|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เฒ่าผจญทะเล
เฒ่าผจญทะเล ของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์
เป็นเรื่องราวของชาวประมงที่ชื่อ ซานติเอโก ซึ่งอาศัยอยู่ในคิวบา เขาเป็นชายชรา รูปร่างผอม มีรอยเหี่ยวย่นที่หลังคอ มือมีรอยแผลเป็นมากมาย บ้านของซานติเอโกเรียบง่ายมาก มีเพียง เตียง โต๊ะ และเก้าอี้ อย่างละตัว
ซานติเอโกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตเมื่อเขาไม่สามารถจับปลาได้เลยแม้แต่ตัวเดียวในช่วงเวลา 84 วัน ทั้งที่ในอดีตเขาคือชาวประมงหนุ่มผู้เก่งกาจและหยิ่งทระนง แต่ปัจจุบันเขากำลังจะล่วงเข้าสู่ช่วงบั้นปลายของชีวิต
ชาวประมงอื่นๆ หัวเราะเขา แต่เขาก็ไม่ถือสา แววตาของซานติเอโกฉายชัดว่าเป็นคนสู้ชีวิต ไม่เคยคิดยอมแพ้ และไม่มีอะไรสามารถมาทำลายจิตวิญญาณของเขาได้
ซานติเอโกมีเพื่อนต่างวัยคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มชื่อ มาโนลิน ซึ่งในช่วงแรกนั้นมาโนลินมาช่วยงานเขา แต่หลังจากที่ผ่านไปสี่สิบวันโดยไม่ได้ปลาซักตัว พ่อแม่ของมาโนลินก็บอกให้ลูกชายไปทำงานกับเรือประมงลำอื่น หลังจากมาโนลินได้เงินจากเรือลำอื่น ก็ขอกลับมาทำงานกับซานติเอโกแต่เขาปฏิเสธ มาโนลินเสนอตัวจับปลาซาร์ดีนให้กับซานติเอโก ทีแรกเขาก็ปฏิเสธ แต่ก็ยอมรับภายหลัง
แม้ชีวิตจะต้องพบกับช่วงเวลาที่แสนลำเค็ญแต่สำหรับซานติเอโกแล้ว ความหวังครั้งสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะทำให้สำเร็จคือการได้ออกเรือจับปลาเพื่อพิสูจน์ตนเองอีกครั้งกับชะตาชีวิตอับโชคที่ผ่านมา มาโนลินเองซึ่งหวังที่จะได้ออกทะเลไปกับเขาด้วย แต่ซานติเอโกไม่ยอม
คืนก่อนออกเรือซานติเอโกฝันเห็นภาพของเขาเองตอนที่ยังเป็นกลาสีหนุ่มบนดาดฟ้าเรือที่กำลังแล่นออกจากทวีปแอฟริกามองเห็นฝูงสิงโตที่อยู่บนชายฝั่ง มาโนลินทำได้เพียงเฝ้ามองดูซานติเอโกออกเรือไปตามลำพังในตอนเช้าตรู่ ท่ามกลางพื้นน้ำสีเข้มยามใกล้รุ่งภาพเรือของซานติเอโกลอยออกไปไกลเรื่อยๆ จนกระทั่งหายลับไปจากสายตาของมาโนลิน
ซานติเอโกเดินเรือไปเรื่อยๆ ผ่านฝูงปลาบิน และนก เขามองฝูงนกอย่างชื่นชม และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมธรรมชาติจึงสร้างนกที่บอบบางอย่างนกนางแอ่นให้อยู่คู่กับทะเลที่โหดร้ายรุนแรง
ซานติเอโกผ่านฝูงปลาโบนิโตและแอลบาเคอร์ เขาวางเบ็ด แล้วครุ่นคิดว่า ข้าวางเหยื่ออย่างแม่นยำ เพียงแต่ไม่มีโชคเท่านั้น แต่ใครจะรู้ บางทีอาจเป็นวันนี้ ทุกวันคือวันใหม่...
ในความเวิ้งว้างของอาณาเขตแห่งทะเล ซานติเอโกวาดหวังถึงปลาตัวใหญ่ที่กำลังรอคอยเขาอยู่ข้างหน้า ขณะที่ความเป็นจริงก็คือตลอดทั้งเช้าเขาตกได้เพียงปลาขนาดเล็ก สำหรับทำเหยื่อ แต่ด้วยความตั้งใจทำให้เขามุ่งมั่นที่จะรอต่อไป
จนเมื่อเวลาผ่านไปกว่าครึ่งวันในที่สุด ปลามาร์ลิน (ปลากระโทงแทง) ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งก็มากินเหยื่อ จากประสบการณ์ ทำให้ซานติเอโกรู้ว่าปลาตัวนี้มีขนาดใหญ่มากและฉลาด เพราะตอดเหยื่อทีละน้อย แต่หลังจากปลามาติดเบ็ดแล้ว แทนที่เขาจะเป็นคนลากปลาขึ้นมาบนเรือ ปลามาร์ลินตัวนั้นกลับเป็นฝ่ายลากเรือ ตอนนี้เองที่เขาเริ่มคิดถึงมาโนลิน อยากให้เด็กหนุ่มมาช่วยเย่อกับปลา
ผ่านไปหลายชั่วโมง ปลายังไม่มีท่าทีอ่อนแรง ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ปลาก็ยังลากเรือต่อไป ซานติเอโกมองไม่เห็นแผ่นดินแล้ว ทั้งคนและปลาต่างไม่มีใครยอมแพ้ ไม่มีใครชนะใคร
ซานติเอโกใช้เวลาตลอดสองวันสองคืนกับการพิสูจน์พลังกับปลายักษ์ที่ดึงเขาและเรือออกไปสู่เขตทะเลที่ไกลขึ้นเรื่อยๆเขาไม่อาจที่จะปล่อยหรือแม้แต่ขยับการจับยึดคันเบ็ดที่ถืออยู่ได้เลยเพราะการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเสี้ยววินาทีอาจทำให้คู่ต่อสู้ของเขาได้เปรียบและชนะไปในที่สุดมันเป็นบททดสอบความอดทนระหว่างคนกับปลายักษ์ที่มีแรงมหาศาลที่สุดตัวหนึ่งเวลาที่ทอดนานออกไป เขายังมั่นใจว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะเช่นเดียวกันถ้าหากว่าสามารถเอาชนะจิตใจตัวเองได้
เมื่อย่างเข้าสู่วันที่สามซานติเอโกยังอดทนที่จะสู้กับมาร์ลินยักษ์จนถึงที่สุดแล้วความพยายามของเขาก็เริ่มสัมฤทธิ์ผล เมื่อมันเหนื่อยและหมดแรงที่จะยื้อกับเขาต่อไปชายชราใช้กำลังเฮือกสุดท้ายแทงฉมวกไปที่ตัวของมันเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ยุติลง แล้วปลายักษ์ถูกลากมาตรึงไว้ด้านข้างของเรือ
แต่ในเย็นวันนั้นโชคร้ายก็กลับมาเยือนซานติเอโกอีกครั้งเมื่อฝูงปลาฉลามได้กลิ่นเลือดจึงรี่เข้ามาจัดการเหยื่อขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านข้างของเรือ การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้แม้ว่าซานติเอโกจะสามารถจัดการฉลามไปได้หลายตัว แต่ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะฝูงฉลามมีมากเกินไป ค่ำวันนั้นซาติเอโกและเรือก็กลับถึงฝั่ง แต่ปลามาร์ลินขนาดยักษ์ที่เขาจับมาได้อย่างยากลำบากกลับถูกฉลามกินเหลือแต่กระดูก
เช้าวันรุ่งขึ้นบรรดาชาวประมงและชาวบ้านในแถบนั้นจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างตื่นตะลึงกับภาพของซากปลามาร์ลินขนาดยักษ์ที่หลงเหลืออยู่ข้างๆเรือของซาติเอโก ขณะที่เขากลับไปนอนในบ้านของตัวเอง เขาหลับสนิทอย่างยาวนานจากความอ่อนเพลียในสงครามแห่งชีวิตที่เขาเป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ในเวลาเดียวกัน
เฒ่าผจญทะเล ยังคงเป็นหนังสือที่มีความหมายมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะมันไม่ใช่เรื่องการต่อสู้กับศัตรู แต่เป็นการต่อสู้กับตนเอง และบางทีชัยชนะไม่เคยมีความหมายอะไรเลย
ผมได้ข้อสรุปจากหนังสือเรื่องนี้ว่า ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือการมีจิตใจที่ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค และอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ก็คือ ใจของเรา
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 19:26:47 น. |
Counter : 1867 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: sirivinit 28 กุมภาพันธ์ 2553 19:37:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: sirivinit 28 กุมภาพันธ์ 2553 19:41:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: sirivinit 28 กุมภาพันธ์ 2553 19:43:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: sirivinit 28 กุมภาพันธ์ 2553 19:44:26 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชนะใจตนเองนั่นละ คือผู้ชนะที่แท้จริงค่ะ
แต่แหม .. บางที มันก็แพ้ใจตนเองค่ะ
สุขสบายดีนะคะ
สิริสวัสดิ์อาทิตยวาร สิริมานปรีดิ์เขษมค่ะ