Iceland 1 : Reykjavik
เราออกจากสนามบิน Oslo Gardermon ของ Norway ประมาณ 4 ชม. เราก็แลนดิ้งที่สนามบิน Keflavik ของประเทศ Iceland >>> Finally, We r here..
พื้นดินที่ไอซ์แลนเมื่อมองลงมาจากเครื่องบินนี่มันช่างสวยแปลกตาซะนี่กระไร บางโซนเป็นสีเขียวเข้มมากๆ บางส่วนเป็นสีแดงสด มีสีหลากหลายมาก และดูๆว่ากลางประเทศไม่น่าจะมีคนอาศัยเท่าไรนัก ดูอากาศแห้ง พื้นดินดูเป็นทะเลทรายมาก ก็แน่หล่ะสิ ทั้งประเทศมีคนอยู่ 330,000
รูปบางส่วนบนอากาศ
ที่ชายฝั่ง
ไม่มีเงินไอซ์แลนด์ติดตัวมาสักโครน เตรียมพกบัตรเงินสด Citibank มา ทำมาใหม่เอี่ยมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ >>> ผลปรากฏกดเงินไม่ได้ แป๋วววว ทำไงดีอะ เพราะเพิ่งสังเกตุว่าที่ตู้ไม่มีสัญลักาณ์ ATM Pool กะ Plus อยู่ ที่แต่ป้าย VISA กะ Master Card สักพักรถที่เช่าไว้ เราแจ้งว่าเราจะมารับรถบ่ายโมง เราแลนด์ประมาณเที่ยง แต่พนง.ก็มาตามหาเราประมาณ 12.45 ไปก็ไป ไม่มีเงินสดติดตัวสักแดงเดียว มียูโรคงไม่เป็นไร แต่พอถามเจ้าหน้าที่ที่มารับ เค๊าบอกเงินยูโรคุณเติมน้ำมันไม่ได้นะ ปั้มเค๊าไม่รับ ..เครค่ะพี่ ตายเอาดาบหน้าต่อไป ไปรับรถเสร็จ ก็ขับเข้าเมืองหลวง Reykyavik ซึ่งห่างจากสนามบินราว 40 นาที ไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน และ ไปซื้อสเบียงตุนสำหรับเดินทางอีก 10 วันข้างหน้า ที่จะไว้กินกันหิวบนรถและอาหารสดบ้างเผื่อวันพรุ่งนี้ที่จะไปนอนกลางทุ่ง เผื่อสัก 3 วันก่อนละกัน วันที่อยู่เมืองใหญ่หรือวันที่เราขับถึงเมืองเร็วเราก็สามารถทานอาหารที่ร้านอาหารได้ค่ะ ถ้าไปถึงมืดมากก็ต้องอาหารที่พกมา เพราะที่นี่ปิดเร็วมากค่ะ Supermarket ก็ปิด 5-6 โมง แล้วแต่วัน แต่บางวันก็ปิด 1 ทุ่ม แต่เมื่อมาถึงเมืองเลทกว่านั้นก็ต้องสเบียงที่ตุนเท่านั้นค่ะ ที่ต้องตุนมากเพราะพี่เหลียงของอิฉันฮีเลือกทานค่ะ อันนี้ก็ไม่กิน อันนี้ก็กินไม่ได้ อันนี้กินไม่เป็น ส่วนอิฉันพวกง่ายๆกินได้ทุกอย่าง ก็กินตามไปด้วย คือว่าตั้งแต่มาเหยียนแผ่นดินสแกน พวกเรากินซูชิทุกมื้ออะค่ะ 555 ฮีไม่ชอบอาหารขยะ อาหารมันๆ จะพูกง่ายๆ คือ Fish&Chip ไม่กิน พี่เค๊าต้อง Fine Dining แล้วที่บ้านนกนี่มันมีที่ไหนกันเล่า... ลองดูละกันว่าจะรอดไหม กินไม่ได้ก็กินฝีมือแม่ครัวหัวป่า คืออิฉันเองก็แล้วกันนะ ช๊าานจะคุ๊กให้เธอกินเอง 5555
เมื่อแรกรับรถออกมาจากสนามบิน สักพักเมื่อเคลียร์ทุกอย่างเข้าที่ก็เริ่มถ่ายภาพ
อ้อ เรื่อบัตร citibank ready credit ยังไม่จบ เห็นในเมืองมีตู้สัญลักษณ์ Pool, Plus อยู่ แต่ไม่ได้กด เห็นที่ไหนๆก็ใช้บัตรเครดิตได้เลยไม่ได้สนใจกดเงิน เพื่อนก็บอกว่าบัตรใช้ได้ทุกที่แหละ ก่อนอื่นขอเล่าว่าทำไมต้องกระเสือกกระสนไปทำบัตรนี้มา เพราะว่าบัตรATM ใดๆก็ตาม ที่กดเงินสดจากตู้ต่างประเทศ จะต้องเสียค่ากด 100 บาท พร้อมด้วยค่าเงินที่คิดเรทบวกค่าความเสี่ยงค่าเงินอยู่ 2.5% ในเมื่อทุกที่ คิด 2.5 เท่ากัน แต่บัตรนี้ไม่คิดค่ากด กดที่ไหนในโลกก็ฟรีไม่คิดค่าธรรมเนียม แต่มันเป็น credit จึงจะคิดดอกเบี้ยเหมือนการกู้ยืมเงินธนาคาร เราจึงเตรียมแผนไว้แล้วว่ากดเงินปุ๊ป ก็ส่ง Txt ไปบอกคนที่ประเทศไทยให้นำเงินไปจ่าย ในวันเดียวกันทันที คุณก็จะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยไง ดีงาม...ว่าม๊ะ
ออกมาจากสนามบิน หยิบๆโบรชัวร์มา เมื่อมาเห็นบนรถ กรี๊ด แรงๆ อยากไปทัวร์นี้
ไปเช็คอินเข้าโรงแรม แล้วออกไปซุปเปอร์มาร์เกต เพราะเกรงว่าเมื่อไปพักกลางทุ่งและ on the way จะไม่มีสแนค และ อาหารกิน จึงเตรียมไปตุนเสบียงก่อนร้านปิด อากาศเย็นมากนี่นะ อิฉันก็เลยซื้อหมูสับเตรียมไปเยอะหน่อย เพราะทรั้งค์ท้ายรถเราคือตู้เย็นดีๆนี่เอง ในซุปเปอร์ซุปเปอร์หมูโบนัส (ชื่อร้าน Bonus Supermarket ที่มีรูปหมูสีชมพูเป็นโลโก้) พนักงานโรงแรมแนะนำให้ไปใกล้ๆ มีของ Oriental ด้วย มีน้ำปลา สี่อิ๊ว พริก สารพัด โอเครหล่ะ เราได้เครื่องปรุงครบสารพัด และยัยพลอยแอบพกผงปรุงลาบมาด้วย เผื่ออยากกินเปรี้ยวๆ คงรอด ชีส เนย ขนมปัง ซื้อให้ครบสรรพ คือประมาณอยู่ได้ทั้งสัปดาห์ ฮีมีหน้าที่เข็ญ ยัยพลอยมีหน้าที่หยิบ ฮีถามเธอจะอยู่กี่เดือน 5555 และงงๆกะยัยพลอยที่หยิบของสดมาด้วย ฮีคงหวั่นในใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกะชีวิตฮีในอีก 10 วันข้างหน้านี้ เพราะ ฮีมาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไปไหนทำอะไร ไม่รู๊..เลย มาแบบBlinding มาก ฮีบอกว่าเธอเลือกที่เที่ยวแล้วคงโอเคร เราไม่ต้องรู้หรอกเดินตามแผนของเธอก็พอ 555 แน่ใจนะ!! 5555 ฉันคิดแผนคนเดียวทำแผนคนเดียว โดยผ่าน Gg Map กะ Tripadvisor และ ก็ พี่Wiki กันอยู่ 3 คนนะ ถ้าเชื่อใจก็ตามมา
เย็นนี้ยัยพลอยมีนัดทานอาหารเย็นกับเพื่อนคนเรคยาวิค "Ingolfur" นายนี่คือตนที่เราพบกันและใช้ชีวิตแบบรีสอร์ทปิดกันอยู่ที่ป่าอเมซอน ที่เปรูเป็นเวลา 7 วัน ก็เลยคุ้นเคยกันพอสมควร ฮีชนะเลิศการประกวดถ่ายภาพ ได้รางวัลเป็นการท่องเที่ยวทริปป่าAmazon แต่ที่เด็ดกว่านั้น ฮีมากะ พวกนักถ่ายภาพและถ่ายทำสารคดีของ National Geographic ทั้งทีม (ขอบอก พวกนี้ใช้ชีวิตสุดขั้วและบ้าระห่ำมาก) พวกเค๊าใช้กล้องและเลนส์แบบซุเปปอร์บาซูก้ามากกกก แบบไม่เคยพบเคยเห็น คนนึงกล้อง 4-5 ตัว กะเลนส์เป็นสิบ ใช้ชีวิตอยู่และได้เห็นพวกเค๊าใช้ชีวิต มันก็ดีนะเป็นการเรียนรู้โลกในอีกมุมนึง สนุกดีค่ะ และแล้วเวลาในป่าอเมซอนก็หมดลงอย่างรวดเร็ว พวกเราจากลากัน และคิดว่าไม่รู้จะได้พบกับอีกเมื่อไหร่
ในที่สุด...หลังจากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลา 1 ปี และไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก หลังจากการจากลากันคราวก่อน แต่ everything is possible แฮะ โลกก็หมุนกลับมาให้เราได้พบกันอีก เรานัดกันที่หน้าโบสถ์ ในเมืองเพราะเป็นจุดนัดพบเดียว ที่หากันง่ายที่สุด ก่อนอาหาร ฮีก็พาเราเดินรอบๆเมืองหลวงและอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ฟัง
โบสถ์ Hallgrimskirkja สูงที่สุดในเมืองReykjavik
ประตูทางเข้า
ด้านข้างประตู ที่นี่สามารถซื้อเทียนจุดได้ แต่อิฉันไม่มีเงินอะ 555 ได้แต่ยกมือไหว้🙏🏼
ที่ มุมของโบสถ์จะมีที่ขอพรจากพระเจ้า
เครื่องดนตรีของโบสถ์
ใน Hall
เมื่อออกมาจากโบสถ์กำลังถ่ายรูปอยู่ ก็หันไปเห็นชายผู้หนึ่งกำลังโดนนักท่องเที่ยววานให้ถ่านรูปให้อยู่ ใช่แล้ว Ingolfur นั่นเอง กอดกันกลมด้วยความดีใจก่อนค่อยเม๊าส์
เมืองหลวงที่เงียบๆ เล็กๆ แต่น่ารัก ของด้านในเห็นแล้วใจละลาย
ฮีเดินพาไปชมเมืองผ่านร้านช๊อปปิ้ง และบอกว่าอย่าลืมซื้อของกันหนาวที่นี่ แต่ฮีบอกว่า "Probaly not because your home so so hot" 555 "I just said incase you buy for your next trip" 555 แก้เขิน
เดินมาสุดถนนช๊อปปิ้ง ทางขวามือมี ที่ทำการนายกรัฐมนตรีในอดีตตั้งอยู่ เดิมเป็นที่เคยเป็นสถานที่ เซ็นสัญญา ปฏินยา อะไรซักอยางเลยเป็น landmark สำคัญ แต่ก่อนหน้าจะมาสร้างที่นี่เคยเป็นคุกมาก่อน เราสมารถมองเห็น Opera House ได้จากที่นี่ เดี๋ยวเราค่อยกลับมานะ เพราะฮีอยากให้ไปมิวเซี่ยมที่ข้างเลคมาก เลยรีบไปก่อน เดี๋ยวปิด
ร้านนี้เดิมเป็นบ้านไอซ์แลนด์ที่เก่าแก่ที่สุด แบบ Original เลย ในเมืองที่เหลืออยู่จากไฟไหม้เมืองหลายต่อหลายครั้ง บ้านเรือนที่นี่ทำจากไม้ เมื่อไฟไฟม้ก็หมดเมืองเลยจิ ตอนนี้เป็นร้านขายเสื้อผ้า
ยัยพลอยก็เลยถามว่าทำไมถึงเกิดไฟไหม้เมืองบ่อยๆอะ... ฮีหัวเราะ งงๆกะคำถามปัญญาอ่อนของอิฉัน ฮีเลยบอกว่า Probaly Icelandic people like to make fire...5555 ยัยพลอยเลยนึกขึ้ได้ อ้อ maybe จริง เพราะสมัยก่อนมันหนาวก็เลยตัดไม้มาผิงไฟกันแหงๆ ไฟเลยไหม้เมืองประจำ 5555
ไปกินข้าวร้านนี้ เป็น Fish Market ก็อาหารฝรั่งอะนะ แบบฟิช ฟิช ไป
ใกล้กัน เป็นexhibition แสดงให้เห็นถึง Habitat ของชาวไอซ์แลนด์ที่เค๊าคิดว่ามาอยู่ที่นี่กันที่แรก
น่ารักม๊ะ บ้านเลขที่ 871 +- 2
แสดงให้เห็นถึงที่อยู่กันสมัยมาตั้งงรกราก
ศาลาว่าการเมือง ฮีบ่นสุดๆว่าคนทำแลนด์สเคปทำบ้าอะไร ทางเดินไม่ตรงกะทางเข้าประตูตึก จะถ่ายรูปสวยได้ไง
ศาลาว่าการหันทาง โบสถ์หันอีกทาง สมมัยก่อนคงตั้งๆไปงั้น ไม่คิดว่า พอมาสมัยนี้แล้วมันไม่ใช่อะ 55ฮีบ่นไป ชวนยัยพลอยถ่ายรูปไป
ริมเลค วิวดีฉมัด ทางเข้า Museum มาถึงคนที่เดินออกมาบอกปิดจ๊ะ 😰
มีรูปปั้นนี้อยู่ เจ๋งดี เอ้ยไปเป็นนายแบบให้หน่อยจิ
ฟีลลิ่งโรแมนติกสุดๆ
แต่มีมีคนให้ฟีลด้วยเพราะพี่แกรเค๊าไม่ฟีลกะอิฉันด้วย ก็ฟีลไปเองคนเดียวก็พอ55
ถนนช๊อปปิ้ง ที่มีแต่ของหนาว และ ของเครื่องใช้ในบ้าน ของแต่งบ้าน น่าร๊อคอะ อยากขนกลับบ้านจัง
ร้านค้าที่นี่แต่เพนท์สีสันสวยดี
อ้อ ขอ Recommended ร้านขนมกะช๊อคโกเลตร้านนี้ อร่อยมากๆค่ะ เลือกซื้อได้เป็นชิ้นๆไปค่ะ ดีงาม มีน้ำมันสลัดเห็ดทัฟเฟิ้ลขายด้วย อร่อยดีงาม แถมคนขายหล่อมากด้วย
ยัยพลอยดีใจมากที่การมาเที่ยวครั้งนี้ ดิฉันสามารถเป็นเพียงผู้ดูได้ ไม่ได้เป็นเหยื่อเหมือนทุกๆครั้ง (ดีใจนะ) แล้วเราจะค่อยๆลดลงนะ ทุกทีซื้อแหลกซื้อราญ ซื้อทุกสิ่งที่อยากได้ ซื้อมันทุกอย่างเพียงเพราะว่ามันคิ้วตี้ หรือบางที เพราะว่ามันเป็นสีพาสเทล หรือเหตุผลบ้าๆอะไรก็ได้ที่เอามาอ้างกับตัวเองเมื่ออยากจะได้ และไม่ได้ใช้สติยับยั้งตัวเองเลย ถึงแม้สิ่งนั้นจะไม่ได้ใช้งานมันก็เถอะ หรือมีหลายอันแล้วก็ตามที เหมือนเมื่อคราวไป โคเปนฮาเก้น เคยแบกถังขยะแบบเหยียบแล้วฝาเปิด ยี่ห้อแบรนด์อะไรซักอย่างของCPH อยากได้เพียงเพราะมันเป็นสีพาสเทล ขนกลับเมืองไทยไป คนข้างๆอิฉันก็หน้าบูดเพราะต้องช่วยอิฉันเดินถือถังขยะไปตลอดการช๊อปวันนั้น และจนมาบัดเดี๋ยวนี้ ถังขยะมันก็ยังตั้งอยู่ที่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่ได้ถูกใช้งาน จนกำลังจะไป CPH อีกรอบ ไม่รู้ว่าจะเอาไปตั้งไว้ที่ไหน เพราะทุกจุดที่ควรจะมี มันก็มีถังเดิมของมันตั้งอยู่แล้ว 🙄 เมื่อเก็บบ้านหลายๆครั้งเข้า สุดท้ายของพวกนั้นได้ถูกโยนทิ้งทั้งๆที่แบกมาด้วยความยากลำบาก และไกลแสนไกล บัดนี้ได้ความคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องซื้อ ต้องมีทุกอย่างหนิ มันไม่ได้จำเป็น มีของให้น้อยชิ้น ภาระน้อยลง ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งของอย่างเดียวกัน ยี่สามสิบชิ้น เพียงเพราะมันสีต่างกัน หรือความน่ารักของมัน หรือ เพราะเหตุผลบ้าๆอะไรก็ตามที ที่ขนระดมคิดออกมาจากสมอง เอาออกมาอ้างให้กับตัวเองเพื่อที่จะซื้อมันมา ต่อไปยัยพลอยสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ เป็นผู้ดูให้มากขึ้น ถึงแม้จะทำได้ไม่ทั้งหมดก็ตามที... ฉันจะพยายามนะจ๊ะ... ร่างกายของฉัน...ยัยพลอย
Opera House / night view
เดินกลับมาที่โบสถ์เพราะเราจอดรถไว้ที่นี่
กินอิ่ม เพื่อไปนอนหลับ... ไม่ใจ้ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อนนะ จะหาว่าไม่เตือน 555 ได้เวลากลับโรงแรมพักผ่อน เพื่อพรุ่งนี้เราจะได้เริ่มโปรแกรมเที่ยวกันแต่เช้า แต่ตอนเดินรอบเมืองอยู่เพื่อนบอกว่ามะคืนมีแสงเหนือด้วย ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีไหม แต่น่าจะมีนะ วันนี้อากาศดี
ในที่สุด 4 ทุ่มกว่า เพื่อนก็โทรมาบอกว่า ยูเห็นแสงเหนือยัง มะกี๊ไอออกมาถ่ายรูปหน้าบ้าน อ๊าาากกก..... อิฉันบอกยังจร้าาา กาลังเตรียมตัวนอน 5555 ทันใดนั้นเองเมื่อวางสาย กระโดนไปหยิบเสื้อโค๊ตแล้วออกไปล่าแสงเหนือที่ปลายแหลมที่ตรง Golf Course ที่ Ingolfur บอกจุดไว้ว่าให้ไปดู
Finally I found you
ระหว่างทางไป ยัยพลอยเปิดกระจกรถแล้วเอาหัวยื่นออกไปดู แทบกรี๊ดดดด รีบบอกนั่นไงๆ แสงเหนือรีบใช้ไอโฟนลองถ่ายดู เพราะะแสงค่อนข้างแข้มเลย ถ่ายติดมาแค่นี้
เธอเต้นระบำได้งดงามอ่อนช้อยเสียจริง
สวยงามตามธรรมชาติมากกกก
I fall in love with you since the first day.. งี้เค๊าเรียก Love at the first sight ปะ
เรามาคุยกันคร่าวๆก่อนว่า งานนี้เราจะขับรถไปตาม route 1 ซึ่งเป็นถนนสายหลักของประเทศ ที่วิ่งวนเป็นวงกลมรอบประเทศ ฉะนั้นทุกที่ๆไปจะไม่ค่อยออกจากถนนสายหลักมากนัก มาดูกันว่าไปถึงไหน..
Follow me to Iceland 2...
Ploy Journey Journal
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2559 9:06:52 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1491 Pageviews. |
|
|