สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ก่อนอื่นบอกเลยว่าคิดถึงมากกกกกกกก คือช่วงนี้จะว่าอินหายจากการเขียนรีวิไปนานพอสมควรเลย มีใครคิดถึงกันไหมค่ะ ขอเสียงหน่อยยยยยยยยย
หลายคนเห็นรูปปกก็คงจะงงใช่ไหมค่ะว่าเอ๋ย！！ อินจะมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยว แนวภูเขาๆ ทะเลหมอกๆอย่างงี้เหรอ ??? - 555 ซึ่งไม่ใช่นะคะ แต่สิ่งที่อินจะมารีวิวในวันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่น ปลอดโป่งราวกับได้ไปเที่ยวทะเลหมอก หรือภูเขาสูง แล้วสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้ากันเลยทีเดียว (แต่มันจะว่าดูเกินจริง หรือโม้หรือเปล่าไปอ่านกันเลยยยยย)
ก่อนอื่นเรามาดูหน้าตาของสิ่งที่อินจะรีวิวในวันนี้กันก่อนเลย ในเพื่อนๆลองทายกันดูสิคะว่ามันคืออะไร ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อง เป็นไงค่ะ มีใครทายถูกบ้าง ยกมือขึ้น 555 แต่อินมันใจเลยว่าต้องมีคนตอบว่า พัดลมแอร์ แอร์ขนาดเล็กกันแนนอนเลยใช่ไหมค่ะ (ใครตอบบ้างยกมือขึ้นนนน)
มาค่ะ เรามาทำความรู้จักเจ้าเครื่องที่หน้าตาคุ้นๆแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเครื่องนี้กันก่อนเลย ...... ตัวนี้ เป็นเครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC2887 ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเครื่องฟอกอากาศมันไม่จำเป็นต้องมีนะ แต่บอกเลยว่าถ้าใครที่อ่านรีวิวนี้จบจะต้องอยากมีเครื่องฟอกอากศไว้ที่บ้านกันสักเครื่องแน่นอน แต่จะเป็นเพราะอะไร เราไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ
ซึ่งก่อนอื่น อินจะพูดถึงความพิเศษของเครื่องฟอกอากาศ philips รุ่น AC2887 ตัวนี้จะมีด้วยกันหลักๆ อยู่ 7 ข้อ
1. เทคโนโลยี AeraSense เป็นระบบเซนเซอร์คุณภาพสูงลิขสิทธิ์เฉพาะของ Philips เลย ซึ่งสามารถตรวจจับมลภาวะในอากาศได้ถึง 2.5 ไมครอนเลยทีเดียว
2. เทคโนโลยี VitaShield IPS ระบบกรองอากาศคุณภาพสูง สามารถกำจัดฝุ่นละออง ก๊าซที่เป็นอันตราย สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ไวรัส และมลภาวะต่างๆได้สูงถึง 99.97% 3. ทำงานเต็มประสิทธิภาพอย่างเงียบที่สุด ซึ่งทางPhilips ได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ลดความเร็วของพัดลม และระดับเสียงลง เพื่อให้หลับสบายตลอดคืน และยังสามารถเลือกเปิด-ปิดไฟแสดงผลบนเครื่องได้อีกด้วย
4. แสดงระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (P.M.2.5) แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะใช้ตัวเลขและสีในการแสดงสถานะของคุณภาพอากาศ ทำให้เราสามารถรู้คุณภาพอากาศ ณ ตอนนั้นได้อย่ารวดเร็ว
5. ตัวควบคุมไฟอัจฉริยะ มีระบบควบคุมไฟ AQI และไฟแสดงสถานะบนแผงควบคุม ให้หรี่ลง หรือปิด เพื่อป้องกันการรบกวน
6. โหมดอัตโนมัติ 3 โหลด มีโหมดในการฟอกอากาศด้วยกัน 3 โหมด คือ โหมดป้องกันมลภาวะ, โหมดไวต่อสารก่อภูมิ และโหมดกำจัดแบคทีเรีย และ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ
7. ดีไซน์ตามหลักแอโรไดนามิกส์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของอากาศให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งสำหรับเครื่องฟอกอาศ Philips รุ่น AC2887ตัวนี้ ออกแบบมาได้สวยเลยทีเดียว คือดูเรียบ แต่ทันสมัย แต่ว่าขนาดเครื่องอาจจะใหม่ไปสักนิด ทำให้ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย (น่าจะมีล้อจะได้ย้ายไปไหนมาไหนได้สะดวก 555)
ส่วนตรงจุดนี้ก็จะเป็นปุ่มควบคุม ลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดการแสดงสถานะของคุณภาพอากาศ หรือปุ่มตั้งเวลาที่ทำให้เราไม่ต้องกังวลในเรื่องของการลืมปิดหลังใช้งาน หรือการกดเลือกโหมดในการฟอกอากาศต่างๆ ซึ่งโหมดในการทำงานของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้จะมีด้วยกัน 3 โหมด คือ 1. โหมดป้องกันมลพิษ 2. โหมดไวต่อสารก่อภูมิแพ้เป็นพิเศษ 3. โหมดกำจัดแบคทีเรีย
ส่วนนี้จะเป็นในส่วนของวงแหวนสีที่ช่วยให้ง่ายต่อการแยกแยะค่าของฝุ่นละอองต่างๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ 1. วงแหวนสีน้ำเงิน อันนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพอากาศในบริเวณนั้นดี (ซึ่งห้องอินขึ้นเป็นสีน้ำเงินตอนเลย อากาศดีไปอีก) 2. วงแหวนสีน้ำเงินอมม่วง จะเป็นการบอกว่าคุณภาพอาศแถวนั่นไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่เช่นกัน อยู่ในระดับปานกลาง 3. วงแหวนสีแดงอมม่วง เป็นการแสดงวว่าคุณภาพอากาศบริเวณนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยง และจัดการแก้ไข 4. วงแหวนสีแดง อันนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดเพราะเป็นแสดงว่าคุณภาพอากาศบริเวณนั้นเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก ควรหลีกเลี่ยง และหาแนวทางแก้ไขโดยด่วน (ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่อินทำความสะอาดห้องแล้วฝุ่นเต็มไปหมด เครื่อฟอกอากาศที่เปิดไว้ก็เป็นสีแดง แบบแดงมาก ค่าแสดงไปถึง 100-160 เลยค่ะ)
โดยส่วนตัวอิน อินรู้สึกว่าเครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC2887 ใช้งานง่าย ใช้ไปสักระยะหนึ่งรู้สึกว่าหายใจโล่งมากขึ้น ซึ่งอินว่ามันทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี เพราะว่าเราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ทุกวันเลย
สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาซื้อกันได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ในราคา 16900 บาท (ราคาแรง แต่คุ้มค่า) #ต้องลองถึงจะรู้
ขอขอบคุณ
| Create Date : 23 สิงหาคม 2561 |
| Last Update : 28 สิงหาคม 2561 0:24:20 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 877 Pageviews. |
 |
|
