คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้.... ไม่ว่าอยู่ที่ไหน nobuta power enter !! :))
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
Kiseki (I Wish) "I love your movie koreeda" ( :





เมื่อเราโตขึ้น
เรายังเชื่อในปาฎิหาริย์ว่ามีจริงอยู่มั้ยคะ?
ยิ่งเราโตขึ้นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเชื่อในเรื่องของปาฎิหาริย์และเรื่องของพลังเร้นลับที่หาคำตอบไม่ได้เหล่านี้ลดลง

และนั่นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ในโลกของผู้ใหญ่

Kiseki (I Wish) เล่าเรื่องราวของเด็กชายสองคนพี่น้องที่พ่อกับแม่แยกทางกัน พี่ชายโคอิจิต้องไปอยู่กับแม่ ส่วนน้องชายริวโนะสุเกะ เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ พวกเขาเฝ้ารอวันที่พ่อกับแม่จะคืนดีกันและครอบครัวจะกลับมาเป็นบ้านเหมือนเดิม แต่จะทำวิธีใด...วันนั้นจึงจะมาถึง ประจวบเหมาะกับการได้ยินเพื่อนที่โรงเรียนพูดว่า ณ จุดที่รถไฟชินคันเซ็นสวนกัน พลังงานลึกลับตรงนั้นจะทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง สองพี่น้องจึงชักชวนเพื่อนสนิทไปนัดเจอกัน ณ สถานที่พิเศษแห่งนั้น

ณ จุดที่รถไฟชินคันเซนวิ่งสวนทางกัน
คำอธิษฐานจะเป็นจริง...


ปัญหาของเด็กๆคือ จุดที่รถไฟวิ่งสวนกันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย อีกทั้งจุดนั้นยังอยู่ห่างไกลจากเมืองที่พวกเค้าอยู่มาก การผจญภัยของโคอิจิกับริวและเหล่าเพื่อนสนิทจึงเริ่มต้นขึ้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความประทับใจ การก้าวผ่านวัยของเด็กๆและวันเวลาที่เป็นความทรงจำที่ดีในช่วงวัยนั้น ทั้งหมดเป็นเสน่ห์ของช่วงวัยเด็ก ที่ผู้ใหญ่หลายๆคนอิจฉาและปราถนาจะย้อนกลับไปมีความสุขกับ ความฝัน(ลมๆแล้งๆ) ในแบบนั้นอีกครั้งค่ะ

ตั้งแต่บรรทัดนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาของหนังบางส่วนนะคะ

โดยส่วนตัว น้องๆในเรื่องน่ารักทุกคน
และแสดงได้เป็นธรรมชาติ
แต่ที่ดึงดูดใจพี่สาวคนนี้ไปได้หมดใจเลยก็คือ ริวโนะสุเกะ
น้องชายคนเล็กคนนี้ค่ะ
น่ารักจังเลย เด็กอะไรพูดเก่ง และยิ้มได้โลกสดใสตลอดเวลา
ตอนที่คุณแม่แอบโทรศัพท์หาริวสุเกะที่อยู่กับพ่อ
แล้วน้องยังทำเสียงร่าเริง
คุณแม่ถาม "ริวไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ?"
ริวสุเกะ "ผมก็คิดถึงแม่ แต่พี่บอกว่าแม่บอกว่า ริวน่ะ เหมือนพ่อมาก ผมเลยคิดว่าแม่คงจะเกลียดผมอีกคน"
ฉากนี้เรียกน้ำตาไปอีกตามระเบียบ ( :

แล้วก็มาน้ำตาซึมอีกรอบ(เธอจะเซนซิทีฟเกินไปรึเปล่า 55)
อีกตอนใกล้จบ พวกเด็กๆออกผจญภัยเดินทางไป ณ จุดที่รถไฟสวนทางกันเพื่อรวบรวมคำอธิษฐานของแต่ละคนให้เป็นจริงเพื่อนสนิทของโคอิจิ ขอพาหมาที่ตายไปแล้วออกเดินทางไปด้วย คำอธิษฐานที่จะเป็นนักเบสบอลมืออาชีพนั้น ขอเปลี่ยนเป็นให้หมาที่ตายไปแล้วกลับมาวิ่งเล่นได้อีกครั้ง....ส่วนโคอิจิก็ปราถนาให้ภูเขาไฟในเมืองที่อาศัยอยู่ตอนนี้ระเบิดออกมา ตัวเองกับแม่จะได้ย้ายออกจากเมือง และกลับมาอยู่กับพ่อและน้องชายอีกครั้ง

ตอนที่ชอบมากคือฉากตอนที่รถไฟวิ่งสวนกัน
เด็กๆชูป้ายผ้า ในนั้นมีถ้อยคำอธิษฐานของแต่ละคนรวบรวมอยู่
(รวมถึงความฝันที่จะให้ภูเขาไฟระเบิดของโคอิจิด้วย)
ต่างแย่งกันตะโกนความฝันและคำอธิฐานของตัวเองออกไปดังๆ
มันเป็นฉากที่...บอกไม่ถูก แต่มันรวมทุกอย่างเอาไว้แล้วในนั้นสำหรับเรา อารมณ์ของหนังที่ปูมาทั้งเรื่อง จบลงที่ฉากนี้

งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกลารถไฟวิ่งสวนกันไม่นาน
ช่วงเวลาของคำอธิษฐานก็หมดลง
โคอิจิและริวสองพี่น้องยืนคุยกันบนลานรถไฟ
โคอิจิสารภาพกับน้องชาย
เมื่อกี๊พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้อธิษฐานอะไรเลย...
ริวโนะสุเกะก็สารภาพด้วยว่าเค้าก็ไม่ได้ขอในเรื่องที่สัญญาเอาไว้ด้วยเหมือนกัน และถามพี่ชายกลับว่า ทำไมถึงเลือกที่จะไม่อธิษฐานแล้ว?

โคอิจิ "ฉันเลือกที่จะรักโลกใบนี้ มากกว่าครอบครัว"
ดังนั้น ฉันไม่อยากให้ภูเขาไฟลูกนั้นระเบิด



มีใครในที่นี้ ยังคิดว่า ความฝันของเด็กๆ นั้นไร้สาระอยู่อีกมั้ยคะ

























I love your movie Koreeda ( :


Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 10:27:50 น. 11 comments
Counter : 1923 Pageviews.

 
เข้าตั้งแต่วันพฤหัสใช่ไหมคะ จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ดูเลย

เดี๋ยวจะไปดูบ้าง :)


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:0:22:03 น.  

 
ยังไม่ได้ดู แต่ไม่พลาดแน่นอนครับ
มีฉาก Long Take ไหมนะ?


โดย: คนขับช้า วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:22:00:36 น.  

 
เด็ก หมา คนแก่ มักทำให้เสียน้ำตาเสมอ


โดย: VET53 วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:10:21:51 น.  

 
เวลาชอบเรื่องไหนก็จะพูดถึงซ้ำๆ ดูมันซ้ำๆ
ดูจนใส่รายละเอียดความรู้สึกลงไปในหนังจนหมด
: ) นั่นคือโนบูตะล่ะค่ะ
อย่าง เวลาทำงานเหนื่อยๆ อยู่ๆก็เกิดท้อขึ้นมาแบบ
เง้อ เหวงๆ(เหงาๆ)จังเลย ก็จะแบบแว๊บ..ดนตรีเพลงบรรเลงประกอบเรื่อง love letter ขึ้นมา แล้วก็หน้าพระเอก(ตอนเด็ก)ก็ลอยมาแบบนี้น่ะค่ะ
แล้ว็จะแบบ มีพลัง อย่างไม่มีเหตุผล(เกี่ยวกันมั้ยเนี้ย)
กับเรื่องนี้ ยิ่งพอรู้ข่าววันนี้ว่าโรงลิโด จะต้องถูกยุบเพื่อสร้างศูนย์การค้าขึ้นมาในอนาคต ก็นึกอยากจะไปดูมันอีกสักรอบ..
บางทีก็คิดว่า สิ่งที่เป็นเพื่อนเรา
..กำลังจะหาย ไปที่ละอย่าง..
บางอย่างไปตามกระแสวันเวลา บางอย่างไปตามคลื่นวัฒนธรรม..
บางที ดูหนังที่ไม่มีคนดู ก็เหงา แต่บางทีดูหนังที่ไม่มีคนดู ก็รู้สึกดี รู้สึกเหมือนได้คุยกับใครคนหนึ่งที่อยากจะบอกอะไรกับใครสักคน และเราเป็นคนเลือกฟังมัน
^ ^
ตอบคุณคนขับช้า
ฉาก Long Take ในเรื่องนี้เหรอคะ...อืม ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เท่าที่ดู เรื่องนี้คุณโคริเอดะ ใช้วิธีการสื่อสารแบบที่ "สื่อ" ให้คนดู เข้าใจได้ง่ายกว่าหนังเรื่องก่อนๆหน้านี้ของเค้ามากเลยล่ะค่ะ เป็นเรื่องของอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของเด็กๆที่ผู้ใหญ่อย่างเราเราสามารถ "รับ" มาได้อย่างง่ายๆเลยค่ะ ไม่ต้องสื่อสารอะไรที่ลึกซึ้งมากเท่าเรื่องก่อนๆ (อย่างเรื่อง Distance ที่เหมือนมีการใช้กล้องตามติดชีวิตของตัวละครในเรื่องแล้วมีLong Take ยาวๆ )อย่างไรถ้าคุณคนขับช้าได้ดูแล้ว ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะโนบูตะยังเป็นผู้รู้น้อยในเรื่องฉากหรือเทคนิคในการสื่อสารเหล่านี้อยู่มากน่ะค่ะ ตอบไปก็กลัวไม่ถูก ^^
ตอบคุณ VET53
เด็ก หมา คนแก่
และ แววตา ของดาราคนโปรดมักทำให้เสียน้ำตาได้เสมอค่ะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 15 มีนาคม 2555 เวลา:2:30:58 น.  

 
the artist สนุกมากค่ะ เป็นหนังเงียบที่ ตอนแรกคิดว่าจะดูไม่เข้าใจ แต่หนังใช้วิธีการสื่อด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เข้าใจว่าตัวแสดงจะสื่ออะไร :)


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 18 มีนาคม 2555 เวลา:10:03:17 น.  

 
เพิ่งดูมาเมื่อวันอาทิตย์ แต่ผมดูที่ House

หนังน่ารักจริงๆ มุขตลกในเรื่องก็ใสๆ ให้ยิ้มตามได้ตลอด ดูแล้วอารมณ์ดี มีความสุขชะมัด

เสียดาย บทของอาจารย์หนวดในเรื่องโผล่มานิดเดียวเอง


โดย: Branelay IP: 110.164.115.229 วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:10:52:30 น.  

 
ดูมาแล้วและเขียนถึงแล้วครับ หนังดูง่าย และหลากหลายมากทีเดียวสำหรับงานของโคริเอดะ ชักจะชอบเขาแล้วสิ
แต่ Peak สุดคงเป็นเรื่อง Still Walking ที่โดนใจผมมากที่สุดเลยครับ
เรื่องนี้ก็อยู่ในขั้นมาตรฐานของเขาครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 6 เมษายน 2555 เวลา:21:00:21 น.  

 
เห็นแว้บๆ นั่น โจ โอดากิริ หรือเปล่าคะ


โดย: prysang วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:14:18:36 น.  

 
โจ โอดากิริ ค่ะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 7 เมษายน 2555 เวลา:16:24:58 น.  

 
เพิ่งได้ดูจบไปค่ะ ความรู้สึกดีกว่าดูเรื่องNobody Knowsค่ะ
อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกหดหู่หรือเศร้า
ได้เห็นความเจริญเติบโตของตัวละคร(ด้านความคิด)
อย่างโคจังที่ความคิดเปลี่ยนไปหลังได้เดินทางและได้พบเจอสิ่งต่างๆ
รู้จักคิดถึงคนอื่นเป็น จากที่เคยคิดถึงแต่ตัวเอง อย่างอยากให้ภูเขาไฟระเบิด
เพื่อให้ครอบครัวตัวเองได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
แต่พอได้ข้อมูลอีกมุมหนึ่งว่าภูเขาไประเบิดทำให้มีคนตาย(เยอะด้วย)
โคจังถึงกับอึ้งไปเลย และมาสู่การตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่ไม่ได้อธิษฐาน
เพราะ"ฉันเลือกที่จะรักโลกใบนี้ มากกว่าครอบครัว"โคจังเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้คือฉากที่เด็กๆไป อุปโลกน์ว่าเป็นหลานคุณตาคุณยาย
แล้วต่างฝ่ายต่างก็ไม่แน่ใจ สายตาลังเลบวกเว้าวอนของเมงุมินี้
แบบว่าเราคนดูต้องกลั้นหายใจตามไปด้วยว่าคุณยายจะyesหรือno
แล้วหนังก็ไม่ได้โหดร้าย win win ทั้งคู่ เด็กๆมีที่พัก มีอาหาร
ส่วนคุณตาคุณยายก็ได้เติมเต็มความสุขที่ขาดหายไปในช่วงหนึ่งของชีวิต
อย่างที่คุณตาบอกกับคันนะจังว่า
"สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากแล้วสำหรับเรา"
คุณตาคุณยายจึงไม่ต้องการอธิษฐานอะไรอีกแล้ว ฟังแล้วเต็มตื้นจริงๆค่ะ
I Wishเป็นหนังที่ดูแล้วให้แง่คิดในเรื่องสถาบันครอบครัวในหลายๆด้าน
ครอบครัวแตกแยกมีอยู่ทั่วไปในสังคมทุกวันนี้ อยู่ที่ว่าใครจะเลือกเดินไปข้างหน้า
อย่างริวโนะสุเกะ หรือจะย่ำอยู่กับที่และเรียกหาวันคืนเก่าๆที่ไม่มีวันกลับมาอย่างโคอิจิ
ซึ่งหนังแสดงให้เห็นผ่านเด็กสองคนนี้อย่างชัดเจน
ริวโนะสุเกะสนุกสนานร่าเริงมีชีวิตชีวา ในขณะที่โคอิจิเคร่งเครียดและซีเรียสกับชีวิต
ซึ่งเป็นเหมือนคำถามที่ผกก.ฝากทิ้งไว้เป็นการบ้านให้คิดอย่างนั้นล่ะค่ะ
แหะแหะ มะนาวคิดอะไรเลื่อนเปื้อนไปไกลหรือเปล่าคะนี่
ยิ่งดูหนังไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย(-_-')


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.81.162 วันที่: 12 สิงหาคม 2555 เวลา:9:31:13 น.  

 
ไม่เลยค่ะมะนาว
โนบูชอบความคิดนี้ของมะนาวเพคะ ที่บอกว่า

" .. อยู่ที่ว่าใครจะเลือกเดินไปข้างหน้า
อย่างริวโนะสุเกะ หรือจะย่ำอยู่กับที่และเรียกหาวันคืนเก่าๆที่ไม่มีวันกลับมาอย่างโคอิจิ"

ถูกต้องมากค่ะ เห็นภาพชัดเจนดีด้วย
จริงสินะคะ ริวโนะสุเกะ(ผู้มีพวงแก้มชวนจูจุ๊บของโนบู)
เด็กที่ดูร่าเริงอยู่เสมอๆ คือการที่เค้าสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ สามารถปรับตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตได้

"ถึงแม้ว่าผมน่ะ จะร่าเริงและมีความสุขมากเวลาที่อยู่ที่นี่..แต่รู้มั้ยฮะ มันไม่ง่ายเลย และผมต้องใช้ความพยายามขนาดไหน"

น่ารักนะคะเด็กคนนี้
ว่าแล้ววันหยุดนี้ อาจกลับไปดูอีกซักรอบ ^^


โดย: nobuta wo produce วันที่: 12 สิงหาคม 2555 เวลา:10:56:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nobuta wo produce
Location :
น่าน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




ปาฎิหาริย์คืออะไร เคยได้ยินประโยคนี้กันไหมคะ ?

"เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง จะมีประตูอีกบานเปิดเสมอ"
ประตูบานที่สองนั่นล่ะ คือปาฎิหาริย์
หน้าที่ของทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อในปาฎิหาริย์ก็คือ
"หาประตูบานนั้นให้เจอ"


Cr. ประภาส ชลศรานนท์


หวังว่า มิตรภาพดีดี จะเกิดขึ้น ใน blog นี้นะคะ

New Comments
Friends' blogs
[Add nobuta wo produce's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.