ตอนที่3
หมู่บ้านที่อาจารย์เล่งจื้ออยู่นั้น เป็นเขตชานเมืองหลักของมลฑลหูเป่ย อยู่ริมแม่น้ำแยงซีด้านเหนือทะเลสาบต้งถิงกว่า5ลี้ สภาพหมู่บ้านอยู่ติดเชิงเขามีการเลี้ยงสัตว์หลายชนิด ชนิดหนึ่งที่เลี้ยงคือแกะ ด้วยสภาพที่เหมาะสมต่อการปลูกพืช ชาวนาชาวสวนแถบนั้นจึงพอมีอันจะกิน แต่ก็ไม่สะดวกต่อการดูแลสัตว์นักเพราะต้องยุ่งต่อการเก็บเกี่ยว ท่านจึงบอกกับชาวบ้านที่ไม่มีเวลาจะดูแลสัตว์ก็ให้นำมาฝากเลี้ยงได้ โดยให้ค่าจ้างเป็นอาหารหรือของใช้ตามมีตามเกิด ท่านไม่ได้เลี้ยงเองหรอกนะ เพราะมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่มาขออยู่อาศัยดูแลท่านนั่นเอง ลูกศิษย์คนนี้ตัวดำและใหญ่มากชื่อว่าเก้าซิน อายุประมาณ30กว่าปีแล้ว ท่านเห็นว่ากลางวันจะว่างจึงออกปากหางานให้ ชาวนาจะได้มีเวลาทำงานของตนอีกด้วย เพราะว่าแถบที่อยู่นั้นบางทีก็มีเสือลงมาเพ่นพ่าน ทุกๆวันเก้าซินจะต้อนแกะทั้งฝูงไปตรงเชิงเขา ที่ตรงนั้นเขาจับเอาหินมาเรียงล้อมรอบตัวใกล้ๆต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เด็กๆจอมเฮี้ยวก๊กของเจ้าซากลุ่มเดิม ชอบออกมาเที่ยวนอกหมู่บ้าน ผ่านมาเห็นคนตัวโตท่าทางแปลกๆนอนเฝ้าแกะ ข้างๆกายมีคันธนูเก่าพร้อมลูกอีก1ดอกเท่านั้น ก็ตลกขบขันกันใหญ่คิดว่าคนบ๊องๆอย่างนี้ก็มีด้วย "ถึงแม้จะตัวใหญ่แต่ก็น่าแกล้งจริงๆเลยนะ" เจ้าซาเริ่มพูด "งั้นเราจะแกล้งยังไงดีล่ะ ?" เด็กอีกคนถามทันที "เจ้าบื้อมันเฝ้าแกะอยู่ก็โกหกว่าแกะมันหายน่ะสิ" ว่าแล้วเจ้าซาก็ตะโกนขึ้นดังๆ "ช่วยด้วย ช่วยด้วย แกะหายไปหนึ่งตัวแล้ว" ทันทีทันใดเก้าซินลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองไปยังเด็กๆ เห็นหัวเราะกันอย่างหนัก ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนับจำนวนแกะ พอนับเสร็จก็กลับมาพูดกับเด็กๆ "เจ้าพวกนี้อยู่ว่างมากรึไง อย่ามากวนข้า ไปเล่นที่อื่นซะ" พวกเด็กๆยังไม่หายขำ เห็นแหย่แล้วไม่โกรธ เลยอยากลองอีก แกล้งเดินไปหลบหลังต้นไม้ที่เห็นห่างไปลิบๆแล้วรอดูเก้าซินนอนลงไปสักครู่หนึ่ง จึงวิ่งออกมาตะโกนอีกครั้ง "ช่วยด้วย ช่วยด้วย แกะหายไปหนึ่งตัวแล้ว" เก้าซินลุกขึ้นอีกครั้งเหมือนเดิม แล้วก็มองเหมือนเดิม เดินไปนับเหมือนเดิม ในแววตานั้นมีความโกรธเล็กๆ เด็กๆ คิดว่ายังไม่พอใจ เอาใหม่ ตกลงคราวนี้ร้องอีกที พอครั้งที่ 3 เก้าซินวิ่งมาอย่างไว เด็กๆแตกกันกระเจิง เด็กตัวเล็กที่สุด เป๋าหม่า โดนจับจนได้ เก้าซินถาม บ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าจะพาเจ้าไปให้แม่เจ้าได้อบรมซักหน่อย เป๋าหม่าร้องไห้ทันที เก้าซินเห็นแล้วก็อดไม่ได้ปล่อยเด็กลงพร้อมกับ บอกว่า "คราวหน้าเจ้ามาอีก ข้าพาเจ้าไปหาแม่เจ้าแน่" เป๋าหม่ารับคำ แล้วหยุดร้อง วิ่งกลับบ้านไป วันต่อมาเด็กๆกลุ่มเดิม หลังจากแตกกลุ่มกันก็กลับมารวมกันอีกครั้ง เป๋าหม่าเล่าเรื่องที่โดนจับ คนอื่นๆก็คิดว่าจะเลิกแกล้งดีกว่า แต่เจ้าซาไม่ยอม คนอื่นๆยกเว้นเป๋าหม่าเลือกที่จะไปก่อกวนอีกครั้ง เจ้าซาเริ่มตะโกน เก้าซินก็ทำแบบเดิม คราวนี้เด็กๆเห็นก็ทำท่าล้อเลียนอีกต่างหากเพราะรู้ว่ายังไงเก้าซินก็ต้องทำแบบเดิม และเริ่มวิ่งหนีเมื่อเก้าซินเริ่มนับแกะ เหมือนจะห่างแต่ก็แปลกเมื่อเก้าซินก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ทันเด็กอีกคน คราวนี้เป็นเล่อซื่อ เล่อซื่อโดนหิ้วเดินไปเกือบจะถึงบ้านแล้ว ก็ได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้ง "ช่วยด้วย ช่วยด้วย แกะหายไปอีกแล้ว" เก้าซินปล่อยตัวเล่อซื่อแล้ววิ่งไปนับแกะอีกที คราวนี้คนอื่นๆพากันกลัว ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆเจ้าซาคนเดียวที่มั่นใจในฝีเท้าตัวเองจึงบอกกับเพื่อนๆ "ข้าจะไปคนเดียว จะแก้แค้นให้เจ้าคนนั้นมันนับแกะจนเมื่อยเลย" "แล้วถ้าข้าโดนจับได้นะ ก็ให้ใครก็ได้ตะโกนบอกว่าแกะหาย มันจะต้องวิ่งมานับอีกแน่นอนเลย" คิดได้ดังนั้นก็เล่นตามแผน น่าแปลกอีกครั้งที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะมีหนึ่งคนที่ถูกจับได้ และคราวนี้เจ้าซานั่นเอง(เพราะคนอื่นแอบซุ่มอยู่) ขณะที่จะเดินกลับเข้าหมู่บ้าน ก็โดนเรียกอีก เจ้าซาโดนปล่อยตัวอีก เก้าซินวิ่งกลับไปทันที แต่คราวนี้น่ากลัวจะเป็นเรื่องจริง เจ้าเสือโคร่งตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังขย่ำแกะอยู่ กงเล็บนั้นแหลมคมมากตะปบแค่1ที แกะก็นอนนิ่ง เก้าซินยกคันธนูขึ้นเล็ง เสียง "ชั่วะ" ดังขึ้น1ที เข้าตรงข้อพับขาหน้า เสือเจ็บปวดแต่ไม่ตายหันหน้ามาทางเก้าซินทันที บาดเจ็บที่ขาแม้ไม่ตายแต่ช้าลงมาก เก้าซินวิ่งตรงไปทางเชิงเขาที่พื้นที่ตนนอน กลับสะดุดล้มลงหันกลับมามอง เจ้าเสือมาจะถึงตัวแล้วพุ่งเข้าหาอย่างแรง อีกครั้งที่เด็กๆมองอย่างตะลึง ร่างของเก้าซินพลันกระดอนขึ้นจากพื้น เหมือนตอนล้มแต่กลับขึ้นไปเกาะกิ่งไม้ด้านบนแทนเจ้าเสือเหยียบตรงพื้นที่กลางพื้นที่ว่างที่ถูกหินล้อมรอบเพื่อกระโดดขึ้นหาเก้าซิน แต่ยังไม่ทันที่แรงนั้นจะส่งตัวขึ้นขย้ำเป้าหมาย พื้นกลับยุบลงไปกลายเป็นหลุมใหญ่ เจ้าเสือร้ายตกลงไปในหลุมที่ลึกพอๆกับคน2คนยืนต่อกัน แต่กระโจนขึ้นไม่ได้เพราะข้างล่างเป็นบ่อโคลนที่ดึงดูดขาไว้ เด็กๆ จดจดจ้องจ้อง อยากเข้ามาดูแต่ก็กลัว บางคนถึงกับฉี่ราดกางเกง เก้าซินเรียกเด็กๆ "เข้ามาดูได้ ตอนนี้มันขึ้นไม่ได้แล้ว" เด็กๆจึงเข้าไปดู เห็นเสือครางขู่แต่พยามตะกุยดินแต่ก็ขึ้นไม่ได้ เจ้าซาเห็นแล้วร้องบอกว่า"ท่านเก่งจริง แต่ทำไมไม่ฆ่ามันเสียล่ะ ?" "รอดูไป" แล้วเก้าซินก็เดินกลับเข้าหมู่บ้าน โดยมีเด็กๆเดินตามเป็นพรวน เก้าซินไปรายงานต่ออาจารย์เล่งจื้อ อาจารย์เดินกลับไปในห้องล้วงเขียนจดหมายขึ้นหนึ่งฉบับจับผูกขานกพิราปแล้วปล่อยไป คืนนั้นที่หมู่บ้านพากันฉลอง เป็นการใหญ่ เช้าวันต่อมามีทหารมากัน10นาย พร้อมทั้งคอกเหล็กหนาแน่น เก้าซินนำทางไปยังหลุม เจ้าเสือยังนอนในที่นั้นพอเห็นคนมาก็ขู่ทันที นายทหารคนหนึ่งโยนเนื้อลงไปให้มัน เจ้าเสือกินด้วยความหิวยังไม่ทันหมดชิ้นมันก็ล้มลง นายทหาร 3 คนต่อบันไดลงไป เอาเชือกที่เตรียมมาด้วยมัดอย่างรวดเร็วแล้วลากเสือขึ้นมาจับใส่ในกรง พูดขึ้นว่า "ขอบใจท่านมาก เอ้านี่รางวัล" พลางยื่นมือส่งถุงเงินให้เก้าซิน แล้วนำขบวนพาเสือไปจากหมู่บ้าน เก้าซินรับเงิน ยืนมองส่งทหารไปแล้ว จึงนำเงินไปมอบให้ท่านอาจารย์เล่งจื้อ ท่านอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ได้เจ้า ไหนเลยจะมีเงินเหล่านี้เจ้าเก็บไว้เถอะ" เก้าซินไม่พูดอะไรเก็บเงิน เดินออกไป ต้อนแกะไปนอนเฝ้าต่อตามเดิม อยู่ดีๆเจ้าซาก็แอบแยกจากกลุ่มเด็กๆด้วยกัน มาเดินตามเก้าซิน เจ้าซาพูดว่า "ท่านเก่งมากเหลือเกิน หลุมนั้นท่านคิดได้อย่างไรกัน" เก้าซินบอกว่าเป็นความคิดอาจารย์ ท่านได้ติดต่อกับเจ้าเมืองไว้แล้วว่าจะจับเสือให้ "แล้วเขาจะเอาเสือไปทำอะไรล่ะ ? " "ไม่รู้สิ เลี้ยงจะมั้ง หรืออาจจะถลกหนังเพราะว่าเขาบอกไม่ให้ฆ่าเสือและไม่ให้ทำร้ายเสือด้วย" "ท่านเก่งเหลือเกิน โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ" เก้าซินหัวเราะเสียงดัง แต่ไม่ตอบคำ เจ้าซาพูดอีกครั้ง "โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ" เก้าซินถาม "เจ้าไม่แกล้งข้าอีกแล้วรึ ?" "ไม่แล้วขอรับ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว" น้ำเสียงและกิริยาเปลี่ยนไปจากวันก่อนมาก "ไม่ยาก ข้าจะสอนวิชาเจ้าเพียงแต่......" "แต่อะไร ?" "เจ้าต้องไปเรียนเขียนอ่านกับท่านอาจารย์เล่งจื้อก่อน" "หา อะไรนะ ? ข้าไม่เอา ข้าขี้เกียจเรียนหนังสือยึกยือ ยึกยือ น่าเบื่อตายเลย" "ถ้าอาจารย์รับรองเมื่อไหร่ข้าจะสอนวิทยายุทธ์เจ้า ตกลงตามนี้ ไม่อย่างนั้นก็กลับไปเล่นกับเพื่อนๆเจ้าเถอะ" ถึงหลุมพอดี เก้าซินเดินหากิ่งไม้ที่ดูแข็งแรงมาเรียงใหม่เอาหญ้าคลุมอีกชั้นหนึ่ง "นี่ท่านนอนบนกิ่งไม้ตลอดเวลาเลยหรือนี่ ?" เก้าซินพยักหน้า ยิ้มๆ "ก็ได้ๆ ข้าจะไปขอเรียนกับท่านอาจารย์เล่งจื้อก่อนก็ได้ แต่ท่านต้องรักษาสัญญานะ" "ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรล่ะ ?" "เอ่อ.... ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง" "ว่ามาสิ" "ทำไมท่านจึงต้องนับแกะและกลับมาทุกครั้งที่ข้าเรียก ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าข้าแกล้งท่าน?" "ท่านอาจารย์สอนว่าหน้าที่นั้นสำคัญต่อคุณค่าของตัวเจ้า หากหน้าที่ของตนก็รักษาไม่ได้ เจ้าก็ไร้คุณค่าแล้ว ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ถูกเรียกแม้จะรู้ว่าโกหก แต่เจ้าอาจต้องเสียใจถ้าหากเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่ครั้งหนึ่งแต่ไม่มีโอกาสแก้ไขมันอีกเลย" หลังจากนั้นก็ไม่มีเด็กคนไหนกลับมาแกล้งเก้าซินอีกเลย และเจ้าซาก็หยุดอาละวาดแกล้งคนไปด้วยเพราะต้องเข้าไปเรียนกับอาจารย์เล่งจื้อแทน
Create Date : 18 กรกฎาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 22:28:38 น. |
Counter : 857 Pageviews. |
|
|
|