กาญจนบุรี-สังขละ ภาคต่อ
วันที่ สอง 16 เม.ย 53 จุดหมายปลายทางวันนี้ จะไปอำเภอ สังขละบุรี ดีใจ อยากมาเยือนนานแล้ว ออกกันแต่เช้า ว่าจะไปใส่บาตร ซะหน่อย เพื่อนตื่น ตี 4 ทยอย กันอาบน้ำ แต่เดี่ยวตื่น ไปอาบกันก่อน ช้านิด ออกเดินทางกัน 6 โมง เช้าจริง นั่งรถอีกไกลมั่ง อ้อ เมื่อคืน ผ่านมาเห็นเงา แว่ว ๆ ดูซิ มันเป็นน้ำหรืออะไร แต่เดี่ยวก่อน นี้มันหน้าร้อนนิว้า ไงมีหมอกด้วย เปิดกระจก ไม่เปิดแอร์ รับอากาศดี ๆ กัน อะเห็นแล้ว ไอ้เงา ขาว ๆ เมื่อคืน อ้อ เป็นเวิ้งน้ำ ใหญ่ ของเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิรลงกรณ์ เป็นเขื่อนของแม่น้ำแควน้อย ส่วน เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นของแม่น้ำแควใหญ่ เมืองกาญ มีเขื่อน 2 แห่ง อืม อากาศดี ง่วงนอน นอนดีกว่า เฮ้ย.....! ตื่น ดูแม่น้ำกัน แม่น้ำสามประสพ ช่ายปะ อ้อ สวยดี ตื่นก็ได้ อยากจะบอกผู้ที่ต้องการไปอำเภอสังขละ กันหน่อย ใครยังไม่เคย จะบอกว่า ก่อนถึงอำเภอ ทางจะเป็นลงเขา อย่าขับเร็ว อันตราย เดี่ยวหลุดโค้ง นั่งดูแล้ว ขากลับ กลับไงว่ะ ไอ้ถุงเงินเครื่อง 1300 เอง เออ....เด่ว ค่อยว่ากันนะ ไปก่อน พอถึงทางเข้าตัวอำเภอ โห.... ตื่นตา ตื่นใจ พระองค์ ใหญ่ แต่รูปร่างแปลกตา เป็นรูปทรงแบบ พม่า ที่ดูว่าชาวบ้านน่าจะช่วยกันสร้างขึ้น ดีจัง อยากถ่ายรูป แต่ ไอ้คนขับมันไม่หยุด เซ็ง ...อะ ไปต่อ ขับไปตามทาง มีป้ายบอกว่าทางไป วัดวังวิเวการาม ของหลวงพ่ออุตมะ มีเจดีย์พุทธคยา เจดีย์ประจำปีเกิด คนปีมะเส็ง เจ้าของ blog เกิดปีนี้ จะไปที่อินเดีย ก็ไม่ไหวอะ ไหว้ที่นี้ เหมือนกัน ถึงแล้ว เจดีย์ใหญ่จัง เป็นเจดีย์ที่ชาวบ้านร่วมกับหลวงพ่อ ช่วยกันสร้าง และได้รับการพระราชทานยกฉัตร ที่เป็นทองคำหนัก 400 บาท ภายในเจีดย์ มีพระประจำวันเกิด เดินขึ้นไปจะเป็นเจดีย์ มีพระวางอยู่ในวงกลม จนถึงยอด โอ สูงจัง ไหว้พระเสร็จ เดินลงมา เอะ....แปลกใจตอนขามาถึง เห็นชาวบ้านที่เป็นผู้ชายรวมตัวกัน และมีราวไม้ไผ่ ขนาดใหญ่ เขาทำอะไรหว้า เดินดู ดู มอง ๆ แบบไทยมุ่ง อ้อน่าจะเป็นที่สรงน้ำพระ แบบชาวมอญ เท่าที่จะสังเกต จะเป็นผู้ชาย ทั้งนั้น ดีจังดูทุกคนร่วมมือกัน จากที่ได้รับข้อมูลอ่าน มาบ้าง คนที่นี้ ยังไม่ได้รับสัญชาติ ไทย ไม่มีสัญชาติ ด้วย แต่เขาดูรักและศรัทธาในสิ่งที่เขาทำ ไป ต่อแต่เอะ ทำไมวัดหลวงพ่อมีแต่เจดีย์แล้วโบสถ์ วิหาร อยู่ไหน งง ......คงมีแค่นี้มั่ง ไปนั่งเรือดูวัดเก่าที่อยู่ในน้ำกันดีกว่า unseen Thailand ราคาเรือ ลำละ 300 ไป 6 คน ตกคนละ 50 บาท เตรียมน้ำแดงโซดา น้ำแข็งไปกินในเรือด้วยแหละ แนะนำ แดงโสดา อร่อย ดี ลองทำดูนะ ไม่ยาก ตามชื่อแหละ ไม่มีสูตร ไปลองทำกันเอง ถึงแล้ว ลุงขับเรือบอกว่า น้ำนี้เป็นของเขื่อนเขาแหลม โอโห....มันกว้างมาถึงที่เนี้ยเลยใหญ่จัง เดือนเม.ย น้ำจะลง สามารถเดินเข้าไปในตัวโบสถ์วัดเก่านี้ได้ เดินกันดูรอบ ๆ ยังคงสถาพของโบสถ์อยู่เลย เดินไป ถ่ายรูป เขาเรียกให้กลับมาลงเรือ จะไปได้สะพานมอญต่อ คุณลุง ก็ชี้บอกว่าตรงนี้เป็นอะไร เคยเป็นอะไร เลยถามลุงว่า ลุงอยู่ตอนที่เขาปล่อยน้ำมาปะ ลุงบอกว่า หิหิ ลุงคน พิจิตร มาหากินที่นี้ มาไม่ทัน แต่ที่พอรู้ คงมีคนบอกแต่เชื่อถือได้ เอา...ไม่ว่ากัน คนไทยอยู่ที่ไหนถ้าขยันไม่อดตาย ลุงบอกว่าวัดใหม่ ข้างบนนะใหญ่กว่าวัดเก่านี้ .........! ลุงว่าใหญ่กว่าเลย หนูว่าวัดเก่า ใหญ่กว่าอีก ใหญ่ตอนไหนหว้า วัดใหม่ งง ก็ยังคงเก็บความสงสัยไว้ ไปเดินเล่นสะพานมอญ ที่มีการบูรณะให้มั่งคง ถ่ายรูปไปกันเดินจนถึงอีกปลายของสะพานอีกฝั่งเพื่อกลับรถ เห็นโปรการ์ด ส่งกลับบ้านจ๊ะ น้องคนขายบอกว่า พี่ไปครบยังนี้ ครบแล้วนะน้อง บอกน้อง สะพานก็มาแหละ วัดเก่า ก็ไปแล้ว เจดีย์ ก็ ไปแล้ว แล้วพี่ไปไหว้หลวงพ่อยัง ฮือออออ...อยุ่ตรงไหนอะ มีด้วยเหรอ ก็ที่เจดีย์ไม่ช่ายเหรอ ไม่นะพี่ พี่มาถึงพี่เลี้ยวซ้ายไปเจดีย์ช่ายปะ พี่ต้องเลี้ยวขวาไปวัดหลวงพ่อ เหรอ ไปบอกไอ้คนขับมันหน่อย ไปนะ อยากไหว้หลวงพ่อ มาถึงแล้วเกือบไปแล้ว หลวงพ่ออุตมะมรณภาพ เมื่อปี 2549 ซึ่งสภาพศพท่านไม่เน่าเปื่อย ทางวัดจึงเก็บไว้ ถามพี่ที่เขาดูแลว่าจะปลงศพไหม เขาว่าไม่นะ เก็บไว้อย่างนี้ อืม ..... ขอบคุณค่ะ อ้อพี่ ท่านอายุเท่าไรค่ะ ตอนที่ท่านเสีย 96 ครับ อืม... ได้ถวายสังฑาน กันด้วย อิ่มบุญ แต่ท้องร้องไปหาข้าวกินกัน ระหว่างกินข้าว ไอ้คนขับบอกว่า เดี่ยว กลับรถตู้ไปลง ทองผาภูมิ นะ กลัว ไอ้ถุงเงินไม่ไหว ไรวะ.... เออ ก็ได้ นั่งรถตู้ ก็ได้ ยังต้องกลับกรุงเทพ ถ้าไอ้ถุงเงิน เสีย จะแย่ รถตู้ มาจากด่านเจดีย์ 3 องค์ แวะเข้าไปรับผู้โดยสารที่สังขละ ไป ทองผาภูมิ 80 บาท แต่ที่ดูก็มีจากตัวกาญ และจากกรุงเทพฯ ด้วย ไม่ทราบราคา สภาพรถ ใหม่ค่ะ แอร์เย็น สบาย แล้ว ก็ หลับดีกว่า ตลอดทางจะมีด่านตรวจ ของเจ้าหน้าที่ตะหาร ไม่เป็นไร ตรวจไป แต่บัตรนักศึกษาไม่สามารถช่วยได้ ต้องบัตรประชาชน นะค่ะ
เสาหลักอยู่กลางสะพานมอญ 5555 ยกมาแล้วเอาไปเก็บที่ด้วยนะ...เพ่ เดินทางมา ประมาณ 1 ชั่วโมงมาถึง ทองผาภูมิ เร็ว ดี แล้วก็มาขึ้นไอ้ถุงเงินต่อ ไปต่อ เวลาขณะนั้น บ่าย สอง ไปต่อ เราจะไปน้ำตก กับ น้ำพุร้อน ผาตาด 5555 น้ำตก ไม่มีน้ำ กลับ น้ำพุร้อน ก็ได้ ขับเข้าไปทำไมวะ ไปเล่นน้ำพุ กัน ร้อนได้ใจ กลางวัน เมืองกาญ มันร้อนนะค่ะ ร้อนมาก ยังจะมาอาบน้ำพุร้อน กันอีก โอ้ย ....ได้ประมาณชั่วโมงไป น้ำอาบเย็นกัน เดี่ยวต้องแวะ ไปซื้อของทำสุกี้ กันตอนเย็น มีเสียงแว่วมา เฮ้ย ออกอะไรว่ะ โทร.ถามดิ จิงเหรอ ออกจิงอ ะ 96 แก ออกจิง ๆ 5555 30 บาท สบายใจ วันที่ 17 วันที่สามของการเดินทาง กลับกรุง วันนี้ แต่ไปเขื่อนวชิลาลงกร และศรีนครินทร์ กับน้ำตกเอราวัณ เมื่อวานไม่ได้เล่นน้ำตกวันนี้ ขอเล่นหน่อยนะ ไปถึง คนไม่เยอะเลย ทางเข้าเจ้าหน้าที่ดัก พี่ มีอะไรที่เป็นแก้วปะ เมื่อเหล้าไม่มีนะ ไม่กิน อ้อ น้อง พี่มีน้ำปลาหวาน เป็นขวดแก้ว น้อง จะเปลี่ยนปะ อืม .... ไปเถอะพี่ ผมให้พี่ผ่าน อย่างนี้ก็ดี เพราะคนไทยชอบไปเที่ยวน้ำตกแล้วเอาเหล้าไปกิน ไปดื่ม แล้วก็เมา เมาก็ปะขวด แสดงอนาเขตของตัวเองกัน ดูป้าย ชั้นไหนดีอะ 7 เหรอ ไม่อะ ไม่ไหวมั่ง อะ 5 แล้ว เออ 5 ก็ 5 ไปเดิน ของกินเพียบ อิ่มแน่ หยุดครับ ไม่ให้ขึ้นนะครับของกิน ฝากที่นี้ เด่ว ไปเล่นน้ำให้เหนื่อย ค่อยลงมากิน เหรอ...ค่ะ เอาไปไม่ได้เหรอ น้ำอะ ได้ปะ น้ำได้ โธ่ ส้มตำฉัน เซ็งพอดี อะกฎก็เป็นกฎ เดินไป เดิน ไป ชักโมโห ร้อน เหนื่อย ทำไมมันไม่ถึงซะที พอแล้วได้ปะ เล่นตรงนี้ เหนื่อยโว้ย.....! อีกนิด น้ำมันยังไม่งาม เออ เอางาม แต่ตูจะแย่แล้ว... อะถึงแล้วชั้น 5 น้ำโอ มีปลา คนยังไม่มา จะบอกว่า ตลอดทางที่เดินมา นักท่องเที่ยว ฝรั่งค่ะ ฝรั่งมาเล่นน้ำตกด้วย แบบ ไม่ค่อยเห็น เห็นแต่จะไปทะเลกัน ถึง ชั้น 5 วางของ แม่เจ้า ...ฝนตก ไรวะ หยุดแหละ ไรนี้ อะตกอีกแหละ อะหยุดอีก เออ ตามใจจะตกก็ตก ฉันจะเล่น ปลาก็ตอด น้ำเย็น สังเกต ฝนตกนิด น้ำดูเยอะขึ้นแรงขึ้น อย่างนี้มั่งที่เขาบอกว่า ถ้าฝนตก ระวังน้ำป่าไหนหลาก น้ำเย็น ทำสปาเท้าให้ปลาตอด ไปเถอะเดี่ยวกลับกรุงเทพฯค่ำ เดี่ยวเข้าเมืองไม่ได้ กลัวม๊อบ ก่อนกลับกรุง แวะเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุด ตรงนี้แหละที่เขากลัว ถ้ามีรอยดแตกของเปลือกตามรอยแนวอำเภอ ศรีสวัสดิ์ ใหญ่มาก ไปแป๊ป เดินทางกลับกรุง แวะซื้อของฝากด้วยนะ ศรีกาญ เค้กฝอยทอง 90 บาท 1 ปอนด์ กับสลิ่ม 75 บาท ทริปนี้ เก็บไป คนละ 1000 3 วัน 2 คืน แนะนำ น้ำแดงโซดา ดับร้อนค่ะ เค้กฝอยทอง คำฮิต ติดปาก มันไปช่วยกู้ชาติ มึงเหรอ (ดูได้จากเดี่ยว 8 โน้ตนะจ๊ะ) แล้วพบกันทริปหน้า .... มีเรื่องเล่าอีกเยอะ
Free TextEditor
Create Date : 26 เมษายน 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 26 เมษายน 2553 19:46:15 น. |
Counter : 2500 Pageviews. |
|
|
|