ร้านที่เราแวะข้างทางนี้ สวยหรูดูดีผิดกับปั๊มมากค่ะ ท้องอิ่มก็ขับต่อไปยังอิสตันบูลรถเริ่มเยอะขึ้น สองข้างทางก็มีป่าให้เห็นเพิ่มขึ้นรถติดขึ้น
มาถึงอิสตันบูลตอนเที่ยงค่ะ รถติดตั้งแต่ปากทางเข้าเมือง เราออกจะตื่นเต้นกันเมื่อขับรถข้ามสะพานจากฝั่งเอเชียข้ามไปยุโรป ผ่านเมืองต่างๆมาถึงที่นี่ ฟ้าเปิดแจ่มแจ๋วแหวว อิสตันบูลเป็นเมืองริมทะเลที่สวยมากจริงๆ
กรี๊ดๆอยากจะเที่ยวใจจะขาด แต่ภารกิจกที่อยู่ตรงหน้ามันยิ่งใหญ่มาก
คืนรถที่ย่านทักซิม เราจ่ายเงินค่าเช่า รวมค่าโทลเวย์ แล้วก็ ไปจ่ายค่าปรับที่ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่บอกว่า เราได้ลดหย่อน จาก 350 ลีร่าเหลือ 250 ลีร่า เพราะทำความผิดครั้งแรก..ขอบคุณมากฮ่ะ
ต่อจากนั้นก็แวะจิบกาแฟ ทานอาหารเที่ยงแถวๆหน้าวัง โดลบามาเช่ วิวก็แจ๋ว ที่สำคัญ อาหารไม่แพง กาแฟก็ไม่แพง งงมาก ที่ผ่านมาเราเจออแต่ของแพงมาตลอดสิท่า
หอยทากทัวร์เดินเท้าเริ่มต้นขึ้นหลังจากเราไม่มีรถอีกต่อไป ไปถึงปรากฎวังปิด4 โมงเย็น
เราเคลื่อนขบวนหอยทากน้อยไปหัดขึ้นรถรางกับรถใต้ดิน ค่อนข้างซื้อยากหน่อย ..จากที่ศึกษามา เขาบอกว่าให้ซื้อบัตรแข็ง ซึ่งบัตรนี้จะทำให้เราประหยัดค่าทรานสิทรถไฟได้ แต่เราหาซื้อไม่ได้จากที่ที่เราอยู่เราเลยซื้อเป็นเที่ยวๆ ซึ่งค่อนข้างแพง ต่อรอบ 1.9 ลีร่า ..มุ่งตรงไปสุลต่านอาเหม็ด
ที่ ย่านสุลต่านอาเหม็ดคิดเป็นเมืองไทยก็คงเป็นเหมือนสนามหลวง วัดพระแก้ว ที่มีวัดหลายๆวัดให้เยี่ยมชม
เราแวะไปที่บลูมอสก์ก่อนเพื่อนคนเยอะจัดมาก การแต่งกายก็สุภาพ หญิงกระโปรงยาวผ้าคลุมผมนะคะ ถ้าไม่มีเขามีให้ที่หน้าประตูไม่แน่ใจว่าเช่าหรือให้ยืมค่ะ
บลูมอสก์ เป็นมัสยิดที่สวยมากแต่เขายังใช้งานจริง ดังนั้นจะมีเวลาเข้าไปเป็นรอบๆ เวลาที่เขาทำละหมาดกันก็รู้สึกจะไม่ให้เข้า เวลาเข้าไปที่แบบนี้จะต้องถอดรองเท้าแต่เขามีถุงก๊อบแก๊บให้นะคะ
เดินเข้าไปชม สวยก็สวยอยู่หรอกค่ะเพราะที่นี่สวยงามใหญ่โตมาก เสียแต่ เหม็นทีน เหม็นมั่กๆเราป้วนเปี้ยนอยู่แค่แป๊บๆ ก็ต้องโซซัดโซเซกันออกมา ออกไปมัศยิดสีชมพูฮาเกีย โซเฟียต่อ
ด้วยความที่ออกมาเย็นเกินฮาเกียโซเฟียก็ปิดไปแล้ว แต่ยังไม่มืด แสงก็กำลังสวยม้ากมากเราก็เลยตระเวนถ่ายรูปกันแถวนั้น
อากาศดี ดอกไม้สวย
ต่อด้วยการพุ่งไปดูตลาดแกรนด์บาซาร์ปิดอีกเหมือนกัน
เดินไปแกรนด์บาซาร์ ตึกสีๆเต็มเลย
ที่นอนคืนนี้ที่เชอราตัน Maslak
ต่อรวดเดียวจบอิสตันบูลไฮไลต์นะคะ
วันนี้เป็นวันเที่ยวเต็มวันวันแรกของเราแต่กลับมีฝน และอากาศหนาวลงกว่าเดิม ปวดใจมากแพลนแรกของเราไม่เลวร้ายนัก เพราะเราจะไปเข้าวังโดลบามาเช่ที่ตกหล่นไปเมื่อวาน
ค่าเข้าราคาตั้ง40 ลีร่าต่อคน รวมการเข้าฮาเร็มด้วยวังโดลบามาเช่
การ เข้าไปเที่ยววังโดลบามาเช่หลังจากต่อคิวซื้อบัตรแล้ว จะต้องมีการตรวจตราเหมือนขึ้นเครื่องบินผ่านสแกนเนอร์ คนที่มีขาตั้งกล้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปจะมีห้องสำหรับฝากของไว้ พอเข้าไปถึง จะต้องมาต่อคิวเข้าไปชมคิวมีสองคิวคือคิวต่างชาติกับคิวตุรกี เข้าไปแล้วจะมีไกด์อธิบายด้านในให้รู้ว่าห้องแต่ละห้องเป็นอย่างไรที่นี่ ห้ามถ่ายภาพนะคะ
อัน นี้ไปหาประวัติมาแปะเพื่อให้รู้จักประวัติไปด้วยค่ะเขาบอกว่า พระราชวังโดลมาบาห์เชสร้างโดยสุลต่านอับดุลเมจิต ในปี ค.ศ. 1843 - 1856ยุคปลายอาณาจักรออตโตมันเป็นพระราชวังสุดหรูหราอลังการ สะท้อนถึงความคลั่งไคล้ยุโรปของสุลต่านอับดุลเมจิต เพราะที่ปากทางเข้าที่มีหอนาฬิกาสไตล์บารอกประตูพระราชวังชั้นนอกขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรงดงาม มีแชนเดอเลียคริสตัลแบบส่วยเฟ่อใหญ่เฟ่อ อยู่นับชิ้นไม่ถ้วน
การสร้างพระราชวังโดลมาบาห์เชเสร็จสิ้นเมื่อปีค.ศ. 1856 สิ้นเปลืองทองไปหลายตันเป็นผลให้จักรวรรดิต้องล้มละลาย และหลังสร้างเสร็จไม่นานองค์สุลต่านอับดุลเมจีดก็สิ้นพระชนม์
ที่นี่เปิดบริการทุกวันเวลา 09.30-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์และพฤหัสบดี
ถ่ายมาแต่ด้านนอกนะคะ ด้านในสวยมาก ห้ามพลาดทีเดียว โคตรคริสตัล รวมอยู่ทีนี่เลย
ต่อกันที่ฮาเกียโซเฟียที่เป็นมัศยิดสีชมพู ที่เดิมเป็นโบสถ์คริสต์ ใหญ่โตมโหรทึกมาก ตอนนี้ปิดซ่อมอยู่ครึ่งหนึ่งคงอีกสักสองสามปีจะเสร็จ เราเดินถ่ายรูปกันที่ชั้น 1 ปรากฎว่ามีขึ้นชั้นสองอีกใหญ่ยักษ์จริงๆ
ออกจากฮาเกียโซเฟีย เราพากันไปที่เมืองเก็บน้ำใต้ดินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม..ข้อดีของวันที่ฝนตกฟ้า ไม่สวยคือเราไม่ต้องเสียเวลาทนหนาวอยู่ข้างนอกนาน รีบๆเข้าไปเที่ยวข้างใน
เมืองใต้ดินเป็นแหล่งเก็บน้ำใหญ่ที่สร้างในสมัยโบราณต่อมาเขาเลิกเอามาเก็บน้ำ เลยเอามาเก็บขยะและเก็บศพ ...แป่ววว ตอนนี้ก็ปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ค่อนข้างเจ๋งทีเดียวในนี้เขาเลี้ยงปลาตัวอ้วนๆไว้ด้วย เพื่อให้น้ำไม่นิ่งจนเน่าเสีย ข้างในสุดมีฐานเสาซึ่งทำเป็นหัวเมดุซ่ากลับหัวไว้สองอัน ให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปซึ่งก็ไม่รู้ทำไม หาสาเหตุไม่ได้เป๊ะๆล่ะค่ะ
หัวเมดุซ่าที่โด่งดัง
จากเมืองใต้ดินเราเดินเตร็ดเตร่ไปเที่ยวตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นตลาดใหญ่มากกลางเมือง ที่เก่าแก่และค่อนข้างสะอาดค่ะ เราเดินยังไม่ถึงไหนแต่ด้วยความที่ค่อนข้างเย็นแล้ว ใกล้ปิดแล้ว เราซื้อพวกโคมไฟเซรามิค ผ้าคลุมไหล่ กันกลับมาพอหอมปากหอมคอ เลยไปทานอาหารเย็นกันที่ทักซิมอีกเช่นเดิม
วันท่องเที่ยววันสุดท้ายของทริป เราตื่นเช้าพอควรเพื่อไปนั่งรถไฟไปขึ้นเรือทัวร์ข้ามช่องแคบบอสฟอรัส ฟ้าก็ไม่แจ่ม เอาเป็นว่าสวยพอสมควร ลงจากเรือก็เริ่มหิวอีกละ
ร้าน อาหารเที่ยงร้านนี้ก็เดินมาแบบฟลุ้กๆอาหารมีแค่ไม่กี่อย่างให้เลือก ปรากฎว่าอร่อยมาก พอเราทานเสร็จหันไปดูด้านนอกมีคนต่อคิวรอทานกันเยอะมากๆ มีอยู่สองอย่าง ถ้าแถวนี้ไม่มีอะไรกินร้านนี้ก็คงเป็นร้านดังจริงๆแฮะ
ต่อ ไปพุ่งไปที่วังทอปกะปิซึ่งอยู่ไม่ไกล วันนี้อากาศดีขึ้น มีแสงสวยๆให้ถ่ายรูปเสียแต่ในเมืองดอกไม้โรยหมดแล้ว เมื่ออาทิตย์แรกที่เรามาถึงอิสตันบูลดอกไม้กำลังบานเชียวเสียดายเล็กน้อย
ในวังทอปกะปิไม่เหมือนวังโดลบามาเช่ วังนี้จะเป็นวังที่ออกแนวกว้างมากเดิมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีกระทั่งสวยสัตว์อยู่ในนี้
ไฮไลต์ ของที่นี่คือการเข้าไปชมอัญมนีของราชวงศ์ ซึ่งเพ็ชรเม็ดที่ใหญ่ที่สุดถึง 86 กะรัตและกริชมรกตทอปกะปิ อันเลื่องชื่อ คิวย้าวยาว ไม่รู้จะยาวไปไหน ถ่ายรูปก็ไม่ได้ออกมาต่อที่ฮาเร็ม ที่นี่ดูโอ่โถงน้อยกว่าที่โดลบามาเช่อีกเช่นกันแต่ว่าก็มีลูกเล่น มีกระเบื้องสีสวยๆแปลกตาอีกแบบค่ะ
จบจากวังเราก็มุ่งหน้าไปตลาดนัดเครื่องเทศSpice Bazaar ไปหาซื้อของฝาก หมายมั่นหาขนมเตอร์กิชดีไลท์ อินทผาลัม ชา ผ้า
ดินแดนนี้ช่างมีสีสันพ่อค้าขายของเก่งม้าก สั่งสอนกันมาเหมือนกันทั้งประเทศ พ่อค้าไทย พ่อค้าจีนอาย
เราพบว่าผลไม้แห้งที่นี่ราคาแพงกว่าที่เราผ่านมาตลอดทางอร่อยรึก็สู้ไม่ได้ พวกชาแอ้ปเปิ้ลที่นี่ก็แพงเช่นกัน ต้องต่อราคาเยอะๆ
จบจากการซื้อของฝากคราวนี้เราเดินเล่นมาที่สะพานที่มองเห็น GalataTower ตรงนี้พลุกพล่านและค่อนข้างสกปรกจากขยะตามพื้น ใต้สะพานมีร้านอาหารเต็มไปหมดอารมณ์เหมือนแถวท่าพระจันทร์
เราวาดหวังว่ามื้อสุดท้ายของทริปจะได้ทานอาหารดีๆ หรูๆ ซิทดาวน์ดินเนอร์กันเริ่ดๆแต่ครั้นเดินข้ามสะพานไปเจอตลาดปลา เราเดินเข้าไปจนสุดเจอร้านอาหารที่มีคนตุรกีนั่งทานกันแบบแน่นไปหมด เราเลยละทิ้งอุดมการณ์จัดปลากันหลังตลาดปลากันนี่เอง
ร้านนี้ไม่มีเมนูเราต้องไปยืนเลือกสั่งปลากันเองว่าจะเอาแบบไหน คนแน่นมาก เราระเห็จมานั่งในสุดของร้านบริการออกจะไม่ค่อยทั่วถึง เพราะคนเยอะราวกับร้านแดงแม่กลองก็ไม่ปานอาหารที่สั่งก็มีเมนูบ้านๆ
คาลามารี่อร่อยมากมีเครื่องเคียงมาเป็นถาดๆให้เลือก เราเลือกที่เรากินสองสามอย่าง กับเบียร์เพื่อเป็นการฉลองปิดทริป
ตอนเช็คบิลถึงกับอึ้งกิมกี่ 430 ลีร่า แพงที่สุดเท่าที่กินอาหารมาทุกมื้อในทริปนี้...ด้วยเหตุผลกลใด การกินปลาย่างข้างตลาดปลาถึงราคามหาโหดเท่านี้
จบทริปด้วยความสนุกโก๊ะกัง หวังว่าจะได้มีทริปต่อไปสนุกๆแบบนี้อีก ^^ Can't wait!!!!!!