Group Blog
|
DELTA WORKS การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาค 1 The Delta Works (Dutch: Deltawerken) คือโครงการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ขนาดใหญ่รอบๆดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ Rhine-Meuse-Scheldt จากทะเล เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกันทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อป้องกันพื้นที่ขนาดใหญ่รอบๆดินดอนสามเหลี่ยม Rhine-Meuse-Scheldt (delta) จากทะเล ประกอบด้วย dams, sluices,locks, dykes, levees และ storm surge barriers และเป็น 1 ใน 7 สิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ของโลก (one of the Seven Wonders of the Modern World by the American Society of Civil Engineers ) Tourism statue in Madurodam,The Netherlands, of the nameless boy plugging a dike. สืบเนื่องจากการเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 1953 ทำให้คนตายเป็นจำนวนมากกว่า 1800 คน และต้องอพยพคนถึง 70,000 คน ความเสียหายประมาณหนึ่งเพันล้านกิลดอร์ รัฐบาลจึงได้เริ่มโครงการนี้ขึ้น ประกอบด้วย 13 เขื่อนหลัก เสร็จสิ้นปี 1997 รวมเป็นมูลค่า $5bn. ประกอบด้วย dikes ยาว 10,250 miles โครงสร้างต่างๆทั้งหมด 300 โครงสร้าง วัตถุประสงค์ของโครงการหลัก เพื่อทำให้ชายฝั่งสั้นลงและเปลี่ยนสภาพเป็นทะเลสาบน้ำจืด ซึ่ง Delta Works เป็นส่วนหนึ่งของ Deltaplan เพื่อระบายน้ำจากพื้นที่ต่ำซึ่งน้ำท่วมเป็นประจำและควบคุมการไหลเข้ามาของน้ำทะเลที่เค็ม ทำให้ได้น้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค รวมทั้งน้ำจืดเพื่อการชลประทาน โครงสร้างของโครงการนี้ยังเป็นปรับปรุงการคมนาคมระหว่างเกาะต่างๆ โดยทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมเกาะต่างๆ ยังเป็นการปรับปรุงการเดินเรือระหว่าง Rotterdam และ Antwerpen มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มมากขึ้น และมีการจ้างงานมากขึ้นด้วย The Hollandse Ijssle storm barrier (river) เป็นโครงสร้งแรกของโครงการ Delta Works ที่ก่อสร้าง โดยเริ่มในปี 1958. Barrier ให้ความปลอดภัยแก่ Randstad ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ และเป็นพื้นที่ต่ำ ประชากรหนาแน่น สร้างอีก 2 เขื่อนที่ the Zandcreek และ the Veerse Gat,were โดยปิดเมื่อปี 1961 ซึ่ง 2 เขื่อนนี้หยุดน้ำที่ำหลจากทะเลเหนือและสร้างทะเลสาบน้ำจืด the Veerse Meer Eastern Scheldt Barrier เป็นโครงการที่ซับซ้อนและขนาดใหญ่มาก คือ The storm surge barrier of the Oosterschelde ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าประทับใจที่สุดของโครงการในเนเธอร์แลนด์ เชื่อมเกาะ Schouwen-Duiveland และ Noord-Beveland เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดในทั้ง 13 โครงสร้างของาน Delta Works The Oosterscheldekering เป็นงานที่สร้างยากที่สุดและแพงมากที่สุดของงาน Delta works ใช้เวลามากกว่า 10 ปี เริ่มก่อสร้างปี 1976 และเสร็จปี 1986 ถนนบนสันเขื่อนใช้งานได้เมื่อ พย 1987 ได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ 8 ของโลก และได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ของโลก โดย the American Society of Civil Engineers. ประตูน้ำยาว 4 กม ที่เปิดและปิดได้ ขึ้นกับสภาพอากาศ เมื่อสร้างเสร็จในปี 1986 ปริมาณน้ำไหลลดลง และความสูงที่แตกต่างกันก็ลดลงจาก 3.40 เมตร เป็น 3.25 เมตร ผลคือไม่มีทรายมาทับถมบน sand bars ซึ่งถูกกัดเซาะไปแบบช้าๆ เปลี่ยนลักษณะชายฝั่งไปเลย เขื่อนนี้ควบคุมด้วยคน แต่ถ้าเกิดผิดพลาดก็มีระบบความปลอดภัยแบบอิเลคโทร-นิครองรับอยู่ด้วย ซึ่งมีกฏหมายกำหนดว่าเมื่อไรจึงให้เขื่อนทำงานได้ คือระดับน้ำต้องอย่างน้อย 3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปกติ ก่อนจะปิดประตูน้ำได้หมด แต่มีการทดสอบปิดประตูน้ำทุกเดือน และมีการกำหนดวัน เวลา ที่แน่นอน เพื่อทดสอบขั้นตอนกรณีฉุกเฉิน เมื่อผ่านการทดสอบ จะต้องเปิดประตูน้ำทันที เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงและระบบนิเวศน์ทางทะเลน้อยที่สุด ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเพื่อปิดประตูน้ำ ตั้งแต่เปิดใช้งานในปี 1986 มีเหตุการณืต้องปิดประตูน้ำ 24 ครั้ง เนื่องจากระดับน้ำเกินกำหนด หรือ พยากรณ์ว่าเกิน 3 เมตร ครั้งสุดท้ายที่ปิด คือ 8 พย 2007 ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาปีละ 17 ล้านยูโร ตอนแรกแผน Oosterschelde จะกั้นน้ำ และกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืด ทำให้ระบบนิเวศน์น้ำทะเลเสียไป ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงหอย นักสิ่งแวดล้อมและชาวประมงช่วยกันพยายามป้องกันการปิดประตูน้ำ และประสบความสำเร็จกดดันรัฐสภาให้แก้ไขแผนนี้ คือ แทนที่จะปิดปากแม่น้ำทั้งหมด ให้สร้างเป็น storm surge barrier เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คือ เป็นชุดวาล์วขนาดใหญ่มาก storm surge barrier จะปิดเฉพาะตอนที่ระดับน้ำต้องอย่างน้อย 3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ในเวลาปกติ ปากแม่น้ำจะเปิดให้น้ำทะเลไหลเข้า ออก โดยน้ำขึ้น น้ำลงปกติ ซึ่งต้องทำระบบใหม่ตลอดเขื่อนระยะทางมากกว่า 200 กม และต้องเพิ่มเขื่อนและประตูน้ำพิเศษด้านตะวันออกของ Oosterschelde เพื่อสร้างเส้นทางเดินเรือระหว่างท่าเรือ Rotterdam และ Antwerp The Eastern Scheldt storm surge barrier ยังคงเป็นโครงการที่สร้างเพื่อป้องกันน้ำท่วมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงขนาด แต่ด้วยปริมาณโครงการวิจัยมากมายมหาศาลในพื้นที่นี้ ได้มีการวัด ระบบน้ำ การเคลื่อนที่ของทราย และผลกระทบระบบนิเวศน์ และบันทึกลงลึกในรายละเอียดมาก จำเป็นต้องตัดสินใจสร้างทางน้ำใหม่ไปพื้นที่ Europoort เพื่อสร้างฝายกั้นน้ำท่วม Hartel เป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญและน่าประทับใจมากที่สุดสำหรับ Europoort barrier เป็นเขื่อนเคลื่อนที่ได้ที่มีตัวเลื่อนรูปวงรีตัวใหญ่ (elliptical sliders ) ซึ่งเป็นรูปไข่ระหว่างหอ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนักออกแบบคือ ต้องได้ตัวเลื่อนที่เงียบ โดยการแกว่ง การหมุน และการสั่น ต้องอยู่ภายใต้ค่ากำหนด การตัดสินใจปิดเขื่อนนี้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เรียก Operations and Support System (BOS) ซึ่งตัดสินใจบนข้อสรุปของ Maeslantkering โดยสถิติเขื่อนจะปิด 1 ถึง 2 ครั้ง ทุก10 ปี ทุก 2 สัปดาห์จะมีการเลื่อนตัวเลื่อน 2-3 ซม ขึ้นลง เพียงลำพัง Maeslantkering จะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยพื้นที่ทางใต้ของฮอแลนด์ได้ เพราะน้ำทะลสามารเข้ามาทาง Europoort ได้อย่างอิสระ จึงต้องมีเขื่อนเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง จึงสร้าง Hartel ใน Spijkenisse ในพื้นที่ Europoort ซึ่งคือ Europort Barrier งานเสร็จสิ้นในปี 1997 กินเวลาทั้งหมดประมาณ 50 ปี หลังเสร็จงาน Maeslantkering ในทางน้ำใหม่ ( Nieuwe Waterweg ) ระหว่าง Maassluis และ Hoek van Holland และ Hartelkering ในคลอง Hartel ใกล้ Spijkenisse ในความเป็นจริงงานเสร็จเมื่อ 24 สค 2010 และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ งานชิ้นสุดท้าย คือ ผนังเสริมความแข็งแรงที่ยกสูงขึ้นใกล้เมือง Harlingen ****** เนื่องจากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปและระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ต้องมีการเพิ่มเขื่อนให้สูงและกว้างขึ้น ซึ่งเป็นสงครามอันยาวนานที่ต้องต่อสู้กับทะเล ความต้องการป้องกันน้ำท่วมต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงต้องเป็นหัวข้อที่ต้องมีการถกเถียงกันอีกระยะหนึ่ง โดยขณะนี้ได้มีการทำให้เขื่อนที่ Oosterschelde และ Westerschelde แข็งแรงขึ้น ซึ่งการทำให้แข็งแรงเท่านั้นพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอ จะต้องมีการสร้างใหม่มาแทนที่ของเดิม งานได้เริ่มไปแล้วไปตั้งแต่ปี 1996 และจะเสร็จปี 2015 มีการเสริมความแข็งแรงระยะทางยาวมากกว่า 400 กม. เดือน กย 2008 เนเธอร์แลนด์ต้องการโครงการใหม่ขนาดใหญ่เพื่อป้องกันประเทศจากน้ำท่วมจากปรากฏการณ์เรือนกระจกในอีก 190 ปีข้างหน้า แผนนี้ได้วาดภาพกรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับการอพยพผู้คน รวมทั้งหมดด้วยงบประมาณมากกว่า ร้อยพันล้านยูโร (100 billion) ไปจนถึงปี 2100 เช่นการทำให้เนินชายฝั่งกว้างขึ้น และทำให้เขื่อนกั้นแม่น้ำและทะเลแข็งแรงขึ้น คณะกรรมการให้วางแผนว่าระดับน้ำทะเลในทะเลเหนือจะสูงขึ้น 1.3 เมตรในปี 2100 และ 4 เมตรในปี 2200 ความรู้และความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ของชาวดัชท์ได้นำมาใช้แก้ปัญหา Mekong Delta project ในเวียตนาม ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับพื้นที่ Dutch delta ที่เกิดขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ 3 แม่น้ำหลักในเนเธอร์แลนด์ แต่ปัญหา Mekong Delta ยิ่งใหญ่กว่ามาก เพราะมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตะกอนปากแม่น้ำ Rhine, Meuse และ Schelde และแม่น้ำสายรองก็กว้างใหญ่ไพศาลกว่ามาก เมืองศูนย์กลาง ที่มีประชากรหนาแน่น คือ Ho Chi Minh City, และเมืองใหญ่อื่นๆ มีพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญมาก โดย 70 % ของข้าวของประเทศเพาะปลูกในบริเวณนี้ และมีฟาร์มเลี้ยงปลา ซึ่งปลาเป็นสินค้าออกอันดับ 3 ของเวียตนาม ตามหลังข้าวและน้ำมัน และวิธีการของดัชท์ได้นำไปใช้บริเวณตะกอนปากแม่น้ำอื่นๆแล้ว เช่น : New Orleans, the Nile, the Ganges (คงคา) , the Indus (สินธุ ) or Jakarta. |
Link |