ตัวเรามีทั้ง "จิตมาร" "จิตพุทธะ" จะส่งเสริมฝ่ายไหน
    จิตเราจะรับพลัง (Energy) ข้างนอก เพราะเจตสิก (Mental concomitants) ต้องมีไว้กับตัวเรา ไม่ใช่เจตสิกอยู่ข้างนอก เจตสิกจะอยู่ในตัวเรา ถ้าไม่มีเจตสิก เราจะเป็นคนไม่ได้ ไม่ว่าเจตสิกสัมมาหรือมิจฉาจะอยู่ในตัวเราหมด อันนั้นมันไม่แยก เป็นตัวอยู่ตรงนั้น เพื่อดำรงอยู่ในความเป็นมนุษย์ 

    (เจตสิก คือ สิ่งที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือให้ชั่วก็ได้ เรียกว่า เจตสิก เช่น เมตตา ปรุงแต่งจิตดี กตัญญูปรุงแต่งจิตดี จาคะปรุงแต่งจิตดี พยาบาทปรุงแต่งจิตชั่ว  ละโมบปรุงแต่งจิตชั่ว ทุจริตปรุงแต่งจิตชั่ว)

    อย่างหมาก็ต้องมีเจตสิก เพื่อดำรงความมีชีวิต ตั้งแต่เราเกิดในท้อง

    แล้วพระพุทธเจ้าล่ะ ไม่นับตอนสมัยยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แม้ให้นับตั้งแต่ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระพุทธเจ้าก็ต้องมีเจตสิกอยู่ในตัวท่าน

    แล้วตัวเจตสิกด้านมิจฉาก็มีอยู่ในตัวของพระพุทธเจ้า เพียงแต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านควบคุมได้ เอาออกได้ หมายความว่า ไม่กระทำตามเจตสิกมิจฉา ความว่า ไม่กระทำทำตามเปรียบเสมือนกับว่าเอาออก แต่ไม่ใช่ไปถอนออกมาได้ ไม่ใช่นะ เป็นไปไม่ได้นะ คนทั่วไปเข้าใจผิดอยู่เรื่อย

    เพียงแต่ว่าเราคุมเจตสิกมิจฉา แล้วเจตสิกมิจฉาทำงานไม่ได้ 

    เหมือนกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสังฆปรินายก  ตรัสว่า เปรียบเสมือนเราเลี้ยงหมาไว้ ๒ ตัว ตัวหนึ่งดีกับอีกตัวหนึ่งไม่ดี แต่หมาตัวที่ไม่ดีกินมาก ตัวดีกินน้อย หมาชั่วก็คุมเรา ฉะนั้น เราต้องให้อาหารหมาชั่วน้อยๆ จะได้ไม่มีแรง เราจะได้คุมหมาชั่วได้ พระพุทธเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเจตสิกมิจฉาหายไป หลุดไป อย่างนี้ไม่ใช่ 

    เพียงแต่กิเลสของพระพุทธเจ้าก็ยังมีอยู่ มีอยู่ตลอด ขนาดว่าเข้าสู่นิพพานยังมีกิเลสอยู่ แต่กิเลสนี้หมดแรง เขาเรียกว่า หมดศักยภาพ (Potential) เป็นอัมพาต เพราะว่าเราไม่ให้อาหาร เป็นกิเลสที่ยอมสยบแล้ว กิเลสสงบแล้ว กิเลสไม่มีศักยภาพที่จะมาทำอะไรเราได้แล้ว นี่แหละเข้าสู่นิพพาน เข้าสู่ความเป็นอรหันต์

    แต่เวลานี้กิเลสยังทำอะไรกับเราอยู่ ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เป็นปุถุชนคนธรรมดา กิเลสก็ยังมีแรงที่จะดิ้นรน คุมเรา บางเราก็จะทำดีได้ บางครั้งเราก็จะไม่สามารถทำดีได้ ทำชั่วบ้าง เพราะว่ากิเลสนี้มีแรงขึ้นมาเพราะเราไปป้อนอาหารให้กับเขา ให้อาหารแก่กิเลสมา กิเลสนี้ก็จะมาเล่นงานเรา ให้เข้าใจอย่างนี้ คนทั่วไปจึงเข้าใจผิดกันเยอะ

    คุณทำได้แล้วนะ คุณต้องทำได้อย่างสม่ำเสมอ สมมติว่า ตราบใดที่เราไม่ทำสม่ำเสมอ เผลอไปเอาอาหารให้กิเลสกิน กิเลสแข็งแรงขึ้นมา กิเลสก็จะเล่นงานเรา สมมติว่าเราไม่สบาย เรากินยาหายแล้ว แต่ถ้าเรามีพฤติกรรมอย่างเก่า เราก็จะเจ็บป่วยอย่างเก่าอีก

    สิ่งที่พูดเมื่อสักครู่นี้คือเป็นพลังข้างนอก ที่จะมารับเข้าไปสู่ตัวเจตสิกของเรา แล้วเจตสิกก็จะไปปรุงตามภาวะแห่งธรรม ถ้าหากว่าเราไปรับพลังที่เป็นมิจฉาเข้ามา พลังนี้ก็จะมาคุมให้จิตเราเป็นมิจฉา

    ถ้าสมมติว่าพลังมิจฉาเข้ามา ตัวเจตสิกข้างในก็มีตัวกรอง เช่น สติสัมปชัญญะกรอง   พอกรองมิจฉาแล้ว เรารู้ตัวว่าเป็นมิจฉา เราก็ต้องรีบขับออกมาข้างนอก เหมือนกับเรากินยาพิษเข้าไป ร่างกายของเรารู้ว่าเป็นยาพิษ ก็จะรีบขับออก แต่ถ้าตัวขับของเราไม่ดี ก็ขับพิษไม่ได้ สิ่งที่ขับพิษออกไม่ดีก็คือว่า เราไม่ได้ฝึกฝนการขับพิษ

    ทุกอย่างต้องมีตัวฝึกฝน อย่างเช่น เราเป็นโรคกระเพาะ ลำไส้ไม่ดี หมอห้ามกินน้ำจิ้ม ๓ รส เราดันไปแหย่น้ำจิ้ม ๓ รส ก็เลยเกิดเรื่องเกิดปัญหาขึ้น ต้องถามว่า น้ำจิ้ม ๓ รส วิ่งเข้าปากเรา?หรือว่าเราเอาเข้าปากเอง ก็ต้องเอาเข้าปากเอง เห็นไหม? 

    น้ำจิ้ม ๓ รส เป็นตัวพลังข้างนอก พลังแห่งความอร่อย ยั่วยวนเรา พอยั่วเราแล้วเราพลาด เพราะเรามั่นใจว่า กระเพาะเรา ลำไส้เราแข็งแรงขึ้นแล้ว เราพ้นแล้ว ก็มาลองสักหน่อย ก็เลยเปรี้ยง!! 

    ก็เหมือนกับว่าตอนนี้เรากินยาลงไปแล้ว พวกเชื้อโรคจะอ่อน เราอย่าคิดว่าเชื้อโรคจะหมด ไม่หมด พอเรามีอาหารให้เชื้อโรคได้กินปั้บ ไข้ก็จะขึ้นมาเลย

    เราต้องระวังตัวที่ว่าอย่าเอาอาหารให้มันกิน เวลานี้เขานี้ยังอยู่กับตัวเราไม่ได้ไปไหน คนเข้าใจผิด คำว่า "เอาออก" นั่นหมายถึง เราลดกำลังเชื้อโรค ไม่ให้เขาคุมเรา เขาไม่มีศักยภาพที่ทำเราไม่ได้ อย่างนี้ก็เหมือนกับเราเอาออก แต่ที่จริง เขาไม่ได้ไปไหน แรงกรรมยังอยู่ตลอด เราเผลอเอาเข้าไปก็จะเจอตลอด แล้วเหตุตรงนี้จะจบเมื่อไหร่ จะให้คำว่า "จบ" ไม่ได้ แต่เราจะใช้คำว่า "จะสิ้นศักยภาพเมื่อไหร่"

    ก็ต่อเมื่อเราเป็นอรหันต์ เข้าสู่อรหันต์ เข้าสู่นิพพาน พวกนี้ยังมีอยู่แต่ไม่มีศักยภาพ ไม่มีพลัง คือไม่มีสิทธิอันควรที่จะทำอะไรได้ ลดสิทธิ์เขา สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ในตัวพระพุทธเจ้า ไม่ได้ไปไหน แต่มันหมดสภาพ แค่ดำรงอยู่เท่านั้นเอง ทำอะไรพระพุทธเจ้าไม่ได้ เราต้องเข้าใจให้ถูกต้อง

    เจตสิก (Mental concomitants) เขามีอยู่แล้วทั้งพระทั้งพญามารมีอยู่แล้ว ทีนี้อยู่ที่ว่าเราไปรับอะไรเพิ่มเติม หรือว่าถูกเสี้ยม หรือว่าถูกให้ไปฝักใฝ่

    ทีนี้พลังข้างนอก พลังทั่วไปมีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับยังไง ตัวจิตของเราจะเป็นตัวรับ แต่สัมปชัญญะเป็นตัวกรองว่า อันนี้ควรจะเชื่อนะ อันนี้ควรจะเชื่อน้อย อันนี้เชื่อมาก อันนี้เชื่อได้ นี่แหละสัมปชัญญะมาพิจารณาเป็นตัวกรอง

    สัมปชัญญะ (Clear comprehension) คือตัวทำงาน ส่วนโยนิโสมนสิการเป็นเครื่องมือ สมมติว่าเวลานี้เราต้องการเจาะกำแพง สัมปชัญญะเป็นการคิดและพิจารณา ส่วนสว่านเป็นโยนิโสมนสิการ โยนิโสฯทำงาน สัมปชัญญะก็ทำงาน

    บางครั้งกิเลสหรือพลังที่เป็นมิจฉาเข้ามา บางครั้งเราไม่ได้โยนิโสฯ เราแค่สัมปชัญญะก็ดีแล้วนี่? ก็ดีแล้วแต่ว่าดีแล้วมาจริงแท้ขนาดไหน เราชัดเจนขนาดไหน ในเมื่อไม่พอเราก็ต้องนำตัวโยนิโสฯ เข้ามาร่วมด้วย โยนิโสฯ ถึงจะแยกโดยละเอียด 

    เหมือนกับว่าเราหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นมา เราบอกว่าเป็นแก้ว สัมปชัญญะบอกว่าเป็นแก้ว แต่เราจะรู้โดยละเอียดว่าแก้วนี้ทำด้วยอะไร เราต้องโยนิโสฯแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ไม่จำเป็นต้องรู้โดยละเอียดใช่ไหม? ก็ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องรู้โดยละเอียด แต่ถ้าเราจะรู้แบบละเอียดขึ้นก็ต้องใช้โยนิโสมนสิการ คือ วิเคราะห์ วิจัย วินิจฉัย ๓ ตัวนี้ แต่ในโยนิโสฯ เป็นตัวใช้ ส่วนสัมปชัญญะเป็นเครื่องมือ ส่วนอริยสัจ ๔ เป็นปัจจัยที่จะนำมาใช้ เหมือนกับว่าเป็นดอกสว่าน 

    เป็นขั้นตอนสัมปชัญญะกับโยนิโสฯ ไปพิจารณาเป็นขั้นตอน เช่น ๑. เหตุผล ๒. มีอะไรๆ เป็นต้น

^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต



 



Create Date : 20 พฤษภาคม 2562
Last Update : 20 พฤษภาคม 2562 14:11:10 น.
Counter : 1443 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต

ศึกษาเรียนรู้ธรรมะโดยธรรม นำมาปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมะนั้น ให้คนรู้จักบริหารกรรม แก้กรรม พัฒนากรรม ให้เกิดสันติสุข
New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2562

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog