" กะปง " อำเภอทีไร้ทะเล แต่...มีทะเล

  กะปง...อาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักสำหรับคนทั่วไป แต่เมื่อเอ่ยถึง พังงา คงน้อยคนทีชอบเดินทางจะไม่รู้จัก พังงามี 8 อำเภอ ทุกคนจะรู้จักพังงาว่าเป็นจังหวัดทีมีทะเลสวย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า หนึ่งในนี้ที่ไม่มีทะเล นั่นคือ อ.กะปง
อ.กะปง ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอตะกั่วป่า และอำเภอพนม (จังหวัดสุราษฎร์ธานี)ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอพนม (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองพังงาและอำเภอท้ายเหมือง ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอตะกั่วป่า
อ.กะปง เป็นอำเภอที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก 
ดิฉัน เป็นคนอำเภอกะปงโดยกำเนิด แต่มีโอกาสใช้ชีวิตที่จังหวัดอื่นเสียค่อนชีวิต โดยส่วนตัวจะชอบทะเลมาก ถึงมากที่สุด ถ้าให้เลือกระหว่างภูเขากับทะเล ยังไงก็ต้องเป็นทะเล แต่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะก่อนที่จะเรียนรู้โลกกว้าง ก็ไม่เคยเห็นว่าทะเลจริงๆเป็นยังไง ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ หากใครถามว่ามาจากไหน แล้วเราตอบกลับไปว่าพังงา....อำเภอกะปงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 ตำบล
- เหมาะ
- ท่านา
- เหล่
- รมณีย์
- กะปง
ข้อมูลนี้อาจดูธรรมดา หาที่ไหนก้ได้ แต่ลองมาดูคำขวัญค่ะ

"ม่านหมอกเมืองใต้ ผลไม้นานา พระนารายณ์ล้ำค่า ศรัทธาหลวงพ่อเซ่ง"

มีอยู่วันหนึ่งหลังจากที่ใช้ชีวิตกับแสงสี เบื่อ เหนื่อย ได้เดินทางกลับมาบ้านเกิด  ตีสอง ของวันหนึ่งในเดือน มกราคม อุต๊ะ อะไรขาวๆลอยตัดน่ารถ วูบแรกคิดว่าผี แต่คุณค่ะ มันคือหมอกค่ะ หมอกที่ไม่เคยคิดว่าภาคใต้ที่ร้อนแสนร้อนในช่วงเย็น จะมีหมอกลงเย็นจัดในช่วงเช้า ตั้งแต่นั้นมาภาพในวัยเด็ก ตื่นเช้าผิงไฟ ก็ผุดมาในมโน ถามตัวเองว่า เราลืมมันไปได้อย่างไร

หากคุณคิดว่าดิฉันพูดไม่จริง  ปลายธันวาคม ถึง กมภาพันธ์ ลองมาเยือนซิคะ

ตามข้างต้น ดิฉันตั้งหัวข้อว่า " กะปง " อำเภอทีไร้ทะเล แต่...มีทะเล งงใช่มั๊ยคะ ทะเลที่ว่าคือ ทะเลหมอกค่ะ



ภาพทีเห็นคือ ทะเลหมอกค่ะ เครดิตภาพคงต้องให้ผู้ถ่ายไว้ แต่ก็ไม่ทราบว่าใครถ่ายมา แต่สวยมากค่ะ

ทะเลหมอกภูตาจอ

ผืนป่าพื้นที่อำเภอกะปง อันเป็นป่าอนุรักษ์ที่ได้ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับป่าเขาสก ซึ่งยังพบฝูงช้างป่าที่หากินไปมาระหว่างป่าทั้งสอง จึงจัดว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์ จึงได้เกิดศักยภาพเชิงท่องเที่ยวขึ้นมาในรูปลักษณะของทะเลหมอกที่เราสามารถเข้าไปได้ที่เหมืองตาจอ อันเป็นเหมืองแร่ดีบุกเก่าแก่ ซึ่งได้เรียกติดปากกันว่า "ภูตาจอ"

การเดินทางเข้าสู่เหมืองตาจอ หรือ ภูตาจอ นั้นจะเริ่มต้นจาก อบต.เหล ผ่านบ้านช้างเชื่อ บ้านนกฮูก ซึ่งจะผ่านแนวเทือกเขาที่แปรสภาพมาเป็นสวนยางและสวนปาล์ม จนมาถึงทางแยกซ้ายเข้าป่า รวมระยะทางประมาณ 10 กม. ซึ่งตรงปากทางจะป้ายบอกทางเข้าภูตาจอ 13 กม. เข้รับน้ำ 14 กม. น้ำตกโตนต้นหมาก 9 กม. และหน่วยพิทักษ์ป่า 6 กม.

เส้นทางเข้าภูตาจอดั้งเดิมคือ เส้นทางเหมืองเก่า ประวัติดั้งเดิมว่า มีตาจอ หรือ นายจอ เป็นผู้บุกเบิกเข้ามาทำเหมืองเป็นคนแรก จนกระทั่งได้มีผู้คนเข้าไปทำเหมืองกันมากมาย เนื่องจากในสมัยนั้นราคาแร่ดีบุกมีราคางามไม่ต่างกับราคาพาราในปัจจุบันนี้

ถนนที่ผ่านแนวป่าทึบขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งยังมีสภาพเป็นป่าดิบชื้น จุดแรกจะผ่านหน่วยพิทักษ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต และต่อจากนั้นจะพบป้ายลงไปน้ำตกโตนต้นหมาก จอดรถริมทางแล้วเดินลงไปตามเส้นทางเดินเท้า

เดินเท้าลงไปประมาณ 400 เมตร ก็จะพบกับน้ำตกโตนต้นหมากที่มีระดับความสูงและความงดงามไม่แพ้ที่แห่งใดเลย ประกอบกับเป็นผืนป่าดิบชื้น จึงได้เห็นสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี

กลับออกมาแล้วก็เดินต่อไปยังภูตาจอ ซึ่งต้องไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงลานมาเลย์ คือ บริเวณที่ชาวมาเลย์เข้ามาตั้งแคมป์เพื่อจะทำเหมืองดินขาวที่มีอยู่มากมายในบริเวณเหมืองแร่ดีบุกเก่าแก่แห่งนี้ แต่ชาวบ้านได้คัดค้านเอาไว้ จนต้องเลิกราถอนทัพออกไป

สภาพถนนก่อนถึงเหมืองตาจอ ได้พบเห็นการปรับปรุงเส้นทางเพื่อให้รถยนต์ขึ้นไปถึงตัวเหมืองได้เลย ซึ่งหมายความว่าก็ถึงจุดชมวิวของภูตาจอนั่นเอง

บริเวณลานโล่งที่เป็นทรายขาวรายรอบด้วยเหมืองเก่า อันบ่งบอกกาลเวลา และยุคสมัยที่เคยรุ่งเรือง ซึ่งเหมืองดีบุกแห่งนี้เคยคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ลุงจรูญ เมฆหมอก เป็นผู้สืบสานเรื่องในอดีตจนถึงปัจจุบัน บอกว่าจะมีนักเสี่ยงโชคเข้ามาทำแร่ ในยุคนั้นก็ยังไม่มีถนนหรือรถยนต์ จึงต้องแบกขนแร่ออกไป ด้วยแบกหามไปคนละ 40-50 กก. เดินกันเป็นแถวยาว

เราเลือกพื้นที่กางต็นท์ในบริเวณที่หลบลม อยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำมากนัก เป็นห้องน้ำที่ อบต. สร้างขึ้นมาชั่วคราว ทำจากถังน้ำขนาดใหญ่มาก เจาะประตูเปิด-ปิดได้ ด้านบนทำช่องระบายอากาศอย่างกิ๊บเก๋ เป็นห้องน้ำที่สะอาดมาก เพราะมีลุงจรูญจะคอยดูแลเป็นอย่างดี อีกทั้งบริการไปตักน้ำมาใส่ในห้องน้ำ และยังคอยเก็บขยะที่ตกค้าง ซึ่งเป็นความใส่ใจที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

จุดชมวิวเดินขึ้นไปประมาณ 10 นาที ไม่สูงชันมาก สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ป่าได้ 360 องศา จึงจัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่กำลังมาแรงอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงยามเช้าตรู่ เราจึงได้เห็นสายหมอกไหลคลอเคลียไปตามยอดเขาทางด้านตะวันออก และด้านทิศใต้ ส่วนกลุ่มทะเลหมอกที่แผ่คลุมผืนป่าอย่างแน่นนั้นจะอยู่ทางตะวันตก

ร่องรอยขุมเหมืองเก่าที่ผ่านการทำแร่มาช้านาน จึงได้เกิดเป็นรูปทรงประติมากรรมธรรมชาติที่แปลกตา รายรอบด้วยผืนป่าดงดิบชื้น หุบป่าด้านล่างจะมีแหล่งน้ำเป็นหนองน้ำใหญ่ ซึ่งเป็นแคมป์คนงานเหมืองมาก่อน ปัจจุบันก็ยังสามารถใช้สอยได้เหมือนเดิม

ห้วงเวลาของความงดงามเมื่อท้องฟ้าเปิดโล่ง สายหมอกที่ล่องไหลผ่านแสงสีทองออกมาเป็นภาพที่สวยงาม ฝั่งตรงข้ามอันเป็นด้านตะวันตก คือ ผืนทะเลหมอกสีขาวโพลนที่เกิดตัวเป็นกลุ่มแน่นหนา แม้ว่าแสงแดดจะสาดแสงแรงกล้าแค่ไหน กลุ่มทะเลหมอกก็ยังไม่ขยับไปไหน ยังคงเป็นภาพอันตระการตา สมกับคำร่ำลือถึงความงดงามบริสุทธิ์ของผืนทะเลหมอกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดพังงา

ตลอดเวลาที่เราเดินลงจากยอดเขามายังที่พัก สายตาเราก็ยังมองไปชมภาพผืนทะเลหมอกที่ยังปรากฏอยู่เหนือผืนป่า และเคียงข้างกับผืนฟ้าเหนือป่าเขาภูตาจอ อันเป็นภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ เมืองพังงาที่เราเชื่อมั่น ''ภูตาจอ'' คือ ความงดงามที่ไม่มีกล้าปฏิเสธ (ขอบคุณข้อมูลดูดีจาก กะปงซาฟารีทัวร์)

ถามว่าดิฉันเคยไปรึยัง  ยังเลยค่ะ เพราะยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือน และยังอยู่ในช่วงตัดสินใจที่จะไปใช้ชีวิต แบบ slow life และจะต้องไปแน่นอน แล้วจะถ่ายภาพสวยๆมาโชว์ค่ะ

ดูภาพคนอื่นไปก่อนนะคะ

อำเภอกะปงยังมีอีกหลายที่น่าเที่ยวค่ะ ทั้งน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน

แต่ที่อยากให้ชื่นชม คือบรรยากาศ ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อน หนีเมืองมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชาวกะปงยินดีต้อนรับผู้มาเยือน เราขอเพียงช่วยกันรักษา สิ่งที่เป็นอยุ่ให้คงทนสุ่ลูกหลานค่ะ แต่ถ้าแวะมาอย่าลืมมากราบหลวงพ่อเซ่งนะคะ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราชาวกะปงค่ะ

หนาวนี้จะถ่ายรูปมาฝากค่ะ เอาบรรยากาศเบาๆก่อนค่ะ

ภาพที่ถ่ายเองอาจดูธรรมดานะคะ เพราะถ่ายจากโทรศัพท์ค่ะ

Create Date : 27 ตุลาคม 2558		2 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2558 9:17:33 น.
Counter : 1524 Pageviews.
Share Tweet