Welcome(ยินดีต้อนรับ)
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

เกิดมาเพื่อไปโรงเรียนอนุบาล(ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียวTHE ONE STRAW REVOLUTION)

ชายหนุ่มพร้อมกับถุงใบย่อมบนบ่า เดินทอดน่องตรงมาหาพวกเราที่ทำงานกันอยู่ในทุ่งนา
"คุณมาจากไหน" ผมถาม
"จากที่โน่น"
"คุณมาที่นี่ได้ยังไง"
"ผมเดินมา"
"คุณมาที่นี่ทำไม"
"ผมไม่รู้"

คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ไม่รีบร้อนที่จะเปิดเผยชื่อ หรือเรื่องราวในอดีตของตน เขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนนักด้วย เพราะว่าพวกเขาหลายคนไม่รู้ว่าตนมาที่นี่ทำไม เพียงแต่มา นี่เป็นเพียงสิ่งธรรมดาสามัญ

ในยามเริ่มแรก คนเราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน หรือจะไปไหน การพูดว่าคุณเกิดมาจากครรภ์มารดา และต้องกลับไปสู่ผงคลีดิน เป็นคำอธิบายทางชีววิทยาแต่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรดำรงอยู่ก่อนการเกิด หรือโลกที่รอเราอยู่ภายหลังตาย

เกิดมาโดยไม่รู้เหตุผล เพียงเพื่อจะหลับตาและจากไปด้วยความไม่รู้อันหาที่สุดมิได้ มนุษย์แท้จริงแล้วต่างเป็นสัตว์โลกที่น่าสงสาร

วันต่อมา ผมได้พบหมวกสานที่นักแสวงบุญกลุ่มหนึ่งมาทิ้งไว้ คราวที่แวะมาเยี่ยมหลังจากไปนมัสการวัดในชิโกกุ บนหมวกสานนั้นมีอักษรเขียนไว้ว่า "เริ่มแรกนั้นไม่มีตะวันออกตะวันตก ทิศทางนับสิบอสงไขย" บัดนี้ขณะที่ถือหมวกในมือ ผมถามหนุ่มคนนั้นอีกว่า เขามาจากไหน และเขาตอบว่า เขาเป็นลูกชายชองนักบวชแห่งวัดคานาซาว่า เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องโง่เขลาที่ได้แต่อ่านคัมภีร์อยู่ตลอดทั้งวัน จึงคิดอยากเปลี่ยนมาเป็นเกษตรกรบ้าง

ไม่มีตะวันออกหรือตะวันตก ดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก แต่นี่เป็นเพียงการสังเกตทางดาราศาสตร์เท่านั้น ความรู้ที่ว่าเรานั้นไม่เข้าใจทั้งตะวันออกและตะวันตกนั้นเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับสัจจะ ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีใครรู้ว่าดวงอาทิตย์มาจากแห่งหนใด

ในบรรดาคัมภีร์เป็นหมื่น ๆ สูตร มีพระสูตรหนึ่งที่น่าสำนึกในคุณ เป็นพระสูตรที่รวมเอาประเด็นที่สำคัญทั้งหมดไว้ พระสูตรนั้นคือคัมภีร์พระหฤทัยสูตรตามพระสูตรกล่าวว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า 'รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป' วัตถุและจิตเป็นหนึ่งเดียว แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความว่าง มนุษย์มิได้มีอยู่ มิได้ไม่มีอยู่ มิได้เกิดและมิได้ตาย ปราศจากชราและความเจ็บไข้ ปราศจากการเพิ่มและปราศจากการลด"

วันต่อมาขณะที่กำลังเกี่ยวข้าว ผมพูดกับคนหนุ่มที่นั่งพิงกับฟางกองใหญ่ว่า "ผมคิดว่าเมื่อข้าวถูกหว่านในฤดูใบไม้ผลิ เมล็ดจะงอกเป็นต้นอ่อน และขณะนี้ขณะที่เรากำลังเกี่ยวข้าว มันก็ดูเหมือนกับตายไป แต่ความจริงก็คือแบบแผนเช่นนี้จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ปีแล้วปีเล่า ซึ่งหมายความว่าชีวิตนั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่องในทุ่งนาแห่งนี้ และการตายในแต่ละปีโดยตัวมันเองก็เป็นการเกิดใหม่ในแต่ละปีด้วย คุณสามารถพูดได้ว่า ข้าวที่เกี่ยวอยู่ในขณะนี้มีชีวิตสืบต่ออย่างไม่ขาดสาย"

มนุษย์มักจะมองชีวิตและความตายด้วยทัศนาวิสัยที่ค่อนข้างตื้น การเกิดขึ้นของฤดูใบไม้ผลิ และการตายจากของฤดูใบไม้ร่วงมีความหมายอย่างไรต่อหญ้าเหล่านี้ คนเราคิดว่าชีวิตคือความรื่นรมย์ และความตายคือความเศร้าสลด เมล็ดข้าวที่นอนนิ่งอยู่ในพื้นดิน ซึ่งจะงอกเป็นต้นอ่อนในฤดูใบไม้ผลิ ใบและลำต้นของมันจะเหี่ยวเฉาในฤดูใบไม้ร่วง แต่กระนั้นเมล็ดกระจิริดของมันก็ยังคงห่อหุ้มความรืนรมย์แห่งชีวิตไว้อย่างเต็มเปี่ยม ความรื่นรมย์แห่งชีวิตมิได้สลายไปพร้อมกับความตาย ความตายมิใช่อะไรมากกว่าการจากไปชั่วคราว คุณมิได้กล่าวหรอกหรือว่าข้าวนี้มิได้รู้จักความเศร้าสลดของความตาย ด้วยเหตุที่มันเป็นเจ้าของความรื่นรมย์แห่งชีวิตอันเต็มเปี่ยม

สิ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นกับข้าวเจ้าและข้าวบาร์เลย์ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนืองไม่ขาดสายภายในกายของมนุษย์ด้วย แต่ละวันผมและเล็บงอกใหม่ มีเซลเป็นหมื่น ๆ ที่ตายไป เซลใหม่เป็นหมื่นก็เกิดขึ้นแทนที่ เลือดในกายเมื่อเดือนที่แล้วก็ไม่ใช่เลือดเดิมในวันนี้ เมื่อคุณคิดว่าบุคลิกลักษณะของคุณจะสืบต่อในร่างกายของลูกและหลานต่อไป คุณก็สามารถกล่าวได้ว่าคุณกำลังตายและเกิดใหม่ในแต่ละวันและยังคงมีชีวิตต่อไปอีกหลายชั่วอายุคนหลังจากตายไปแล้ว

หากว่าการมีส่วนร่วมอยู่ในวัฏจักรของการเกิดตายนี้จะสามารถประสบสัมผัสได้ในแต่ละวัน ก็จะไม่มีอะไรอื่นที่จำเป็นยิ่งไปกว่านี้อีก แต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถชื่นชมกับชีวิตขณะที่มันผ่านไป และแปรเปลี่ยนไปในแต่ละวัน เขายึดติดกับชีวิตตามประสบการณ์ที่เขาได้สัมผัสมา และความติดยึดเป็นนิสัยเช่นนี้ที่นำความกลัวตายมาให้ การให้ความใฝ่ใจแต่กับอดีตที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วหรือต่ออนาคตที่ยังไม่มาถึง เขาก็ได้หลงลืมไปว่าเขามีชีวิตอยู่บนพื้นพิภพในปัจจุบันขณะ การต่อสู้ในความสับสน เขาจะเฝ้ามองชีวิตของเขาที่ผ่านไปเหมือนอยู่ในความฝัน

"ถ้าหากชีวิตและความตายเป็นความจริง ความทุกข์ของมนุษย์จะมิใช่เป็นสิ่งที่หลบเลี่ยงมิได้ละหรือ"
"มันไม่มีชีวิตหรือความตาย"
"คุณพูดเช่นนั้นได้ยังไง"

โลกโดยตัวมันเองคือเอกภาพของวัตถุในกระแสแห่งประสบการณ์ แต่จิตของมนุษย์ได้แบ่งแยกปรากฏการณ์เป็นทวิภาวะ เช่น ชีวิตและความตาย ยินและหยัง ความมีและความว่าง จิตจะเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่สามารถสัมผัสรับรู้ได้นั้นเป็นสิ่งถูกต้องสมบูรณ์ และจากนั้นสสารก็ได้กลายเป็นวัตถุอย่างที่มนุษย์รับรู้มันตามปกติ

รูปของโลกทางวัตถุ บัญญัติเกี่ยวกับชีวิตและความตาย สุขภาพและความป่วยไข้ ความรื่นรมย์และความเศร้า ล้วนก่อกำเนิดขึ้นจากจิตของมนุษย์ ในพระสูตรเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า สรรพสิ่งเป็นความว่างนั้น พระองค์มิเพียงแต่ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากพุทธิปัญญาของมนุษย์นั้น เป็นความจริงอันเที่ยงแท้ พระองค์ยังทรงประกาศให้เห็นว่า อารมณ์ของมนุษย์ก็เป็นมายาด้วย

"คุณหมายความว่าทุกอย่างเป็นมายาหรือ ไม่มีอะไรเหลือเลยหรือ"
"ไม่มีอะไรเหลือเลยหรือ บัญญัติของ 'ความว่าง' ยังคงปรากฏชัดในใจของคุณ" ผมกล่าวกับคนหนุ่มนั้นว่า "หากคุณไม่รู้ว่าคุณมาจากไหน หรือจะไปที่ไหน ถ้างั้นคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณอยู่ที่นี่ ยืนอยู่ต่อหน้าผม หรือว่าการมีอยู่เป็นสิ่งไร้ความหมาย"
"……………………………………….."

เช้าวันต่อมา ผมได้ยินเด็กหญิงอายุ 4 ขวบถามแม่ของเธอว่า "ทำไมหนูจึงเกิดมาในโลกนี้คะ เพื่อจะไปโรงเรียนอนุบาลหรือคะ"

เป็นธรรมดาที่แม่ของเธอไม่สามารถตอบอย่างซื่อสัตย์ว่า "ใช่จ๊ะ ถูกแล้ว หนูต้องไปโรงเรียน" และยิ่งกว่านั้น คุณก็อาจกล่าวได้ว่าผู้คนทุกวันนี้เกิดมาเพื่อจะไปโรงเรียนอนุบาลกัน

นี้เป็นจริงสำหรับคนในวิทยาลัยที่ศึกษาอย่างขยันหมั่นเพียร เพื่อจะรู้ว่าทำไมเขาจึงเกิดมา ผู้คงแก่เรียนและนักปรัชญาแม้ว่าได้ทำลายชีวิตของเขาไปแล้วในความพยายามดังกล่าว ก็ยังกล่าวว่า เขาพึงพอใจที่จะได้เข้าใจถึงเรื่องนี้

แต่เดิมมนุษย์หามีจุดมุ่งหมายใดไม่ บัดนี้เขาได้ฝันถึงจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะหาความหมายของชีวิต นี่เป็นการต่อสู้มวยปล้ำเล่นคนเดียว มันไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรทุกอย่างที่ต้องคิดถึง หรือเสาะแสวงหา คุณควรจะถามเด็ก ๆ ดูว่าจิตที่ไม่มีเป้าหมายนั้นไร้ความหมายหรือเปล่า

จากวันที่พวกเขาเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล ความทุกข์ของคนก็เริ่มต้นขึ้นมนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีความสุข แต่เขาได้สร้างโลกแห่งความยากลำบาก และบัดนี้ก็ต้องต่อสู้เพื่อกำจัดความยากลำบากนั้น
ในธรรมชาติมีชีวิตและความตาย และธรรมชาติคือความรื่นรมย์
ในสังคมมนุษย์มีชีวิตและความตาย แต่มนุษย์มีชีวิตอยู่ในความทุกข์
โศก




 

Create Date : 04 มกราคม 2551
2 comments
Last Update : 5 มกราคม 2551 0:26:19 น.
Counter : 621 Pageviews.

 

ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ
ขอให้โชคดีนะคะ

 

โดย: CindyD 9 มกราคม 2551 22:22:41 น.  

 

เรื่องเรือที่เลือก

ขอบคุณนะคะที่แวะมาบอกให้หายข้องใจ อิ อิ

เรือของเราเป็นข้อ 2 ค่ะ

เรือธรรมดาๆ แต่มีลักษณะพิเศษๆ เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร..

 

โดย: Sowilo 19 มกราคม 2551 15:56:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


nunjoy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




การเป็นตัวของตัวเองอะแหละดีที่สู้ดดดดด!
Friends' blogs
[Add nunjoy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.