พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ๑ ได้จัดขึ้นด้วยความตั้งใจของ อาจารย์วราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของและทรัพย์สินที่ได้รับมรดกจากมารดา คือ นางสอาง สุรวดี (ตันบุญเล็ก) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป ที่นี่จะมีป้ายอธิบายต่างๆตามห้องนั้นๆ “คุณตา คุณยาย คุณแม่ และลูกๆ คำเหล่านี้แทนคำพูดของเจ้าของบ้าน” คืออาจารย์วราพร สุรวดี จะได้เข้าใจตรงกันนะ บล็อกวันนี้ น่าจะยาวมากๆ เป็นแน่แท้ เอาเหอะน่า คือเมื่อคืนก่อน pragoong มานั่งทานขนมจีนกับ เพื่อนแถวๆคลองสานนั่งเรือข้ามฟากจากคลองสานมาท่าน้ำสี่พระยา ติดกับRiver city มานั่งดูวิวตึกสูงแถวคลองสาน เลยเดินเล่นแถวนั้น ก็เลยมองเห็นป้ายบอกทางพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ก็เลยกลับไปหาข้อมูลที่บ้าน ก็ไม่ไกลจากท่าเรือสี่พระยา เยื้องกับไปรษณีย์กลางนี่เอง พิพิธภัณฑ์บางกอก อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 43 เข้าไปเกือบสุดซอยอยู่ทางด้านขวามือ ใกล้กับร้านรับซื้อเศษกระดาษเก่า ประตูด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ส่วนทางเข้าจะเป็นด้านขวามือ ด้านในก็จะเป็นอาคารสองชั้น มีอยู่ด้วยกัน 4 หลัง ตามไปดูหลังแรกกัน เมื่อเราเดินเข้ามา ด้านขวามือจะเป็นบ้านสองชั้น ด้านล่างจำหน่ายหนังสือ กับของที่ระลึกทั่วไป หันมาด้านซ้ายก็จะมีบ้านที่เราจะเข้าไปดูกันด้านใน ลักษณะเป็นเรือนปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวสีแดง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2480 โถงกลางล่าง จากประตูหน้าบ้าน โปร่งโล่งจนถึงด้านหลัง มีที่นั่งบริเวณข้างสระน้ำ เริ่มจากห้องรับแขก เป็นห้องเตรียมไว้รับแขกในโอกาสต่างๆ ยังเป็นห้องเล่นเปียโนของ คุณแม่อาจารย์อีกด้วย โดยมักจะเกณฑ์ลูกๆมาร้องเพลงในยามว่าง .. “ห้องนี้มีเปียโนคู่ใจของคุณแม่เป็นของขวัญจากคุณตาเมื่อครั้งเป็นนักเรียนคอนแวนต์” ห้องหนังสือ หรือ ห้องเขียนหนังสือ “ส่วนหนึ่งเป็นหนังสือของคุณหมอ ซึ่งเป็นตำราทางการแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษและหนังสือเรียนภาษาอังกฤษของคุณแม่และลูกๆ ห้องนี้เคยเป็นห้องนอนของคุณยายเล็กซึ่งติดกับห้องน้ำ” ห้องน้ำสมัยก่อนยังไม่มีประปา อ่านเอาเองนะ ไปต่อกันที่ “ห้องอาหาร” บนโต๊ะมีภาชนะลายครามแบบจีน และ มีเครื่องเคลือบ สีเขียวไข่กา จากทางตอนใต้ของประเทศอิรัก Pragoong แอบเห็นรอยแตกของตู้กระจก สมัยก่อนเค้าซ่อมกันอย่างนี้นี่เองอะ มิน่าเหรียญถึงได้มีรู ตามขึ้นไปดูด้านบนกันดีกว่า ขึ้นบันไดระวังกันด้วยนะ เครื่องอัดผ้า อัดผ้านุ่ง “อัดไว้สองวันก็จะขึ้นกลีบโง้งสวย ตรงตำแหน่งของผ้านุ่งโจงกระเบนพอดี” ห้องนอนคุณยาย “ประกอบด้วยเตียงไม้โบราณแบบฝรั่งมีเสามุ้ง ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง รัชกาลที่ ๖ ภายในมีพระพุทธรูปบูชา สมัยอยุธยาตอนปลาย และสมัยรัตนโกสินทร์" "ห้องบรรพบุรุษ" ปัจจุบันจะเป็นที่เก็บอัฐิของบรรพบุรุษ ยังจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของคุณยายใหญ่และคุณยายเล็ก ชามกระเบื้องเบญจรงค์ลายเทพพนม เบญจรงค์ลายน้ำทองยอดทอง ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัย ร.๕ ห้องแต่งตัวแบบยุโรป ในห้องมีโต๊ะเครื่องแป้ง อ่างล้างหน้า มีกระจกประดับทั้งสามด้าน แบบศิลปะเดโค ห้องนอนใหญ่ ห้องนี้ต่อเติมภายหลัง พ.ศ. ๒๕๐๕ เมื่อพี่สาวอาจารย์ กลับมาจากอเมริกา จุดสังเกตทุกห้องมีประตู ทางเข้าได้ 2 ทาง สามารถเชื่อมกันได้หมด และยังคงเอกลักษณ์ไทย ในด้านความโปร่งโล่ง สอดคล้องกับสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวบางกอกในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ คือระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๔๘๐- ๒๕๐๐ เยี่ยมเลยคะ...ได้ความรู้อีกมากมายเห็นแล้วอยากไปซ๊ะแล้วสิ ไม่ไกลบ้านเท่าไหร่เลย ขอบคุณที่นำความรู้และเรื่องดีๆมาให้ชมกัน
โดย: ปราสาททรายสีรุ้ง วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:7:03:12 น.
อยากไปแต่ยังไม่มีโอกาสสสสสสสสสสส T_T
โดย: dreamtalui IP: 172.22.210.238, 203.158.218.67 วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:11:58:36 น.
ไปสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ได้ต่อที่ภาค ๒ ด้วยนะครับ
โดย: pragoong วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:13:19:35 น.
สมัยเรียนแถวนั้นเวเลซชอบมองเข้าไปที่ประตูบ้านหลังนี้..
ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ไปซะแล้ว.. โดย: VELEZ วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:22:51:01 น.
บริเวณด้านในดูเหมือนเล็กๆ แต่มีหลากหลายบรรยากาศให้เยี่ยมชม
โดย: pragoong วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:10:32:39 น.
|
Pragoong
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |