ความร่วมมือและความตกลงต่างๆ ความร่วมมือและความตกลงที่ลงนามแล้ว 1.ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ (Air Services Agreement)ลงนามเมื่อ 6 กันยายน ค.ศ.1979 2.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Agreement on Economic and Industrial Cooperation) ลงนามเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1986 3.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (Agreement en Cooperation on Tourism)ลงนามเมื่อ 17 มีนาคม ค.ศ.1987 4.สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาระหว่างไทย-สเปน (Treaty on Cooperation in the Execution of Penal Sentences)ลงนามเมื่อ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1983 และมีผลบังคับใช้เมื่อ 20 พฤศจิกายน ค.ศ.1987 5.ความตกลงด้านวัฒนธรรม (Cultural Agreement) ลงนามเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ.1987 6. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างกระทรวงกลาโหมไทย-กระทรวงกลาโหมสเปน (Memorandum of Understanding on Logistics Support)ลงนามเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1994 7.ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้า อุตสาหกรรม และ ชิปปิ้งของสเปน (The High Council of Chambers of Commerce, Industry and Shipping of Spain) ลงนามเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ.1995 8.อนุสัญญาเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ (Convention on the Avoidance of Double Taxation and the Prevention of Fiscal Evasion with Respect to Taxes on Income)ลงนามเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.1997 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1998 9.ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือกันทางการศาลในคดีแพ่งและพาณิชย์ (Agreement on Judicial Assistance in Civil and Financial Affairs) ลงนามเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1998 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1999
คนสเปนมีนิสัยรักพวกพ้องเครือญาติ สนุกสนาน ชอบพูดคุย ชอบทานอาหารและดื่มเหล้านอกบ้าน (ถ้ามีเงินพอ) คนที่ทำงานแล้วและยังไม่มีครอบครัวมักจะอยู่กินดื่มนอกบ้านในคืนวันศุกร์และเสาร์ จนถึงเช้าวันใหม่ ปัจจุบันการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งงานถือเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายมีลักษณะเจ้าชู้และมักมีความสัมพันธ์นอกสมรส ซึ่งเป็นลักษณะที่ขัดแย้งกับการแสดงตนเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา อย่างไรก็ดี จำนวนชาวแคธอลิกที่ปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำก็ได้ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ
ชาวสเปนจะไม่ค่อยรีบร้อน ทำอะไรตามสบายและไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา คำว่า ช่วงบ่าย ของคนสเปน ส่วนใหญ่จะหมายถึงตั้งแต่ 16.00 น.เป็นต้นไป และอาจล่วงเลยไปจนถึงตอนค่ำ ช่วงเวลาการทำงานของคนสเปน และเวลาเปิดทำการของร้านค้า คือ 10.00 14.00 น. และ 16.00 20.00 น. โดยรับประทานอาหารกลางวันตอน 14.00 น. และอาหารค่ำตอน 21.00 น.
อาหารประจำชาติสเปนได้แก่ ข้าวผัดสเปน หรือ Paella ซึ่งมีวิธีปรุงหลากหลาย และทานได้ทั้งในมื้อกลางวันและเย็น โดยถือว่าเป็น pasta อย่างหนึ่ง ส่วนอาหารเช้าที่มีชื่อเสียงคือ Porras (คล้ายปาท่องโก๋) และ Churros (แป้งเส้นกลมใหญ่ทอดเป็นวง) สำหรับอาหารว่างได้แก่ Tapas (อาหารจิ้ม) ซึ่งมีหลายรูปแบบ และทานแกล้มกับเครื่องดื่มในบาร์
การสู้วัวกระทิง
การสู้วัวกระทิงมีมานานแล้วในประวัติศาสตร์สเปน เมื่อประมาณ 600 ปีก่อน ตระกูลชั้นสูงของสเปนจะมีหน้าที่ผสมพันธุ์วัว และนำมาสู้ต่อหน้ากษัตริย์และขุนนาง ชายคนแรกที่ทำให้การสู้วัวเป็นอาชีพขึ้นมาคือ Francisco Romero เมื่อกลางศตวรรษที่ 18 แต่ผู้ที่ถือว่าเป็นบิดาแห่งการสู้วัวสมัยใหม่คือ Pedro Romero หลานชาย ในทศวรรษ 1830 ซึ่งได้ก่อตั้งโรงเรียนสู้วัวกระทิงขึ้นอย่างเป็นระบบ
การสู้วัวกระทิงอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 12 ตุลาคม ของทุกปี โดยถือว่าเป็นศิลปะที่นำเอา สีสัน อันตราย ประเพณี ความงาม ความกล้า เลือด และความตื่นเต้นเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีเสียงคัดค้านและขอให้ยกเลิกกีฬานี้จากผู้ที่เมตตาสัตว์มากขึ้น
ระบำฟลามิงโก
ฟลามิงโกมีกำเนิดจากนิทานพื้นบ้านของสเปนใต้ แล้วพัฒนาเป็นศิลปะที่มีรูปแบบซับซ้อน ทั้งเพลง ดนตรี และการเต้นรำ โดยเมื่อแรกอยู่ในหมู่คนยากไร้ในสังคม ความเป็นมาของระบำฟลามิงโกกล่าวกันหลายแบบ บ้างว่ามาจากชาวตาร์เตสซาน ที่อพยพมาจากแอฟริกา เมื่อ 400-600 ปีก่อนคริสตกาล บ้างก็ว่าพัฒนามาจากระบำยิปซี โดยผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของสเปนเองโดยเฉพาะในแถบอันดาลูเซีย แต่ประการหลังน่าจะมีความน่าเชื่อถือกว่า ในทศวรรษ 1760 ฟลามิงโก เริ่มเป็นที่รู้จักในแถบกาดิซ เฆเรซ และเซบิญา และในต้นศตวรรษที่ 19 ระบำฟลามิงโกก็เข้าสู่โรงละครและผ่านไปสู่สถาบันการเต้นรำ ปัจจุบัน สามารถชมการแสดงระบำฟลามิงโกได้ตามภัตตาคารที่มีการแสดงนี้
การเผยแพร่วัฒนธรรมของสเปน
เนื่องจากสเปนเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งทางศิลปวัฒนธรรม และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก รวมทั้งการที่สเปนเคยเป็นเจ้าอาณานิคม ดังนั้น สเปนจึงมีความสนใจที่จะทำการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศที่เคยเป็นอาณานิคม หรือประเทศที่ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลัก เช่น ประเทศในลาตินอเมริกา และฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ คนสเปนยังเป็นผู้ที่ยึดมั่นและภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของประเทศตนในอดีตมาก ดังนั้น การติดต่อราชการ ธุรกิจการค้า และการศึกษาในระดับต่าง ๆ ในสเปน จึงยังคงต้องใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก แม้ว่าจะมีการเพิ่มหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนต่าง ๆ กันบ้างแล้วก็ตาม การศึกษา
รัฐบาลสเปนรับภาระด้านการศึกษาสำหรับโรงเรียนของรัฐจนถึงมัธยมปลาย 1ใน 3 ของนักเรียนมักเรียนในโรงเรียนของวัดแคธอลิก ซึ่งรัฐให้เงินอุดหนุนบ้าง การเรียนในมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องสอบเข้า ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยจะจัดสอบเอง มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีได้แก่ มหาวิทยาลัย Complutense มหาวิทยาลัย Autonoma และมหาวิทยาลัย Carlos III ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในกรุงมาดริด
การท่องเที่ยว
สเปนให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของตนมาก เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้หลักให้กับประเทศ ถึงปีละ 12% ของ GNP และสร้างงานได้ถึงร้อยละ 11 ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนสเปนปีละกว่า 52 ล้านคน อย่างไรก็ดี คาดว่าตลาดการท่องเที่ยวของสเปนกำลังจะถึงจุดอิ่มตัว และจะต้องแข่งขันกับตลาดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่กำลังเกิดขึ้น ได้แก่ ตุรกี และยุโรปตะวันออก นอกจากนั้น สเปนยังประสบกับปัญหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายอีกด้วย
สิทธิมนุษยชน
สเปนพยายามแสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน เพื่อแสดงออกถึงภาพพจน์ที่ดีของตน โดยพยายามกล่าวย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า ความสัมพันธ์กับประเทศใด ๆ ก็ตาม จะต้องนำประเด็นในเรื่องของปัญหาสิทธิมนุษยชนมาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ สเปนยังมีนโยบายที่จะไม่ทำการติดต่อทางการค้ากับประเทศที่มีการใช้แรงงานอย่างทารุณและริดรอนสิทธิเสรีภาพของชนกลุ่มน้อย และย้ำว่า สเปนพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทุกองค์การทั้งในสหภาพยุโรป และในองค์การสหประชาชาติ ในการปฏิบัติการเพื่อพิทักษ์สิทธิมนุษยชน มีชาวสเปนจำนวนไม่น้อยที่เป็นสมาชิกองค์การเพื่อสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งมักจะช่วยกันส่งจดหมายแสดงความห่วงใยในกรณีด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ในประเทศไทยมาที่สถานเอกอัครราชทูต ฯ บ่อย ๆ
การต่อต้านการค้ายาเสพติด
สเปนให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด โดยเห็นว่าเป็นปัญหาที่ทุกประเทศควรรับผิดชอบร่วมกัน โดยสเปนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในระดับระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ในการปราบปรามยาเสพติด ทั้งความร่วมมือทางการศาลและควบคุมการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดให้มีความเข้มงวดยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สเปนตระหนักดีว่า ยาเสพติดจำนวนมากที่ถูกนำมาขายในยุโรปตะวันตกมาจากประเทศในแถบลาตินอเมริกาและแอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะโคลัมเบียและโมรอกโก โดยถูกส่งผ่านทางสเปน และเป็นที่รู้กันว่า นอกจากเจ้าพ่อยาเสพติดในสเปนแล้ว ในประเทศอื่น ๆ เช่น อิตาลีและรัสเซียก็มีการลักลอบค้ายาเสพติดด้วยเช่นกัน ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วน