...ตัวปูพาเดินแหลกที่ปรากค่ะ...
ตอนตัวปูนั่งรถเข้าปราก แอบคาดหวังไว้เยอะ นึกถึงแต่บรรยากาศหวานๆ เคล้าเสียงดนตรีคลาสสิคเพราะๆ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ แต่พอรถเข้าเมืองจริงๆ ภาพของเมืองหลวงที่คึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนมากมายก็เข้ามาแทนที่ แถมมีพวกมือบอนขีดเขียนตามผนังอีก ถนนหนทางก็ไม่สะอาดอย่างที่คิด เฮ้อ เกือบหมดศรัทธาซะแล้วววว
แต่พอรถข้ามแม่น้ำเข้าเขตเมืองเก่ามุ่งหน้าปราสาทปราก เริ่มเห็นยอดปราสาทรำไรๆ ภาพในฝันก็เริ่มกลับมา วี้ดว้ายๆ (แต่ทั้งรถทั้งคนก็ยังมากมายเหมือนเดิม)
หน้าทางเข้าปราสาทต้องแวะถ่ายรูปกับคุณทหาร คนมุงดูถ่ายรูปเยอะมากๆ (ขนาดคนนี้หน้าตางั้นๆ) เราก็ไม่อยากเข้าไปชิดใกล้มาก กลัวรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ อีกอย่างเดี๋ยวสามีหึงละแย่เลย อิอิ
รูปปั้น Titan เหนือประตู ดูดุดัน เป็นการกำราบผู้ที่จะบุกรุกเข้าไป
ระหว่างถ่ายรูปกัน นักท่องเที่ยวก็เริ่มมาชุมนุมกันหนาแน่นรอดูทหารเปลี่ยนยาม คนเยอะมากๆ แต่ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดซักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะมีนักดนตรีกลุ่มนี้นี่แหละ ทำให้สีสันของปรากเป็นอย่างจินตนาการที่เราฝันไว้ ฟังเพลงไปดูวิวเมืองไป อารมณ์ดีจริงๆเลย
เดินเข้าไปในเขตปราสาทปรากเข้าสู่โบสถ์ St. Vitus ที่ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าทำไมปรากจึงได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งยอดแหลมเสียดฟ้า ความยิ่งใหญ่ของเค้าช่างตระหง่านตาจริงๆแฮะ
ตัวปุ๊กกระซิบให้ฟังว่า นี่แหละตัวอย่างของศิลปะแบบโกธิค เค้าจะชอบทำหลังคาสูงๆ โค้งแบบมียอดแหลมเหมือนดอกบัว ไม่หนาตึ้บเหมือนแบบโรมัน ที่เห็นเป็นสีเงินๆเป็นโลงศพของนักบุญจอห์น เนโปมุก เป็นนักบุญที่ชาวเชกนับถือมาก ประวัติก็คือ ท่านเป็นพระที่พระราชินีได้มาสารภาพบาป พระราชาอยากรู้ว่าพระราชินีมาสารภาพอะไรถึงได้นานนักหนา แต่ท่านก็เก็บความลับไว้ไม่ยอมบอก พระราชาโมโหจึงจับไปทรมาณและโยนลงมาจากสะพานชาร์ลส์
กลางวันนี้ได้ทานอาหารไทยที่ร้าน Nois Restaurant อร่อยดี แต่ที่ดีใจที่สุดก็คือ มีผลไม้อร่อยๆด้วย เพราะที่ผ่านมาได้ทานผักผลไม้น้อย ทั้งที่เรากินผักเก่งมาก พี่ไกด์บอกว่า เพราะที่นี่เพาะปลูกไม่ค่อยได้ ดินฟ้าอากาศไม่อำนวย ผักผลไม้ก็นำเข้าทั้งนั้นแหละ (ถึงว่าสตรอเบอรี่ยังเปรี้ยวมากๆ)
ทานข้าวเสร็จเดินข้ามสะพานชาร์ลส์ วันนี้อากาศดี บรรยากาศบนสะพานก็เลยคึกคัก ทั้งคนมาขายของทั้งนักท่องเที่ยว
วิวปราสาทปรากมองจากสะพานชาร์ลส์สวยมากๆ สะพานชาร์ลส์เนี่ยวางศิลาฤกษ์ปี 1357 เดือน 9 วันที่ 7 เวลา 5 โมง 31 นาที จำง่ายมั๊ยคะ 1 3 5 7 9 7 5 3 1 ไง มีรูปปั้นนักบุญถึง 30องค์ แต่พวกเราต้องมุ่งหน้าไปหานักบุญเนโปมุกเพื่อขอพรเท่านั้น จุดที่รูปปั้นตั้งอยู่ก็เป็นจุดที่ท่านถูกโยนลงมาน่ะแหละ ตรงที่ท่านจมลงไปเสียชีวิตปรากฎดาวทองขึ้นมา 5 ดวง เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ไปเลย ของแท้ต้องมีดาวรอบศีรษะเท่านั้นนนน
ชื่นชมสะพานได้แป๊บนึง พวกเราก็รีบเดินไปดูนาฬิกาดาราศาสตร์ ซึ่งจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำด้วย ระหว่างที่ทุกคนรอดูนาฬิกาอยู่ เราก็ชวนตัวปุ๊กกับยัยอ้อวิ่งกันแน่บ ไปรับน้องหลุยส์ที่ร้านก่อนตามที่นัดกันไว้ในฝันก่อนมา (คุณไกด์กระแนะกระแหนว่ารีบไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ก่อนเลยนะ) ก็เราไม่อยากรีบวันหลังๆนี่ฝ่า วิ่งกลับมานี่หอบกันแฮ่ก เพื่อกลับมาฟังนาฬิกาดังแต๊งๆแป๊บเดียวเอง ได้ยินคนรอบข้างบ่น ทำไมมันเร็วจังฟะ เห็นแต่ตุ๊กตาหมุนแวบๆ จบละ
ก่อนกลับที่พักได้ไปช็อปต่อที่ Palladium ด้วย แต่เราน่ะ ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรกันแล้ว (นอกจากขนมที่อดไม่ได้จริงๆ) เลยแอบไปนั่งหาอะไรกินเล่นกันดีกว่า)
วันเนี้ยเดินเยอะมาก แอบเห็นพี่ๆผู้หญิงในกรุ๊ปหลายคนแอบเปลี่ยนรองเท้า จากบู๊ทเป็นผ้าใบใหม่เอี่ยมเลย (ลืมแกะป้ายราคารึป่าวไม่รู้นะพี่ อิอิ)
วันนี้ได้ทานอาหารพื้นเมือง เป็นเป็ดเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ส่วนขนมคล้ายๆแพนเค้กเล็กๆ มีวิปครีมกับบลูเบอรี่ อร่อยเหมือนเคย
โปรดสังเกตการรินไวน์ เค้าจะเอาอะไรคล้ายๆปิเปต์พาดบ่า 2 ข้าง มีไวน์ขาวกับไวน์แดง เค้าจะเสริฟไวน์โดยปล่อยนิ้วที่อุดหลายปิเปต์อยู่ งานนี้เสริฟไม่อั้น (ขออย่างเดียวพี่อย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำระหว่างที่หนูกินนะเคอะ ได้โปรด)
คืนนี้ได้นอน Hilton Prague บรรยากาศสุขสบาย การรักษาความปลอดภัยเต็มเปี่ยม เข้าลิฟท์แล้วต้องเอาการ์ดสอดแล้วลิฟท์ถึงจะพาไปชั้นที่เราพัก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบ ที่ตัวปูสุดโปรดคือ รองเท้าแตะใส่ในบ้านที่ตัวปูแอบติดไปใช้ตลอดทริปเลย อิอิ
ในสายตาเราแล้ว ปรากก็เป็นเมืองที่สวยสดใสดี แต่สำหรับเราก็ไม่ถึงกับประทับใจมาก อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังมากเกินไป แล้วดันไปเจอเมืองที่ถูกใจสุดๆอย่างเชสกี้ ครุมลอฟไปซะแล้ว เลยแอบให้ไปหมดใจแล้วอ่ะ รอบหน้าเราจะพาไปสโลวัค เมืองแห่งเทพนิยาย อย่าลืมติดตามนะคะ
ตัวปู
Create Date : 16 สิงหาคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 1:57:23 น. |
Counter : 802 Pageviews. |
|
|
|