Group Blog
หุ้น การเงิน
ไอที
สุขภาพ
ภาษาอังกฤษ
ชีวิตการงาน
สูตรทำอาหาร
มกราคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
16 มกราคม 2555
เรื่องลับของยาคูลย์..ที่คุณ(อาจ)ไม่เคยรู้!!
All Blogs
วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ
5 สุดยอดอาหารพิชิตมะเร็ง
กล้วยหอม สุดยอดอาหารเพิ่มพลังชีวิต (2)
อาหารที่ไม่ควรรับประทานในเวลาท้องว่าง
น้ำมะพร้าว สุดยอดอาหารเพิ่มพลังชีวิต (1)
"กุ้ง" นอกจากอร่อยแล้ว ยังเป็นอาหารสารพัดประโยชน์
ไม่อ้วนโดยไม่อด กับตำลึง
เรื่องลับของยาคูลย์..ที่คุณ(อาจ)ไม่เคยรู้!!
7 วิธีแย่ๆในการใช้คอมพิวเตอร์
6 สุดยอดเครื่องดื่มบำรุงอวัยวะในร่างกาย
สูตรน้ำเพื่อสุขภาพ ล้างพิษ ผิวกระจ่างใส
5 สุดยอดผลไม้บำรุงเลือด
6 สุดยอดเครื่องดื่มสลายหน้าท้อง
เจียวไข่ใส่ 'ใบเหมียง' สดชื่น บำรุงสายตา
กินโยเกิร์ต ลดโกรธ
เก็บตอนเกิด 'สเต็มเซลล์เลือดสายสะดือ' รักษาโรคในอนาคต
ภาวะกรดไหลย้อนกับวิธีธรรมชาติ
เรื่องลับของยาคูลย์..ที่คุณ(อาจ)ไม่เคยรู้!!
ยาคูลท์ถือว่าเป็น นมเปรี้ยว ที่ครองใจทุกเพศทุกวัยจริงๆนะคะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าที่เราดื่มกินทุกวันนั้นมันมีที่มา ยังไงกัน ^^
ข้อมูลจาก เด็กดี.คอม
1.ชื่อเป็น ยา!!!
ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวสัญชาติญี่ปุ่น แปลกตรงที่ชื่อไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั้งที่ประเทศนี้ชาตินิยมจัดมาก YAKULT เป็นภาษา Esperanto(ภาษาประดิษฐ์ของหมอรัสเซีย) มาจากคำว่า Jahurto มีความหมายเท่ากับ yoghurt ซึ่งแปลตรงตัวว่า การมีอายุยืนยาววววววว!!!
2.ยาคูลท์เคยขวดแก้ว
ตั้งแต่ปี 1935 ยาคูลท์ เคยใช้ขวดแก้วใสกริ้งมาตลอด ๆ สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก Kokeishi ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็น ๆ ในปัจจุปัน เพราะ ต้นทุนถูกกว่าและน้ำหนักเบากว่าขวดแก้ว-รวมกันหลายขวดก็หลายกิโล ทำให้สาวยาคูลท์ในยุคใหม่ไม่ต้องแบกขวดแก้วหนักเกินเหมือนในอดีต!
3.อหิวาตกโรค จุดพลิกยาคูลท์ไทย
จุดที่พลิกผันจริง ๆ คือ เมื่อปี 2515 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ไทยนำยาคูลท์เพื่อเยียวยาอาการผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นมีที่อาการหนักอยู่ 3 คน ซึ่งถ้าผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์แทนยาจะต้องหยุดดื่มยาทั้งหมด และต้องดื่มยาคูลท์ต่างน้ำ
ปรากฏว่าสามชั่วโมงผ่านไป . คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่าย และกลายเป็นกระแส Talk Of The town ณ.บัดนั้น
4.ยาคูลท์ไทยมีไซส์เดียว???
ยาคูลท์รอบโลกมีไซส์ที่แตกต่างกัน เช่นขวดไซส์ 100 มล. เห็นดาดดื่นที่ สิงค์โปร์ ไต้หวัน และจีน แต่ที่นี่ประเทศไทย มีไซส์เดียวตลอดกาลนั่นคือ 80 มล. และขนาดนี้ก็มีขายเฉพาะ เกาหลี มาเลเซีย และอเมริกาเท่านั้น เพราะไซส์นี้มีจุลินทรีย์แลคโตบัลซิลัสมากกว่า 8,000 ล้านตัว เชื่อว่าเพียงพอสำหรับการสร้างสมดุลภายในลำไส้เหมาะกับคนไทย และที่สำคัญ . ถ้ากระซวกมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียขี้แตกขี้แตนไม่รู้ตัว!!
5.คอคอด บอกอะไร!!
แค่เห็นเงาก็รู้แล้วว่าเป็นยาคูลท์!!! เพราะขวดนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ดีไซน์ขวดเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ โดยเฉพาะคอคอด ซึ่งเชื่อว่าให้ถือสะดวกและลิ้มรสช้าๆ จะได้ไม่ดื่มทีเดียวหมด!!
6.ยาคูลท์สูตรจุลินทรีย์ทะลัก!
Yakult 400LT คือสูตรเด็ดสำหรับคนรักจะถ่าย(อึ)ให้คล่อง เพราะยาคูลท์ขวดนี้ลดความหวาน ลดแคลอรีหลายเท่าตัว แต่เพิ่มแลคโตบัลซิลัสตระกูล Shirota เกือบ 400,000 ล้านตัวต่อขวด!! จากไซส์ปกติมีเพียงแค่ 3 แสนล้านตัวเท่านั้น!!!!
7.ขวดนี้สตรีขอจอง!!
แม้ยาคูลท์ไทยแลนด์( หรือเกือบทั่วโลก) จะมีรสชาติสุดคลาสสิคชูโรงซึ่งบางครั้งสาวกยาคูทล์แอบเซ็งเพราะอยากลองจิบ&ลิ้มรสชาติใหม่ ๆ บ้าง แต่สำหรับประเทศต้นตำรับอย่างญี่ปุ่นก็ขยันออกสูตรใหม่ให้เปิดซิงตลอด อย่างเช่น Yakult SHEs เจาะกลุ่มสตรีรักสวยรักงามเป็นการเฉพาะ เพราะนมเปรี้ยวสูตรนี้อัดแน่นด้วยแคลเซียม ,เหล็ก และที่สำคัญคือคอลาเจน!!
8.อุณหภูมิที่ยาคูลท์ลั้ลลา!!!
เลือกซื้อยาคูลท์จากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศเซลเซียส เพราะดีกรีหนาวเยี่ยงนี้จะทำให้ได้จุลินทรีย์ลั้ลลาและพร้อมจะทำงานให้เราได้เต็มทีค่ะ
Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 16 มกราคม 2555 18:57:07 น.
3 comments
Counter : 4949 Pageviews.
Share
Tweet
หายไปใหน 4 ข้องะ
โดย: เงาะ IP: 203.150.206.90 วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:14:33:32 น.
แอบคิดว่าที่ขายในไทยน่าจะใหญ่กว่านี้หน่อย ไม่สะใจเลย55555
โดย:
โครโมโซม X
วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:15:29:22 น.
@เงาะ ขอแก้ไขค่ะ
โดย: Sunny (
iT_member
) วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:18:59:38 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
iT_member
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add iT_member's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.