We don't know future. What we don't know exactly always contains risk. When we take risk, we bet. Therefore, investment is a calculated bet. Just bet wisely.
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
เศรษฐกิจติดลบคู่ส่งออก-เงินเฟ้อ ธปท.ลดประมาณการรวด 0.8% เหลือเติบโต 3%


แบงก์ชาติปรับลดประมาณการเศรษฐกิจรวดเดียว 0.8% จากเดิม 3.8% เหลือ 3% ขณะที่ปรับตัวเลขจากขยายตัวเป็นติดลบทั้งส่งออกที่ติดลบ 1.5% และเงินเฟ้อที่ติดลบ 0.5% จากรายได้ที่เริ่มแย่ลง ทั้งในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร การใช้จ่าย-ลงทุนยังไม่ฟื้น แต่ยังยืนยันว่ายังไม่เข้านิยาม “เงินฝืด”

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานนโยบายการเงิน ฉบับล่าสุด เดือน มิ.ย.2558 ว่า ธปท.ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลืออัตราการขยายตัว 3% จากประมาณการเดิมในครั้งก่อนหน้าที่คาดว่าจะขยายตัว 3.8% โดยการประมาณการครั้งนี้เป็นการประมาณการภายใต้ฐานใหม่ ซึ่งปรับเปลี่ยนตามสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แต่ยังไม่รวมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการท่องเที่ยวของไวรัสเมอร์ส และการขอให้ไทยปรับปรุงมาตรฐานการบินที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ขณะที่ได้รวมผลกระทบจากภัยแล้งแล้ว แต่ยังไม่ครบทุกส่วน ซึ่ง ธปท.จะติดตามผลกระทบเหล่านี้ในการประมาณการครั้งต่อไป

ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ น้ำหนักมากที่สุดมาจากการปรับลดลงของภาคการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายส่วนทั้งเศรษฐกิจคู่ค้าต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและอาเซียนที่มีผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการค้าโลกที่ประเทศคู่ค้าหลักของเราลดการพึ่งพิงสินค้านำเข้า ปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตของภาคการส่งออกไทย ซึ่งไม่ได้มีการพัฒนาคุณภาพสินค้า การวิจัยพัฒนา และคุณภาพแรงงานมายาวนาน อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้กำไรของผู้ส่งออกในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น โดย ธปท.ปรับลดประมาณการการส่งออกปีนี้ลงเข้าสู่โซนติดลบอยู่ที่ -1.5% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

ขณะที่การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 2% และไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เนื่องจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงอย่างมากเริ่มส่งผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรชัดเจนขึ้น ทำให้ครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่าย ขณะที่รายได้ของเกษตรกรตกต่ำเป็นเวลานาน ขณะที่ภาวะการเงินที่ผ่อนคลายช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ไม่มากนัก สำหรับการลงทุนภาคเอกชนยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวออกไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ล่าช้า โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.7%

นอกจากนั้น ธปท.ยังได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมัน และกำลังซื้อของคนที่ลดลง ซึ่งสำหรับเงินเฟ้อทั่วไป ธปท.ประมาณ
การว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะติดลบอยู่ที่-0.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.2% โดยประมาณการใหม่นี้ ธปท.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส และค่อยๆกลับมาเป็นบวกในไตรมาสที่ 4 จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเฉพาะในครึ่งปีแรก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ธปท.คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่คาดไว้ 1.2%

“อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่ออัตราเงินฝืดยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจากด้านต้นทุนมากกว่าการลดลงจากกำลังซื้อที่ลดลง ราคาสินค้าในภาพรวมยังสามารถขยับขึ้นได้ หรือขายในราคาเดิม ไม่จำเป็นต้องลดราคาเพื่อขาย ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อของภาคธุรกิจ และประชาชนยังเป็นบวกและอยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ ธปท.ตั้งเป้าหมายไว้”

สำหรับปัจจัยที่จะเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป นายเมธีกล่าวว่า การใช้จ่ายของรัฐที่เริ่มขยายตัวได้ดีกว่าประมาณการครั้งก่อน โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำฯ และมีการเร่งรัดก่อหนี้ผูกพันสูงกว่าที่ ธปท.คาด ซึ่งหากการใช้จ่ายของภาครัฐสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในระยะข้างหน้าได้ โดย ธปท.ประมาณการว่าการใช้จ่ายภาครัฐในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3.3% และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 16.3% ขณะที่การท่องเที่ยวเป็นอีกภาคหนึ่งที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 28.8 ล้านคน ขณะที่ต้องติดตามผลจากประเด็นไอซีเอโอ และไวรัสเมอร์สที่จะกระทบท่องเที่ยว

“ประเด็นสำคัญที่ ธปท.จะติดตามในระยะต่อไป คือ ความชัดเจนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีนและเอเชีย ความต่อเนื่องในการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ประสิทธิผลของการผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อภาวะการเงินและเศรษฐกิจ และความไม่สมดุลที่อาจจะเกิดจากดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน”

นายเมธี กล่าวต่อว่า สำหรับการประมาณการเศรษฐกิจในปี 2559 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4.1% ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 3.9% เล็กน้อย ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.6% การอุปโภคภาครัฐขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.1% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.3% การใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 3.5% การลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น 6% และการส่งออกจะกลับมาเป็นบวกได้ 2.5%.

ที่มา : www.thairath.co.th




Create Date : 20 มิถุนายน 2558
Last Update : 20 มิถุนายน 2558 8:51:04 น. 0 comments
Counter : 736 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Rhythm of Love
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Flag Counter

New Comments
Friends' blogs
[Add Rhythm of Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.