Group Blog All Blog |
มหาตมะ คานธี มหาตมะ คานธี มีชื่อเต็มว่า โมหันทาส กรรมจันท คานธี เป็นนักการเมือง และผู้นำที่มีชื่อเสียง ที่สุดของอินเดีย มหาตมะคานธีเป็นรัฐบุรุษที่มีความสามารถในการรวมผู้นำฝ่ายต่างๆ ทั้งผู้นำหัวสมัยใหม่ผู้นำที่ยึดนโยบายสายกลาง ผู้นำที่เป็นนักอนุรักษ์นิยม และผู้นำชาวมุสลิมเข้าด้วยกัน จนสามารถรวมเป็นขบวนการชาตินิยมได้สำเร็จ ชาวอินเดียได้ยกย่อง่วาเป็นบาบูจี หรือผู้เป็นที่เคารพรัก คานธีได้ใช้วิธีต่อสู้กับอังกฤษเพื่อเรียกร้องเอกราชให้อินเดียที่เรียกว่าการต่อต้านเงียบ หรือ ขบวนการสัตยาเคราะห์ ซึ่งเป็นการต่อสู้โดยสันติวิธีไม่ใช้กำลัง แต่ใช้ธรรมะ และการเจรจาต่อรอง โดยมีหลักสำคัญ 3 ประการ คือ 1. สัตยะ คือ ความจริง 2. อหิงสา คือ ไม่เบียดเบียนให้เสียเลือดเนื้อไม่ใช้กำลัง 3. การดื้อแพ่ง คือ การไม่ปฏิบัติตาม ไม่เชื่อฟังการประท้วง คว่ำบาตร เป็นต้น -ใน ค.ศ. 1888ทางครอบครัวได้ส่งคานธีไปศึกษาวิชากฎหมายที่อังกฤษ จนสำเร็จการศึกษาและกลับมาอินเดียในปี คศ. 1892ต่อมา คศ. 1915 คานธี ได้เดินทางไปทั่วประเทศอินเดียเพื่อจะได้ไปรู้เห็นความเป็นจริงในอินเดียเป็นเวลารวม 1 ปี ต่อมาคานธีเริ่มก่อกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชนอินเดียโดยวิธีขอความร่วมมือผนึกกำลังคนละเล็กคนละน้อยจนเป็นพลังที่สั่นประเทศได้ประกอบกับในช่วงนั้น อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษทำให้ต้องมีการเรียกร้องสิทธิที่อังกฤษพยายามกดขี่ชาวอินเดีย ตัวอย่างเช่น ใน ค.ศ.1919 ได้มีการประกาศกฎหมาย Rowlatt ซึ่งเป็นกฎหมายที่กดขี่ชาวอินเดียคานธีจึงประกาศขอความร่วมมือให้คนอินเดียหยุดงาน แล้วประชาชนเป็นล้านๆคนก็หยุดงานในวันนั้น สั่นคลอนอำนาจรัฐบาลอังกฤษอย่างชัดเจน -1930 ประท้วงกฎหมายอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียทำเกลือกินเองโดยในวันที่12 มีนาคม คานธีได้เริ่มการเดินทางไปยังชายทะเลในตำบลฑัณฑี พร้อมกับประชาชนนับแสนคนที่เต็มใจไปกับคานธีบอกประชาชนนับแสนให้ร่วมกันทำเกลือกินเอง ทางการอังกฤษ ได้จับกุมคานธีและประชาชนนับแสนคนในวันที่4 พฤษภาคม ค.ศ. 1930 ทำให้จำนวนแรงงานอาชีพในอินเดียหายไปเป็นจำนวนมากทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบบริหารงานของรัฐบาลอังกฤษเกิดความปั่นป่วนอย่างใหญ่หลวงจนกระทั่งต้องปล่อยตัวประชาชนออกมา คานธีถูกเชิญตัวไปร่วมประชุมหารือกับรัฐบาลอังกฤษโดยมีนายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้นเป็นประธาน การประชุมครั้งนี้ไม่ได้ผลอะไรมากนัก -ค.ศ. 1945 มีการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษนายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศจะให้อินเดียได้ปกครอง แต่ อังกฤษต้องหารัฐบาลชาวอินเดียที่จะปกครองอินเดียต่อจากอังกฤษ แต่ทว่าไม่สามารถตกลงกันได้ว่าระหว่างพรรคคองเกรส (ที่นับถือศาสนาฮินดู)กับสันนิบาตมุสลิม ใครจะมาปกครอง การให้อิสระอินเดียจึงต้องล่าช้าออกไป -เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1947ได้มีการเจรจาตกลงระหว่างพรรคคองเกรสกับสันนิบาตมุสลิม โดยได้ผลสรุปคือเมื่ออินเดียได้รับเอกราช จะแบ่งประเทศเป็น 2 ส่วนโดยให้พื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนฮินดู เป็นประเทศอินเดียของพรรคคองเกรสแล้วพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม ให้เป็นประเทศปากีสถานปกครองโดยสันนิบาตมุสลิม - 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ในตอนเย็นขณะที่คานธีอยู่กลางสนามหญ้า กำลังสวดมนต์ไหว้พระตามกิจวัตรขณะที่คานธีกำลังพูดว่า "เห ราม" แปลว่า"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า" นาถูราม โคทเส ชาวฮินดูผู้คลั่งศาสนา ไม่ต้องการให้ฮินดูสมานฉันท์กับมุสลิมได้ยิงปืนใส่คานธี 3 นัด จนคานธีล้มลง และเมื่อแพทย์ได้มาพบคานธี ก็พบว่าคานธีได้สิ้นลมหายใจแล้วในวัย 78 ปี เครดิต ภาพและข้อมูล รวบรวมจาก Google |
NNR26794
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] my mind diary |