|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
::. บ้านพิพิธภัณฑ์ พุทธมณฑลสาย ๒ .::
สวัสดีครับผม เป็นการรีวิวครั้งแรกในชีวิตและสำหรับที่บลอคแกงค์ด้วยครับ เกิดมาไม่เคยรีวิวเลย พูดจริงๆนะครับ ลองแล้วกันครับผิดๆถูกๆ ก็คนไม่เคยนี่ครับ (แหะ แหะ) ที่แรกที่ผมจะรีวิวคือ บ้านพิพิธภัณฑ์ ครับ อยู่พุทธมณฑลสาย ๒ นี่เองครับ ไม่ไกลจาก กทม.เราเท่าไหร่เลย แต่ไกลสำหรับผม (บ้านอยู่ทองหล่อ) แต่พอผมได้มาที่นี่คุ้มครับกับการเดินทางไกล
จริงๆแล้วผมไม่รู้จักหรอกครับ บ้านพิพิธภัณฑ์ ก็ ยัยมิชชิลีน นะสิครับ รายนั้นชอบหาที่เที่ยวที่กิน เป็นคน คะยั้นคะยอให้ผมพามาให้ได้ ผมกะว่าวันเสาร์ (20-02-53) จะไปตกปลาสักกะหน่อย แต่ก็นะ ผมก็ทนเสียงงอแง ไม่ได้เลยพาไป บอกตามตรงเลยครับมาครั้งแรกที่เห็น ตัวพิพิธภัณฑ์ ผมคิดว่า อะไรฟร่ะ แค่เป็นบ้านธรรมดา ตอนแรกที่ยัยมิชชิลีนบอกผม ว่าไปบ้านพิพิธภัณฑ์ ดูของโบราณ ผมจินตนาการซะล้ำไปไกล คิดว่าต้องเป็นสถานที่บ้านโบราณ ใหญ่โตมโหราฬ พื้นที่สัก 100 ไร่ น่านคิดไปไกลเลยตรู) แต่พอมาถึงปุ๊บ เอ๊ะทำไมเหมือนบ้านคนเลยฟร่ะ หันไปถามยัยมิชชิลีนว่า นี่นะเหรอ ยัยมิชชิลีน หันมาแว๊ดๆๆๆ"ก็เข้าไปดูข้างในก่อนดิ" พอเข้ามาเห็นข้างในตะลึง ละลานตาครับกับของที่ เฮ้ยยยยยย อะไรกันนี่ ทำไมมันช่างเยอะและหาดูยากจริง
เอ้าล่ะครับ ไปชมภาพเรื่องราวดีกว่าครับ นี่เป็นภาพที่ผมคัดมาแค่ส่วนหนึ่งนะครับ เพราะมันเยอะมาก คงคัดเอามาลงให้ดูหมดไม่ได้ครับ เพราะแค่นี้ ยัยคน resize รูปก็บ่นๆๆเกรงใจนะครับ แห่ะๆ
เดี๋ยวเรามารู้จักบ้านพิพิธภณฑ์ก่อนนะครับ ขอบคุณข้อมูลจากเวบบ้านพิพิธภัณฑ์ ด้วยนะครับ
บ้านพิพิธภัณฑ์ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ โดยสมาคมกิจวัฒนธรรมและอาสาสมัคร ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2544
คำว่าบ้านพิพิธภัณฑ์ หรือ House of Museums หมายถึงบ้านที่รวบรวมของต่างๆโดยหวังว่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดพิพิธภัณฑ์แขนงต่างๆ ขึ้นอีกต่อไป
เรื่องราวที่จัดแสดง คือวิถีชีวิตชาวตลาดชาวเมืองในยุค 2500 และใกล้เคียง
ของที่จัดแสดง ส่วนใหญ่มาจากการบริจาค (ฉะนั้นแต่ละหมวดจึงไม่ได้มีของสมบูรณ์ทุกยุคทุกสมัย) อีกส่วนหนึ่งมาจากการซื้อด้วยเงินรายได้เท่าที่พอมี เพื่อให้มีของแปลกๆ มาเสริมให้ผู้ชมได้ดูของมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุที่จัดทำบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาก็เพราะเห็นว่าของดีจำนวนมากถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ในขณะที่เราไม่สามารถหาชมของจำพวกนี้ เช่น ตู้โต๊ะตั่งเตียงสวยๆ, แบบเรียน, ป้ายโฆษณา, ขวดน้ำอัดลม, แก้วน้ำ, ชามก๋วยเตี๋ยว, กล้องถ่ายรูป, ของแถม,ของเล่น, กระบอกเสียง ฯลฯ ได้จากพิพิธภัณฑ์ทั่วไป เพื่อให้มีแหล่งรับบริจาคและเก็บของ (ซึ่งจริงๆ แล้วรัฐควรเป็นผู้จัดทำทั้ง 4 ภาคหรือทุกจังหวัด) สมาคมกิจวัฒนธรรมจึงลงมือทำไปตามกำลังก่อนดังที่เห็น
บ้านพิพิธภัณฑ์ เป็นบ้านของส่วนรวมหรือของสาธารณะ แทบทุกอย่างมาจากการบริจาค เริ่มตั้งแต่ที่ดิน 58 ตารางวา จาก ร.อ.อาลักษณ์ อนุมาศ, การออกแบบก่อสร้างอาคาร, การออกแบบห้องแสดง, ข้าวของที่นำมาจัดแสดง และที่สุดคือกรรมการซึ่งสละเวลามาช่วยกันทำงานเพื่อส่วนรวมโดยไม่มีเงินเดือน
สมาคมกิจวัฒนธรรมซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2532 ปัจจุบัน พ.ศ.2550 มี ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ เป็นนายกสมาคม เดิมบ้านพิพิธภัณฑ์มี 1 หลัง ปัจจุบันมี 2 หลัง
แนวการออกแบบหรือจัดแสดง คือ กั้นห้องเป็นเหมือนห้องแถวในตลาด
บ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 1 ชั้น 1 จัดเป็นร้านของเล่น, ร้านขายของจิปาถะ, ร้านขายยา และร้านขายของที่ระลึก
ชั้น 2 จัดเป็นโรงหนัง โรงพิมพ์ในตรอกข้างโรงหนัง ร้านตัดผม-ตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยาย ร้านถ่ายรูป, ห้องครัว, บ้านสุวัตถี และห้องจัดแสดงของทั่วไป
ชั้น 3 จัดเป็นห้องเรียน ห้องนายอำเภอ ร้านขายแผ่นเสียง วิทยุโทรทัศน์ ร้านทองและร้านสรรพสินค้า
บ้านพิพิธภัณฑ์หลังที่ 2 มีชั้นเดียว สมมุติเป็นตลาดริมน้ำมีนอกชาน สร้างม้านั่งไว้ให้นั่งเล่นกันหน้าร้านกาแฟ, ร้านขายของชาวบ้าน, นอกจากนั้นมีร้านทำฟัน, ร้านขายเครื่องเขียนแบบเรียน, ร้านทอง และแผงหนังสือข้างร้านทอง เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ปลายปี 2549
อนาคต โครงการที่คิดฝันในอนาคตคือการขยับขยายโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ในชื่อ ตลาดเล็กๆ หรือ Little Market ขึ้น ในพื้นที่ขนาด 4-5 ไร่ เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์และที่พักผ่อนในรูปตลาดริมน้ำ มีคูคลอง อาคารร้านรวง ชวนให้นึกถึงวัยเด็กที่เคยรื่นรมย์
โครงการดังกล่าว ต้องการผู้มีกำลังทรัพย์ที่ใจบุญ บริจาคที่ดินและงบประมาณเป็นประเดิม โครงการจึงจะสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
เริ่มออกจากบ้านกันเวลาเที่ยงกว่าแล้วครับ ตอนแรกก็สับสนกันอยู่ว่าเอาไงดี ฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย แล้วที่สำคัญเรา 2 คนไม่รู้ว่า ตัวบ้านพิพิธภัณฑ์อยู่ตรงไหนด้วย ก็ว่าไปแค่ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติตรงท่าช้างกันดีไหม ก็เริ่มเถียงกันไปเถียงกันมา ฝนก็เริ่มโปรยปรายมาแล้วครับ เลยต้องมาจอดมอเตอร์ไซด์กันตรงกรมตำรวจทางหลวง ประมาณ 1 ช.ม. เซ็งเลยครับ พอฝนหยุดตก เราก็ออกเดินทางกันต่อ
ฝนยังตกหมาดๆเลยครับ ผมผ่านตรงถ.ราชดำเนินผมเห็นอนุสาวรีย์นี้ แต่ไม่รู้คืออะไรครับ
แวะเติมลมสักกะหน่อย คนที่ซ้อนมาด้วย หนักใช่เล่นครับ
เรามากันเรื่อยๆตามถ.บรมราชชนี ครับ
วิ่งมาเรื่อยๆจนถึง แยกพุทธมณฑลสาย2 ครับ
แต่เนื่องจากพอมาถึงพุทธมณฑลสายสองผมกับ ยัยมิชชิลีนเลยครับ และต้องอ้อมวนหากันจนตาแหก 55+ ดันไปอีกเส้นของสาย 2 ที่ไปออก ถ.เพชรเกษมครับ เพราะไม่รู้จริงๆ ถ้าใครจะไปดูแผนที่ตรงนี้เอานะครับ
หลังจากหากันจนเริ่มบ่าย 2 แก่ๆ หิวครับ เลย ชวนกันหาไรกินกันก่อน ก่อนออกเดินทางหากันอีกรอบ
อูยยยย.... หิว สั่งเส้นเล็กน้ำตกมากิน คนละชามกับน้องหนูมิชชิลีน ขออภัยไม่ได้ถ่ายก๋วยเตี๋ยวมาใหุ้ครับ รีบกินเพราะหิวมาก
แล้วก็วนหากันครับในที่สุดก็พาเรามาเจอจนได้ มันอยู่อีกฟากของถ.สายนี้ครับ เฮ้ออกว่าจะเจอ
พอมาถึง ก็เห็นเป็นบ้านทาวเฮาส์ธรรมด๊า ธรรมดา ตอนแรกคิดอย่างนี้อ่ะครับ แต่พอเห็นข้างในอู้หู..................................ไม่ธรรมดาครับ ชอบอ่ะ ชอบ
มีโซนขายกาแฟโบราณ อร่อยๆ ราคาไม่แพงด้วยครับผม
มีของกระจุกกระจิกเพียบเรย ไว้จำหน่ายด้วยนะครับ ราคาไม่แพง
ตู้นี้น่าจะเก่าสัก 30 ปีขึ้นนะครับ
ป้ายปลุกรักชาติ
บรรยากาศภายในครับ จัดแต่งได้น่ารักดีครับ มุมนี้ไว้นั่งทานกาแฟได้ครับ
ป้ายความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ
มีเครื่องดื่มจำหน่ายด้วยครับ รวมทั้งน้ำมะเน็ดด้วยครับ ขวดละ 45 บาท แต่ผมไม่ได้ลองครับ อิอิ
จำกระป๋องอันนี้ได้ไหมครับ ผมทันนะครับ (บ่งบอกว่าแก่ 555+)
อันนี้เหมาะจริงๆ 555+
มุมร้านขายของเล่นสมัยวัยเยาว์
หมีตัวนี้ผมทันนะครับ
มาดูของเล่นกันนะครับ
อันนี้เครื่องคิดเลขครับ
ป่ะชั้นบนกันครับ
ตามนางแบบผมไปเลยครับ
ภายในชั้นสองครับ
มีโรงภาพยนต์เล็กๆด้วย จะฉายหนังเก่าๆ ตามรอบเวลาที่ปรากฎบอกน่ะครับ
อวบได้อีก มิชชิลีนผม 555+
เครื่องพิมพ์ดีด เก่าได้อีกกก
นี่งายยย คุณ เอนก นาวิกมูล 1 ในผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์
มาตัดผมกันครับ
ฮัลโหลๆๆๆ ฮัลโหล เฮียเหรอค่ะ
มาดคุณนายโผ๊ม..
ถ่ายผ่านกระจก
สักรูปกับน้องมิชชิลีน
บรรยากาศรอบๆครับ
ไปชั้น3 กันครับ
หม้อกระเพาะปลาเคยเห็นป่าวครับ
อันนี้เป็นเครื่องดับเพลง เมื่อปี 2500 ตอนแรกผมนึกว่าโทรโข่ง
โหรุ่นยังเยาววัยเลยพวกนี้
อันนี้ผมเคยใช้ครับ ไว้ดูหนังโป๊(555+)
บรรยากาศในห้องเรียนสมัยเก่าๆ
ตำราเรียนที่นี่ไม่มีมานี มานะ แห่ะ สงสัยจะด้วยเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่าไม่ทราบอ่ะครับ
อันนี้เมื่อก่อนใครไม่มีเชยมากเลยครับ ฮิตกันอยู่ระยะหนึ่ง
ไปข้างล่างกันครับ ไปพิพิธภัณฑ์อีกฝั่งหนึ่งกันครับ
ตรงข้างล่างที่เราจะเดินทะลุไปพิพิธภัณฑ์อีกหลัง เราจะผ่านที่ขาย ของกิน ของเล่นในวัยเด็กมากมายครับ
ผ่านทะลุออกมา จะเจอบ่อน้ำเล็กๆครับ และจะมีที่นังพักผ่อนเล็กๆน่ารักๆให้นั่งด้วยครับ
มีสามล้อถีบให้แอบเก็บรูปด้วยครับ อิอิ เอาซะหน่อย ผมดันเป็นคนถีบ ยัยมิชชิลีนเป็นคนนั่ง เฮ้ออ...กำของกรู
มีร้านกาแฟจำลองสมัยก่อนด้วยครับ
เข้ามาข้างในครับ ผมชักจะบรรยายไม่ไหวแย๊วว ดูภาพแล้วกันครับ
สงสัยถ้าโพสนี่มันตั้ง 400 กว่าภาพเยอะมากครับจริงๆแล้วมีไรน่าสนใจกว่านี้เยอะมาก ผมเอามาแค่ส่วนหนึ่งเองครับ ถ้าอยากชม แนะนำไปที่นี่กันได้เลยนะครับ สุขใดไม่เท่าเห็นของจริง แล้วคุณจะหลงรักครับ
สุดท้ายก่อนกลับเรามานั่งสั่งกาแฟทานกัน อร่อยจริงๆครับ กาแฟโบราณที่นี่ใช้ได้ แก้ว 15 บาทเอง แล้วเราสองคนก็เขียนโปสการืดคนละใบ โดยที่ให้ส่งหากันเอง 555+ บ้านเดียวกันไม่รู้จะเขียนไปไหน เลยเขียนหากันเองนี่แร่ะ
อ่อมีเขียนไดอารี่ด้วย
สุดท้ายผมหวังว่าคงมีเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านอยากไปเยี่ยมชมที่นี่บ้างนะครับ มาช่วยกันบริจาคสิ่งของที่รู้สึกว่าน่าเก็บไว้ในความทรงจำที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ผมทีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอนครับ ยังไงติดตามคราวหน้าว่าจะไปไหนกันอีกแล้วจะเก็บภาพความทรงจำมาฝากนะคร๊าบบ
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 22:34:16 น. |
Counter : 2591 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 23 กุมภาพันธ์ 2553 23:05:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: Henzce 27 กุมภาพันธ์ 2553 12:50:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: TAN IP: 125.26.19.150 5 มีนาคม 2553 23:26:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: เสฉวน IP: 112.142.0.13 26 มีนาคม 2553 16:05:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|