว่างดาวน์โหลดและอัพโหลด หลาย ๆ เวบที่ใช้ระบบสมัคร
จะกำหนด Ratio ไว้ด้วย ถ้า Ratio ต่ำ ๆ
อาจจะดาวน์โหลดไฟล์ไม่ได้หรือต้องรอเวลาโหลด วิธีเพิ่ม Ratio ให้สูง ๆ คือ
ควรจะขยันหาไฟล์มาลงแบ่งปันเพื่อนๆให้ดูดไปใช้งานกัน หรือ
เมื่อท่านดาวน์โหลดไฟล์ของท่านอื่นมาเสร็จก็ช่วยปล่อยทิ้งไว้
แชร์ให้คนอื่นได้ดาวน์โหลดกันต่อ ๆไป


การโหลดให้ได้เต็มสปีด

- เลือกโหลดแบบมี Seeders จำนวนหลายคน เราจะดูดไฟล์จากคนปล่อยลงเครื่องเราได้ไว

- เลือกแบบ Seeders 1 คน แต่มี Leechers หลาย ๆ คน ทำให้เราสามารถดูดไฟล์กับคนที่กำลังดูดอยู่ได้เลยนะครับ

* ทางที่ดีที่สุด ถ้ามีคนพึ่งอัพโหลดไฟล์ขึ้นไป ถ้าท่านต้องการใช้งานจริง
ๆ ก็ไปดาวน์โหลดได้เลย หลังจากดาวน์โหลดเสร็จก็แชร์ไว้สักพัก

ทำไมโหลดได้ช้า

1. ทำไมโหลดได้ช้า - อย่าเพิ่งโดดเข้าตะครุบ torrent ที่เพิ่งโพส
ควรดูสถิติก่อน ถ้ามีจำนวนคนโหลดพอสมควร จึงค่อยเริ่มโหลด อย่างที่บอกไว้
ยิ่งมากยิ่งเร็ว

2. peer ก็เยอะ แต่ก็ยังช้า - เป็นได้หลายกรณี

2.1 ทำการ forward port ที่ route ของคุณหรือยัง //www.portforward.com

2.2 check Firewall ของคุณ

2.3 check ISP ของคุณ (CAT CSLox Ksc Ji ฯลฯ)ว่าเค้า block หรือเปล่า

2.4 สภาพ Net ในขณะนั้นดีหรือเปล่า

2.5 คุณโดนแบนจาก web นั้นหรือเปล่า (พวกเสร็จแล้วปิดหนี)
ข้อเสียอย่างหนึ่งคือ ไทยเรายังไม่มี ip เฉพาะบุคคล ต่อ net ทีไร ip
ก็เปลี่ยนไปเรื่อย ถ้าเขาแบน ip หนึ่ง คนที่ต่อเข้าไปเจอ ip นั้นก็ซวยไป
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

2.6 เครื่องคุณแรงพอหรือเปล่า โหลดพร้อมกันที 20-30 เรื่อง มันก็ดึงกันเอง

2.7 โปรแกรมที่ใช้โหลด ปรับปรุงดีหรือยัง หมั่นไปดู web ของผู้เขียนนั้น ๆ เพื่อปรับปรุง และตั้ง config ให้ถูกต้อง

2.8 โปรโมชั่น Net ที่คุณสมัคร ความเร็วเท่าไหร่ "แชร์" เท่าไหร่
ส่วนมากตอนสมัคร ISP เค้าไม่บอกคุณ คุณเห็นความเร็วสูงก็โดดใส่สมัคร
ดังนั้น ถาม ISP ให้ดีดี ว่า share เท่าไหร่ หรืออ่านตาม web
ว่าของเจ้าไหนดี หาความรู้เรื่องนี้ได้จาก //www.adslthailand.com

2.9 โปรโมชั่น Net ของเดี๊ยนเป็น 256/128 แปลว่า คุณ download ได้ 256 และ
upload ได้ 128 ดังนั้น พูดง่าย ๆ การ upload และ download
ของคุณแยกกันคนละท่อ จึง

ไม่มีข้ออ้างว่าจะรีบปิด seed เนี่องจากกลัวความเร็วตก เพราะ up และ down มันแยกกัน ไม่เกี่ยวกันอย่ามามึน

3. Update โปรแกรมป้องกันไวรัสให้สม่ำเสมอ เพราะไวรัสเกิดใหม่ทุกวัน

4. หาโปรแกรมกำจัด Spyware หรือ Adware มาตรวจ พวกนี้ทำให้เครื่องช้า และ net ช้าด้วย

5. หมั่น Defrag Harddisk เพื่อการเขียนและอ่านที่รวดเร็ว

6. ตรวจดูเนื้อที่ Harddisk ให้เหลือพอเพียง เพราะ windows ใช้ Harddisk บางส่วนในการทำ cache

7. ไปเอาอันนี้มา //www.dslreports.com/front/DRTCP021.exe

8. แล้วไปทดสอบ speed ที่นี่ //www.dslreports.com/tweaks เค้าจะบอกว่าคุณต้องปรับอะไร

9. WinXp มีจุดด้อยเรื่องปลอดภัยสูง (ม๊าก) ทำให้จำกัด TCP ไว้ที่ 10
เราต้องทำการเปิดTCP ออกไปให้เป็น 50 ด้วย hxxp://www.lvllord.de/


ระบบของเครื่องที่เหมาะกับการโหลดบิท คือ NTFS ไม่ควรเป็น FAT32 เพราะ FAT32 จะรับไฟล์ได้ที่ละไม่เกิน 4 GB

การเปลี่ยน จาก FAT32 เป็น NTFS

1. คลิ๊ก Start > Run

2. พิมพ์ cmd แล้วกด Enter

3. จากนั้นพิมพ์ CONVERT C: /FS:NTFS

4. จากนั้นจะห้เราใส่ Volume Label ของไดร์ฟที่เราจะเปลี่ยน (ดู Volume
Lable ได้จาก พิมพ์ dir/w จากนั้นดูตรงคำว่า Volume in drive C is XXXXXXX
เอาตรง XXXXXXX มาใส่ครับ) จากนั้นกด Enter

5. จากนั้นจะขึ้นมาถามให้เราตอบ y ครับ เป็นอันเสร็จ


Free TextEditor




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2552
0 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2552 0:08:56 น.
Counter : 939 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


SenbonSakuRa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]











ใส่ข้อความที่นี่

pk12th






MusicPlaylist
MySpace Playlist at MixPod.com









เขียนข้อความฝากถึงได้ที่นี่ ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า..^^

;
Friends' blogs
[Add SenbonSakuRa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.