ฮุนได เอช1 อเนกประสงค์สมใจ
ผ่านระยะเวลากว่า 2 ปี หลังการกลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้งของรถเกาหลี “ฮุนได” โดยรถรุ่นแรกที่เป็นหัวหอกทำตลาดคือ โซนาต้า พร้อมกับลูกคู่อีก 2 รุ่นคือ คูเป้ และ ซานต้าเฟ่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายเหมือนที่คาดหวังไว้เมื่อแรกเริ่ม จนกระทั่ง ฮุนได นำ “เอช1” มาเผยโฉมให้กับลูกค้าชาวไทยได้เป็นเจ้าของ

กระแสตอบรับของ เอช1 ดีชนิดที่เรียกว่า เป็นรถรุ่นเดียวที่ทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำให้กับฮุนไดครองสัดส่วนการขายกว่า 70% ของยอดขายรถฮุนไดทั้งหมดโดย 11 เดือนของปี 2552มียอดขายรวมกว่า 1,000 คัน ฮุนได เอช 1 มีดีอย่างไรถึงเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชายไทย ทีมงาน“ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” จึงขอโอกาสทดลองขับเพื่อ หาคำตอบ

เราได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์)จำกัดนำ “ฮุนไอ เอช1” รุ่น มาเอสโต เดอลุกซ์ เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์ออโต้ แบบฟูลออพชั่น ค่าตัว 1.449 ล้านบาท นำมาให้เราทดลองใช้งาน แรกรับรถเราต้องเผชิญกับการขับแบบรถติดสุดยอดของใจกลางเมืองกรุงย่านถนนสาทร เนื่องจากออฟฟิศของฮุนไดอที่เราไปเอารถอยู่แถวนั้น

ความรู้สึกแรกขอบอกเลยว่า ประหม่าเล็กน้อยด้วยขนาดตัวถังรถที่ใหญ่มาก แถมยาวถึง 5.12 เมตรพอๆ กับรถปิกอัพ แต่เมื่อขับสักระยะหนึ่งได้เลี้ยวสัก 2-3 ครั้ง ก็เริ่มรู้สึกคุ้นชิน ด้วยทัศนวิศัยที่ดี มองเห็นชัดเชนทุกมุม พวงมาลัยน้ำหนักพอเหมาะ และรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.6 เมตร ทำให้การขับในเมืองไม่ใช่เรื่องยากเหมือนอย่างที่คิดไว้

น้ำหนักของคันเร่งและเบรกที่อยู่ในระดับเหมาะ สม ทำให้การเร่งหรือเบรกให้ความรู้สึกราบรื่น ออกตัวไม่มีอาการกระชาก เบรกหัวไม่ทิ่ม แม้ตัวรถจะใหญ่และมีน้ำหนักมาก

สำหรับจุดหมายปลายทางหลักของทดลองขับเอช1 อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ โดยเราเดินทางพร้อมผู้โดยสารอีก 5 ชีวิต (ผู้ใหญ่ 3 คน เด็ก 2 คน) และสัมภาระอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดกับการจัดการตำแหน่งที่นั่งของคนและการบรรทุก สิ่งของ เพราะจำนวนที่นั่งของเจ้าเอช1 เพียงพอสำหรับผู้โดยสาร 11คน ฉะนั้นแค่นี้เหลือเฟือ

เมื่อทุกอย่างพร้อมเราเริ่มต้นออกเดินทางโดย ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต มุ่งหน้าออกนอกเมือง โดยใช้ทางด่วนดอนเมือง-โทลเวย์ ขึ้นตรงช่วงเลยดอนเมืองออกไปซึ่งไม่เสียเงิน พละกำลังของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 174 แรงม้า เพียงพอนำพาเจ้าเอช1 ออกตัวสบายๆ ไม่อีด

แม้ช่วงออกตัวจะตอบสนองไม่รวดเร็วนัก แต่กลับเป็นข้อดีสำหรับผู้โดยสารและคนที่ชอบขับแบบเรื่อยๆ เพราะจะไม่มีอาการยึกยักให้เกิดเวียนหัว ขณะที่ความเร็วช่วงกลางราว 40-80 กม./ชม. การตอบสนองดีขึ้นเมื่อรถเริ่มวิ่งลอยตัว จากแรงบิดสูงสุด 392 นิวตันเมตรมาในรอบต่ำเพียง 2000-2500 รอบ/นาที

ด้านการทรงตัวที่ความเร็ว 120 กม./ชม. ฟังจากเสียงตอบรับของผู้โดยสารยังคงนั่งกันสบาย รถวิ่งนิ่งไม่มีออกอาการโคลงเคลง ต้องขอบคุณระบบช่วงล่างด้านหน้าที่เป็นแบบ อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังที่เป็นแบบ มัลติลิงค์ ทำให้เอช1เกาะถนนอย่างมั่นใจ

สำหรับช่วงการขับขาขึ้นเชียงใหม่เราใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ในระดับ 120-140 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดเราลองขับได้ถึง 170 กม./ชม. และยังคงไหลขึ้นไปได้อีกแต่เพื่อความปลอดภัยเราจึงหยุดไว้เพียงแค่นั้น เสียงลมจะดังรบกวนที่ความเร็วเกิน 140 กม./ชม.ขึ้นไป ถือเป็นรถที่ป้องกันเสียงจากภายนอกได้ดีคันหนึ่ง

ในช่วงการเดินทางขาขึ้นเราเติมน้ำมัน ครั้งแรกและได้ค่าเฉลี่ยอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 8 กม./ลิตร จากการขับแบบในเมืองและนอกเมืองโดยใช้ความเร็วสูง ถือว่าประทับใจทีเดียว

หลังจากนั้นเราขับผ่านช่วง อ.เถิน ที่ถนนมีสภาพผิวการจราจรเหมือนผ่านสงครามโลกมาอย่างไรอย่างนั้น ด้วยหลุมบ่อและพื้นผิวที่ปะนูนไร้ซึ่งความเรียบตลอดระยะทางหลายสิบกิโลเมตร เราขับฮุนได เอช1 ผ่านด้วยความเร็วระดับ 100 กม./ชม. มีรู้สึกกระเทือนบ้างพอสมควร แต่ไม่มีเสียงบ่นจากผู้โดยสารแต่อย่างใด

เมื่อสอบถามไปยังผู้โดยสารก็ได้รับคำตอบว่า ก็มีกระเทือนนิดหน่อย แต่ดีกว่านั่งรถเก๋งเยอะ แสดง ถึงระบบช่วงล่างที่สามารถซึมซับรับแรงกระแทกจากพื้นผิวขรุขระได้เป็นอย่างดี และหลังจากที่เราขับผ่านพ้นช่วงถนนวิกฤตก็เข้าสู่ช่วงการขับขึ้นเขา ตั้งแต่ลำปาง-เชียงใหม่ ผ่านเทือกเขาขุนตาล เอช1 สามารถนำพาเราทั้งคณะไปด้วยความสบาย

พละกำลัง174 แรงม้าสอดประสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่มีระบบ H-Maticเหลือเฟือกับการขับขึ้นเขา รวมถึงการเข้าโค้งต่างๆ ถ้าเข้าด้วยความเร็วที่เหมาะสมก็ยังคงความสบายแต่หากเข้าโค้งด้วยความเร็ว สูงเกินจะมีอาการเหวี่ยงมาก อันเป็นปกติของตัวรถรูปทรงสูง

สิ่งที่เราและผู้โดยสารค่อนข้างชอบมากเป็น พิเศษตลอดการเดินทางครั้งนี้คือ พื้นที่กว้างขวางและลักษณะของเบาะ รวมถึงอรรถประโยชน์ใช้สอยครบถ้วนตามความต้องการจากอุปกรณ์เช่น จอโทรทัศน์สำหรับการดูหนัง, ที่วางแก้วน้ำ, ที่ท้าวแขน และระบบปรับอากาศตอนหลัง ให้ความเย็นสบายทั่วทั้งรถ

สำหรับผู้ขับแล้ว ยังคงมีออพชั่นอีกหลายรายการที่เราอยากให้เอช1มีเพิ่มเช่น พวงมาลัย มัลติฟังก์ชั่น ครุซ คอนโทรล ประตูสไลด์ไฟฟ้า(ปัจจุบันยังเป็นประตูสไลด์ธรรมดา) เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ทีมผู้บริหารของฮุนไดทราบเรื่องและแอบเกริ่นไว้ว่า ขอเก็บไว้เป็นมุกบ้างและในอนาคตต้องมีมาครบแน่นอน

กลับมาที่เรื่องของการขับกันต่อเราใช้งานฮุนได เอช1ในเชียงใหม่เป็นเวลา 2 วัน พบเจอเพื่อนร่วมทางที่เป็นเอช1 เหมือนกันถึง 4 คัน เฉพาะในตัวเมืองเชียงใหม่ นับว่าไม่น้อยเลยสำหรับที่มีประชากรเพียง 2,000 คันนับตั้งแต่เริ่มต้นขายมา

ส่วนขากลับเราขับด้วยความเร็วส่วนใหญ่ราว 80-100 กม./ชม. จะมีขับถึง 140 กม./ชม. บ้างเป็นบางครั้งคราว ซึ่งเราต้องกลับมาเติมน้ำมันอีกครั้งแถวๆ นครสวรรค์ โดยคิดอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยกับการขับหลังจากเติมครั้งก่อนขึ้น เชียงใหม่ออกมาอยู่ที่ระดับ 10 กม./ลิตร

สรุป หลังอยู่ร่วมกันมา 4วันกับระยะการเดินทางกว่า 1,000 กม. สัมผัสได้ถึงความเพียบพร้อมในแง่อรรถประโยชน์ใช้สอย ประกอบกับราคาค่าตัว 1.449 ล้านบาท เมื่อมองหารถสำหรับครอบครัวสักคัน ฮุนได เอช1 จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดนใจใครหลายคน





//www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9530000004680



Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 21:16:56 น.
Counter : 394 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lovely ricky rubio
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ซาหวั๊ดดีเจ้า แหะแหะ ไม่ใช่คนเหนือหรอกค่า แต่ว่าถ้าเลือกได้ขอเป็นคนใต้แล้วก็มีเชื้อแขกปนหน่อยๆก็ดีนะ ก็แหมรึว่าจะมีใครเถียงล่ะคะ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าประเทศเนี้ยถ้าไม่พูดถึงเรื่องหุ่นและไขมันหน้าท้องล่ะก็สวยคมกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ เฮ้อแต่ปัญหาที่เจอก็คือ ขาใหญ่ เตี้ยและดำน่ะสิ ก็เลยต้องมาพยายามนึกถึงแขกเผื่อว่าจะดูดีขึ้นมาบ้าง อ้อถ้าได้แฟนอาหรับหล่อๆแบบแฮมแฮมด้วยล่ะก็ จะดีมากเลยอ่ะ
กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
25
26
27
28
 
 
All Blog