ก่อนที่จะตัดสินใจเขียนบล็อกนี้ ผมคิดว่าพวกเรารู้ว่าแล้วว่าภาษาอังกฤษประกอบด้วยเสียงจำนวน ๔๔ เสียงอันหมายรวมเสียงสระ พยัญชนะและเสียงผสมด้วย
สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้จะเน้นไปที่การออกเสียงแบบอเมริกันเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากสื่อในบ้านเราส่วนมากจะหาได้ง่ายกว่าสำเนียงออสเตรเลียและสำเนียงอังกฤษ หนังสือหนังหาคู่มืออะไรต่อมิอะไรก็หาง่าย อีกอย่างสำเนียงอเมริกันมันฟังง่าย แม้จะมีความหลากหลายในตัวสำเนียงอเมริกันเองเนื่องจากว่ามีพื้นที่ที่กินอาณาบริเวณกว้างขวางมาก แต่สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกันเองก็ยังมีจุดร่วมที่เป็นลักษณะเด่นอยู่ แต่ช่างมันเถอะ เราไม่ได้กำลังถกเรื่องภาษาศาสตร์อยู่ซึ่งมันยากไป แล้วก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของบล็อกนี้ด้วย เอาเป็นว่าวัตถุประสงค์ของบล็อกนี้ก็คือ พอให้ผู้ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐานและปานกลางสามารถที่พูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้องตรงความหมาย สื่อสารกับชาวต่างชาติได้โดยออกเสียงได้ใกล้เคียงโดยใช้ลิ้นแบบไทยๆ ก็พอ
ภาษาอังกฤษอเมริกันไม่นิยมออกเสียงชัดเป็นคำๆ แบบไทย แต่เป็นภาษาแบบที่เรียกว่ามีเสียงบางเสียงในคำนั้นหรือประโยคนั้นจะเน้นหนักมากกว่าคำอื่นๆ คำบางคำก็รวบติดกันเป็นคำเดียวกัน บางคำก็เอา ว หรือ ย มาเชื่อมแต่ก็ไม่รู้ว่าผมจะขยันมากน้อยเพียงใด ไม่รู้จะเขียนยาวไปขนาดนั้นหรือเปล่า
สระภาษาอังกฤษ ๕ ตัวที่เรารู้จักกันดีสามารถแบ่งได้ เป็น short vowels กับ long vowels อันนี้ต้องจำว่าทั้ง short และ long ออกเสียงที่เป็นลักษณะจำเพาะอย่างไร ชื่อสั้นหรือยาวไม่เกี่ยวกับความยาวในการออกเสียงแบบภาษาไทยเพราะฉะนั้นผมก็จะทับศัพท์ไปเลยป้องกันการสับสน
สระภาษาอังกฤษ ๕ ตัว a, e, i, o, u ที่ออกเสียงแบบที่เรียกว่า long vowels เมื่อลองรื้อฟื้นความรู้กันหน่อยสมัยเรียนอาจารย์บอกว่าถ้าเป็น long vowels มันมักจะมีตัวสะกดคั่นแล้วตามด้วยตัว e และออกเสียงตามชื่อมันเอง อันนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งแต่ก็อย่างว่าอย่าไปยึดติดมากนักเพราะว่ามีภาษาอังกฤษที่สะกดประหลาดหลายคำอยู่ที่สะกดอย่างหนึ่งแล้วออกเสียงอย่างหนึ่งอย่างคำว่า receipt ที่ออกเสียงเป็น long e ในพยางค์หลัง (ออกเสียง อี) ส่วนพยางค์แรก re ออกเสียงเป็น short-i (ออกเสียง อิ) ดังนั้นคำนี้จึงออกเสียงว่า /ริซีท/ โดยไม่ออกเสียง p ในพยางค์หลัง
นอกจากนี้แล้วยังมีเสียงพยัญชนะที่เรียกว่า ชวาอีก ซึ่งเราได้ยินได้ฟังกันบ่อยมาก เปรียบได้ก็คือเสียง อะ กึ่งเสียงในภาษาไทย แต่ว่าในภาษาอังกฤษมันเป็นเสียง /เออ/ เมื่อไปรวมกับการเน้นคำแล้วมันจึงทำให้ภาษาอังกฤษเมื่อพูดออกไปแล้วมันจึงพริ้ว
สาเหตุที่ผมเริ่มเขียนอธิบายจากเสียง long vowels เพราะคิดว่าเสียง long vowels ไม่น่าจะใช่ปัญหาเท่าไหร่สำหรับคนไทย เพราะว่ามันใกล้เคียงภาษาไทยมากที่สุด เข้าใจได้ง่ายสุด เอาล่ะเริ่มเลย
Long a ออกเสียงว่า /เอ/ ได้แก่คำว่า make, take, bake, rake, sake, wake
Long e ออกเสียงว่า /อี/ ได้แก่คำว่า meat, meet, beef, beet, feet, read
Long i ออกเสียงว่า /ไอ/ ได้แก่คำว่า lie, tie, bye, cry, sign
Long o ออกเสียงว่า /โอ/ ได้แก่คำว่า coat, toe
Long u ออกเสียงว่า /ยู/ ได้แก่คำว่า rule
ที่มา //specialed.about.com/od/readingliteracy/a/44Sounds.htm
จะเห็นว่าการออกเสียง long vowels ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนไทยแต่อย่างไร
วันหลังผมจะพยายามเอาตัดคลิปเสียงการออกคำแต่ละคำมาให้กดฟังด้วย ด้วยอิจฉาตำราของจีนที่เปิดไฟล์พีดีเอฟแล้วมันเล่นไฟล์มีเดียให้เลย ต้องขอศึกษาก่อนว่ามันทำยังไง