ใช้ชีวิตให้คุ้ม อิสระในทุกมุมมอง
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ทริปปีใหม่ ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ปาย(แม่ฮ่องสอน) ตอน 1

ชมทริปปีใหม่ ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ตอน 2 ปาย และ อช.ห้วยน้ำดัง ได้ที่นี่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=love-error&month=18-01-2010&group=1&gblog=23



ในที่สุดฤดูแห่งการท่องเที่ยว เวียนบรรจบ ครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้ ดำริคุณแม่ว่าอยากไปกางเต้นท์นอนแบบลูกสาวมั่ง จากที่นัดกับเกลอเลิฟว่าจะเข้าป่าฉลองปีใหม่ เลยต้องยกเลิกไป รักเพื่อนแค่ไหน แต่บุพการีต้องมาก่อน อันนี้เป็นคติประจำใจ ลืมไม่ได้เด็ดขาด


ถามแม่ว่าอยากไปไหน แม่บอกไปไหนก็ได้ตามใจคนพา ถามแม่ มั่นใจหรอ ลูกเที่ยวโหดนะ แม่คงไม่ลืมใช่ไม๊ แม่ว่าไม่มีปัญหา ค่ำไหนนอนนั่น แม่บ่ยั่นเช่นกัน เอาก็เอา ไปก็ไป ไปเรื่อยๆตามแบบที่ชอบละกัน


ชวนน้องชายไปด้วย เผื่อได้ช่วยขับรถ เป็นทริปที่ยังไม่มีที่ไหนในใจ 100% ปกติใช้วิธีกางแผนที่ เลือกหน้าที่เป็นภาคเหนือเป็นหลัก หลับตาเอานิ้วจิ้มเลย เจอตรงไหน ทำทริปเส้นทางต่อเนื่อง ที่ไหนสมรรถภาพรถไปดี ศักยภาพคนขับไปได้ ก็พร้อมลุย


แต่ทริปนี้ จะทำงั้นคงไม่ดี เด๋วจะกลายเป็นลูกทรพี เอาแม่ไปทรมานซะ ก็เลยไม่จิ้มแผนที่ แต่กว่าจะตัดสินใจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าจะไปไหนมั่ง ก็ปาเข้าไปวันเดินทางซะแว้ว


สรุปก่อนนอนคืนเดินทาง เอาดอยอ่างขางละกัน เดาว่าแม่คงชอบ เพราะอากาศหนาวได้ใจ ดอกไม้สวยได้อารมณ์


ออกเดินทางเช้า ตี3ครึ่ง ของวันที่ 30 ธค. 52 โดยใช้ทางด่วนอุดรรัถยา บางปะอิน-ปากเกร็ด เพื่อเลี่ยงจราจรคับคั่งบนถนนพหลโยธิน



คนขับก็ขับไปเรื่อยๆ คนหลับก็หลับไปเรื่อยๆ เช้ามาแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม จ.ตาก แนะนำปั๊ม Esso ก่อนทางเข้าโรงงานตากแกรนิต มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ปั๊มใหญ่ดี ห้องน้ำเยอะ และสะอาดด้วย


ผ่านทางเข้าเขื่อนภูมิพล ไม่ได้แวะเพราะเคยมากันแล้วแต่คนละรอบ เข้าเขตจ.ลำปาง คราวนี้ไม่ปล่อยให้เป็นแค่ทางผ่าน เจ้าของปั๊มน้ำมันในเมือง เคยน้อยใจว่า ใครๆก็มองลำปางเป็นแค่ทางผ่านสู่เชียงใหม่ คราวนี้ เลยตั้งใจมาทำให้เค้ามั่นใจว่า ไม่จิ๊งไม่จิง ลำปางก็มีไรดีๆเยอะ


ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น
เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก


แวะที่แรกคือ วัดพระธาตุลำปางหลวง กราบไหว้หลวงพ่อเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยกันซะหน่อย



พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู เริ่มและสร้างเสร็จในปีฉลู ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์พระธาตุเป็นทรงกลมแบบล้านนา ภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อพระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุและพระอัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่


คัดลอกข้อมูลจากเว็ปไซท์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย




วิหารหลวง เป็นวิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขงและองค์พระธาตุเจดีย์ เป็นวิหารจั่วรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงวิหารโล่งตามแบบล้านนายุคแรก หลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ภายในวิหารบรรจุมณฑปพระเจ้าล้านทอง ด้านในของแนวคอสอง มีภาพเขียนสีโบราณเรื่องชาดก


คัดลอกข้อมูลจาก วิกิพีเดีย




วิหารพระพุทธ ไม่ปรากฏว่าสร้างขึ้นเมื่อไรและใครเป็นผู้สร้าง แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี ภายในวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่



ด้านในจะมีประตูเล็กๆไปสู่ วิหารพระแก้วดอนเต้า(พระแก้วมรกต) ซึ่งพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนาสลักด้วยหยกสีเขียว ทุกปีจะมีงานนมัสการพระแก้วดอนเต้าในวันเพ็ญเดือน 12 ตามคติความเชื่อของการไหว้พระธาตุปีเกิด ภายในวิหารมีการจัดแสดงของโบราณต่างๆ เช่น เครื่องเงิน เครื่องเบญจรงค์ เงินและเหรียญตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน พระไตรปิฏก และอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่วิหารนี้ไม่อนุญาติให้บันทึกภาพค่ะ




มาลำปางทั้งทีต้องไม่พลาดสัญาลักษณ์คู่เมืองลำปาง รถม้าชมเมืองสนนราคาแตกต่างกันไปตามระยะทาง แต่ถ้าแค่ขอถ่ายรูปด้วยล่ะก็ 10 บาทเท่านั้นจ้ะ


จากลำปางไปต่อกันที่ อุโมงค์ขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อ.แม่ทา จ.ลำพูน ถนนจากอ.ห้างฉัตร ไป อช.ดอยขุนตาล เป็นทางโค้งคดเคี้ยว ขับสนุกมากมาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงถึงที่หมาย



ไปถึงปุ๊ปเปิปมื้อเที่ยงปั๊ป คุงแม่เตรียมข้าวเหนียวหมูเค็มมาจากบ้าน น้องหมาหลายตัวมาร่วมแจม ก็แบ่งให้ด้วยความยินดี




อุโมงค์นี้ขุดทะลุภูเขาบริเวณใจกลางอช.ดอยขุนตาน ระหว่างจ.ลำปางและจ.ลำพูน มีความยาวที่สุดในประเทศไทย โดยความยาวทั้งสิ้น 1,352.10 เมตร รถไฟใช้เวลาวิ่งผ่านอุโมงค์นี้กว่า 5 นาที




ตัวสถานีรถไฟขุนตานเองก็อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 578 เมตร ถือเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้



อุโมงค์รถไฟสุดยาว เทือกเขาแบ่งแดนลำปาง-ลำพูน


สมบูรณ์ธรรมชาติงามยิ่ง เอื้องสวยจริงสามปอยขุนตาล


ดอยขุนตาล ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 10 เมื่อวันที่ 5 มีค. 2518 มีพื้นที่ประมาณ 255.29 ตร.กม. มียอดดอยขุนตาลสูงที่สุดประมาณ 5,500 ม. การเดินเท้าขึ้นยอดดอยจะผ่านป่าหลายประเภท มีสถานที่น่าสนใจ 4 จุด คือ ย.1(ย.ย่อจาก ยุทธศาสตร์ ซึ่งช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ดอยขุนตาลเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ) สูงจากระดับน้ำทะเล 900 ม. การรถไฟฯสร้างบ้านพักใช้เป็นที่ประทับพักแรมของกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ครั้งเสร็จเป็นแม่งานในการก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาน ย.2 สูงจากระดับน้ำทะเล 1,035 ม. เป็นที่ตั้งของบ้านพักหลังสงครามโลกของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ย.3 สูงจากระดับน้ำทะเล 1,225 ม. เป็นสถานที่ตั้งของบ้านพักคณะมิชชันนารี บ้านพักอยู่ในความดูแลของ ม.พายัพ และ ย.4 สูงจากระดับน้ำทะเล 1,373 ม. ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เป็นจุดตั้งกล้องส่องทางไกล


ตอนแรกตั้งใจจะค้างอ้างแรมที่นี่ แต่ดันไปเฉลยกับคุงแม่ว่าจะขึ้นยอดดอยขุนตาล แม่เลยบัญชาการเปลี่ยนแผนไม่ค้างซะดื้อๆ เหตุเพราะกลัวลูกสาวที่กำลังป่วยและหมอสั่งให้หยุดกิจกรรมใช้พละกำลัง จะบ้าบิ่นปีนยอดดอยแต่ลำพัง แม่กลัวจะช็อกเอา ไอ่เราก็เสียดายเป็นที่สุด เพราะเตรียมอุปกรณ์พร้อมลุยมาด้วยอ่ะดิ


อ่ะ เมื่อแม่ไม่ปลื้มที่นี่ เราในฐานะลูกที่ดีจึงไม่ขอขัด ไปต่อก็ได้ ว่าแต่ แม่จ๋าอยากไปไหนล่ะ แจ้ซ้อนไม๊แม่ แต่ถ้าจะไป ก็ต้องย้อนกลับทางเดิมนะ เอาป่าว



สรุปว่า แม่เอาแจ้ซ้อน ลูกก็ทำหน้าที่พาแม่ไป ระหว่างทางแวะเติมพลังกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกทุ่ง อ.เมือง น้องชายสั่งข้าวซอยไก่ รสชาติดี เรากับแม่สั่งก๋วยชิ้นหมู ยกมาหน้าตาคุ้นๆแฮะ ลูกชิ้นโต๊โตแบบเดียวกับที่ไปกิน ร้านนิสาลูกชิ้นยักษ์ ตลาด 100 ปีสามชุกเลย เอ..สังสัยอ่ะ ใครลอกเลียนใครเนี่ย หรือคิดได้พร้อมๆกันเอ่ย



จากตัวเมืองลำปาง ระยะ 50กม.กว่าๆ จึงถึงที่หมาย อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อ.วังเหนือ อ.แจ้ห่ม อ.เมืองปาน อำเภอเมือง จ.ลำปาง มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีเนื้อที่ประมาณ 768 ตร.กม.ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 28 กค. 2531 เป็นแนวแบ่งเขตระหว่างลำปางและเชียงใหม่


ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย



ไปถึงก็ใกล้เวลาอาทิตย์ตกแล้ว เลยไม่ได้สำรวจอาณาบริเวณ หลังเลือกที่เหมาะกางเต้นท์เรียบร้อย ก็ไปอาบน้ำให้สดชื่นซะก่อน แล้วค่อยตั้งเตาเผาๆ ปิ้งๆ ย่างๆกัน อาหารแบบนี้แหละ กินท่ามกลางความหนาวแล้วเนี่ย มันสุดแสนจะอะร๊อยอร่อยล่ะ



กลางคืนนอนรำคาญเต้นท์วัยรุ่นข้างๆ คุยกันเสียงดังโคตร แถม เอี้ย อ่า สารพัดสัตว์วิ่งพล่าน เซ็ง!



เช้าวันต่อมาจึงได้มีเวลาเดินเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อนกัน มีทั้งหมด 9 บ่อในเนื้อที่ 3 ไร่ มีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ น้ำพุร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาC



นักท่องเที่ยวนิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่ ไข่ไก่แช่นานประมาณ 17 นาทีจะได้เป็นไข่ลวก ไข่นกกระทาแช่ซัก 8-10 นาทีก็พอ



ติดกับบ่อน้ำพุร้อน มีแอ่งน้ำอุ่นที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อนทำให้เกิดเป็นน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิเหมาะแก่การแช่อาบ นอกจากนั้นยังมีห้องอาบน้ำแร่ แบบสำหรับ 3-4 คน ห้องรวมแบบตักอาบและบ่อสำหรับแช่อาบกลางแจ้ง น้ำแร่ที่ใช้ต่อท่อโดยตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน อุณหภูมิน้ำแร่เฉลี่ยอยู่ที่ 39-42 องศาC



พวกเราออกจาก อช.แจ้ซ้อนตอนเกือบๆเที่ยง ดูแผนที่วิ่งเส้น 1252 ไปตัดเข้า 118 ที่ดอยสะเก็ดได้ แต่เส้นนี้โดนสีน้ำตาลเต็มๆ จอดรถถาม จนท.ทางหลวง เค้าว่าถ้ารถขับเคลื่อนสี่ล้อไปได้ แต่รถเก๋งไม่ชำนาญเส้นทางด้วยไม่แนะนำ เพราะทางโค้งเยอะและชันมากด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับทางเดิมผ่านลำปาง ลำพูนเข้าเชียงใหม่ แต่เราเนี่ยไงดีล่ะอยากลองมั้ง เลยขับย้อนไปถาม จนท คนเดิมว่า ทางเป็นลูกรังหรือลาดยาง พอเค้ายืนยันว่าลาดยางเท่านั้นแหละ ลุยโลด และยืนยันตาม จนท ทุกประการ ขับเส้นนี้เกือบๆ 2 ชม.รถสวนแค่ 4 คัน รถเชียงใหม่ 1 คัน ที่เหลือรถลำปาง และรถกทม.คือคันเราเท่านั้น หากใครคิดจะฝึกวิชาขับทางโค้งทางชัน ลอง 1252 เหนือ จะไม่ผิดหวัง รับประกัน ชัน โค้ง แคบ... ถึงเชียงใหม่ไปกินข้าวซอยเสมอใจร้านเดิมที่เคยกิน จริงๆจะว่าไปรสชาติก็หร่อยแต่ไม่ถึงกับเลิศเลอ ที่ชอบร้านนี้เพราะมีอาหารอย่างอื่นด้วย สเต๊ะหร่อยดี แต่มาคราวนี้ต้องซื้อคูปองแฮะ มีคราวนี้ลองชิมขนมจีนแกงป่า รสชาติแปลกๆบอกไม่ถูก แต่ก็กินได้


หลังอิ่มท้องแล้ว ซื้อมะม่วงน้ำปลาหวาน,กะปิหวานข้างๆวัดฟ้าฮ่าม คนขายว่ามาขายตรงนี้ปีละครั้งช่วงปีใหม่ อร่อยดีน่ะ แถมมะม่วงเปรี้ยวเข็ดฟันได้ใจเชียว เวลาประมาณบ่าย 3 เศษๆ จึงไปต่อที่หมายถัดไป พวกเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือ โดยมีที่หมายสำคัญของทริปนี้คือ ดอยอ่างขาง(เพื่อแม่) แต่จากที่ลองคำนวนดูเวลากับระยะทางแล้ว มั่นใจว่าถึงขึ้นได้ก็มืดจะลำบากหาที่กางเต้นท์ ก็เลยตกลงกันว่า ถ้าขึ้นทันก่อนมืดก็ขึ้น ถ้าขึ้นไม่ทันล่ะก็ค่ำไหนนอนนั่นนะ ดูจากแผนที่ ระหว่างทางสู่อ่างขาง ถ้าวิ่งเส้น แม่ริม แม่แตง เชียงดาว ไชยปราการ จะมี อช.ที่ไปพักได้ 2 ที่ คือ อช.ศรีลานนาที่แม่แตง และ อช.ดอยเวียงผา ที่ไชยปราการ ระหว่างทางแวะซื้อโคมยี่เป็ง 4 อัน 100 จะได้ไปลอยรับปีใหม่กัน



ก็ขับไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ตามคอนเซปต์ทริป ขับไปขับมา ใกล้มืดเต็มทีที่อ.ไชยปราการ ว้า ไปไม่ถึงดอยอ่างขางซะแล้ว งั้นก็พักค้างคืนที่ดอยเวียงผาเลยละกัน จากทางหลวง 107 ก่อนถึงทางแยกเข้าทางหลวง 1249 ไปดอยอ่างขางประมาณ 10 กม. ขวามือมีป้ายบอกทางไป อช.ดอยเวียงผา 17 กม. ขับรถตามทางลูกรังไป ทั่นแม่ก็บ่นไปว่า ทางน่ากลัว ไม่มีรถสวนมาเลย จะมีคนพักไม๊ จะเป็นพวกเราเต้นท์เดียวไม๊ เราก็ต้องคอยปลอบใจ ไม่เป็นไรน่า แม่จ๋า ใกล้มืดขนาดนี้คงไม่มีรถออกหรอก ยังไงเสีย นอนที่ อช.ก็ยังเชื่อว่าปลอดภัยในระดับนึงน่า ก็เล่าให้แม่ฟังเรื่องตอนไป อช.ทุ่งแสลงหลวง ขับรถเข้าทางลูกรัง 14 กม. เพื่อไปกางเต้นท์นอนที่ป่าสน ไม่มีน้ำไม่มีไฟ กางเป็นเต้นท์แรกด้วย ทั้งคืนมีผู้ร่วมชะตากรรมแค่ 4 เต้นท์ ยังทำมาแล้วเล้ย ก็ปลอดภัยดีไงบรรยากาศได้ด้วย พูดหลอก เอ้ย! ปลอบใจแม่จนถึงด่านเก็บเงินเข้าอุทยานจนได้ ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว คงไม่ถอยทัพกลับแล้วหรอก ถาม จนท.ว่า มีบ้านพักว่างไม๊ ได้คำตอบ เต็มแล้วครับ ถามว่าคนเยอะไม๊ ได้คำตอบ พอมีครับ ได้ยินดังนั้น แม่เราก็เลยเบาใจ อย่างน้อยมีหลายคน จนท.ขี่รถมอไซด์นำทางไปจุดกางเต้นท์ริมสระน้ำ



กางเต้นท์เสร็จก็ได้เวลากินเสียที มื้อนี้เอาของที่หั่นเหลือจากเมื่อคืน มาใส่หม้อทำจิ้มจุ่มกินกัน ก่อนหน้า จนท.มาถามว่าจะก่อเตาไม๊ มีบล็อกอิฐให้ยืมนะครับ เราว่า ขอบคุณค่ะแต่มีเอามาเองแล้วค่ะ จนท หน้าเหรอหราเลย คงคิด โห เตรียมมาแม้กระทั่งบล็อกอิฐเลยหรอ อ่อ ป่าวหรอกค่ะ แบกมาแค่แผ่นกระเบื้องปูพื้นเอ๊ง


คืนนี้อาบน้ำดึกกว่าเมื่อคืน มันช่างหนาวเหน็บเจงๆ พอใกล้เที่ยงคืน นักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เดาว่าน่าจะแค่รุ่นนักศึกษา ก็เริ่มนับถอยหลังกัน เราก็นับนะ แต่ในใจ เสียงดีแต่สู้เสียงดังเค้าไม่ได้ อิอิ ก็เลยจบวันเก่าด้วยการเคาท์ดาวน์เงียบๆคนเดียว โถๆช่างน่าสงสารตัวเองจิงจิ๊ง



ตื่นเช้าโผล่หน้ารับอากาศแสนสดชื่น



เห็นซากเตาจิ้มจุ่มที่น้องชายตัวแสบทำพังเมื่อคืน เพราะหวังหักถ่านด้วยการทุบเตา ฮื้อฮือ เรื่องมันเศร้า





อช.ดอยเวียงผา ได้รับการสำรวจ และจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 เม.ย 2537 แต่ยังไม่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเป็นทางการ มีเนื้อที่ประมาณ 356,7778 ตร.กม. ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนวางตัวในเนวเหนือ-ใต้ และเป็นเส้นแบ่งเขตจ.เชียงใหม่-เชียงราย มียอดดอยสูงสุด 1,834 ม.จากระดับน้ำทะเล ชื่อ ดอยเวียงผา อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 15 องศาC สูงสุด 36.4 องศาC


สภาพป่าสมบูรณ์ประกอบด้วยป่าเบญพรรณ เต็งรัง ดิบเขา ดิบแล้ง และสนเขา ที่สำคัญมีพรรณไม้หายาก เช่น กุหลาบพันปี กายอม กุหลาบขาว ดอกหญ้าพันธุ์ต่างๆและกล้วยไม้นานาพันธุ์



แหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น น้ำตกห้วยทรายขาว อยู่ภายในอช.ใกล้ๆบ้านพักเจ้าหน้าที่ และลานกางเต้นท์ ขนาดเล็ก 3 ชั้น น้ำมากเฉพาะหน้าฝน ลงเล่นน้ำได้ น้ำตกแม่ฝางหลวง อยู่ในป่าทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านมูเซอแม่ฝางหลวง น้ำตกสวยงาม สูง 10-15 ม. น้ำไหลตลอดปี มี 2 ชั้น เล่นน้ำได้ น้ำตกดอยเวียงผา อยู่ในป่าทางทิศตะวันออกของที่ทำการอช. สูง 15-20 ม.น้ำไหลตลอดปี แต่การเดินทางไปค่อนข้างลำบาก อาจต้องพักกางเต้นท์ค้างคืน ยอดดอยเวียงผา ป่าสมบูรณ์มาก ทิวทัศน์สวยงาม สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก ทะเลหมอกยามเช้า มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกล เหมาะสำหรับผู้มีเวลาค่อนข้างมากเพื่อซึมซับธรรมชาติ



บ้านพักเจ้าหน้าที่ อยู่ด้านหลังลานสำหรับกางเต้นท์


อช.ดอยเวียงผามีบ้านพัก 2 หลัง พักได้ หลังละ 15-20 คน และมีลานกางเต้นท์ โดยนักท่องเที่ยวต้องเตรียมมาเอง ห้องน้ำสะอาดสะดวกสบาย


ออกจาก อช.ดอยเวียงผาเวลา 10 โมงตรง ขับผ่านทางลูกรังที่เมื่อคืนผ่านตอนแสงน้อย อืม...หญ้าแห้งและกองฟาง...



จาก อช.ดอยเวียงผามุ่งเส้นทางคดเคี้ยวและชันสู่ดอยอ่างขาง แปลกแต่จริงที่ มาครั้งนี้ไม่รู้สึกว่าทางมันชันมากเหมือนเมื่อคราวแรก ครั้งนี้ขับสนุกดี สังเกตุว่า มีจุดพักรถ 2 จุด และมีป้ายเตือนทางโค้งทางชันตลอด ผิดกับครั้งแรกที่มา ไม่มีคำเตือนใดๆ ไม่มีความช่วยเหลือระหว่างทางเลย



พญาเสือโคร่งที่ขุนแม่ยะคงได้แค่ฝันเอา เพราะรถเก๋งไปคงจะน่าสมเพชน่าดู แต่สองข้างทางขึ้นดอยอ่างขางแม้ไม่แจ่มเท่าที่ขุนแม่ยะ แต่ก็ทำให้จิตใจเบิกบานได้ไม่น้อยเหมือนกัน



ผ่านจุดกางเต้นท์ป่าสนก่อนถึงรีสอร์ทธรรมชาติและด่านเก็บเงินโครงการหลวง ขอข้ามไปก่อนเพราะถ้านอนที่นี่ รุ่งขึ้นก็ต้องขับรถเข้าสถานีเกษตรโครงการหลวงอยู่ดี ก็เลยลองไปวัดดวงเอาด้านใน ตอนนั้นไปจำภาพความหลังครั้งก่อนว่า มีจุดกางเต้นท์ก่อนถึงทางแยกเข้าลานจอด ฮ. คิดจริงๆว่าจะไปพักแรมที่นั่น ที่ไหนได้ถาม จนท. ได้ความว่า เด๋วนี้ไม่อนุญาตให้กางเต้นท์ที่นั่นแล้ว จุดกางเต้นท์คือป่าสนที่ตะกี้ที่ผ่านมา บ.นอแล และบ.ขอบด้ง เราก็อ้าวแอนด์เอวัง เลยทีนี้ นี่แหละน้า มาแบบไปเรื่อยๆ ไม่ได้หาข้อมูลอัพเดทมาก็เป็นเงี้ยแล๊



รถติดกว่ากิโลก่อนถึงด่านเก็บเงินหน้าสถานีเกษตร เหลือบขวามองเห็นรีสอร์ทธรรมชาติ โอ้ววว ดูหรูหราดีนิ เหลือบซ้ายเห็นที่จอดรถและเช่าพื้นที่กางเต้นท์ ด้านหน้ามีบ้านพักนาหาและอีกหลายๆบ้านพักแต่จำชื่อไม่ได้ มีร้านขายของอีกเพียบ โหวว อ่างขางเธอเปี๊ยนไป๋



ผ่านด่านเก็บเงินไป รถติดไป ก็ลองขับตามเส้นทางวนดูซิ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอาไง พอดีว่าพกคู่มือท่องเที่ยวมาด้วย เลยลองเสี่ยงโทรถามที่พัก เผื่อลัคกี้อินเกมส์ ถามที่แรกคือรีสอร์ทธรรมชาติที่เพิ่งผ่านมา ปรากฏเหลือห้องว่างอยู่ 3 ห้อง เป็นบ้านหลังใหญ่ซอยห้องย่อย เค้าคิดห้องละ 3500/คืน แพงอ่ะ พอดีจังหวะวนรถผ่านสโมสรอ่างขาง ก็คิดว่า อืม...ถ้าฟลุ๊คได้พักบนนี้ก็ดีสิ เช้ามาเดินเที่ยวได้เลย ไม่ต้องขับรถขึ้นมาติดแถมแย่งที่จอดรถอิก ก็เลยลองโทรไปบ้านพักโครงการ ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดด ฮาโหล เอ่อ ไม่ทราบว่ามีบ้านพักเหลือไม๊คะ คืนเดียวค่ะ คืนนี้ เต็มแล้วค่ะ เหรอคะ แล้วไม่ทราบว่ามีลานกางเต้นท์ไม๊อ่ะคะ มากี่คนคะ 3 คนค่ะ รอซักครู่นะคะ ค่ะ เวลาผ่านไป 15 วิ ฮาโหล มีหลังนึงค่ะ เอาไม๊คะ เอาค่ะเอา งั้นบอกที่ด่านเก็บเงินว่าจองบ้านพักไว้แล้วนะคะจะได้ไม่ต้องเสียค่าเข้าค่ะ เอ่อ...ขอบคุณค่ะ (ไม่ทันแล้วค่ะ ค่าเข้ากระเด็นออกจากกระเป๋าไปแล้วอ่ะค่ะ แอบเศร้าในใจ หุหุ)



สรุปว่า มากับดวงค่ะ บ้านพักเค้าน่ารักดีค่ะ ห้องเล็กๆแต่ก็อยู่สบายๆ น้องชายลิงโลดค่ะ คืนนี้ไม่ต้องเหนื่อยกางเต้นท์รื้อของเก็บของ ค่าบ้านพักประมาณ 2 พันกว่าๆ รวมอาหารเช้าและอาหารค่ำ สำหรับ 3 คน ถามเค้าว่าราคานี้เป็นราคาวอล็คอินป่าว เค้าว่า ช่วงไฮราคาเท่ากันไม่ว่าจะจองล่วงหน้าหรือวอล์คอิน



หลังจากเข้าที่พักแล้ว ก็ซื้อคูปองกินมื้อเที่ยงกันที่สโมสร ซื้อมาหลายจาน แต่หร่อยสุดคือจานสลัดจานนี้



อิ่มท้องแล้วก็นั่งชมวิวจากริมระเบียงบ้านพัก เพื่อนโทรมาว่าตอนนี้อยู่ที่อ่างขางซักพักจะมาหา พอเพื่อนมานั่งคุยระลึกความหลังครั้งตะลอนเที่ยวอ่างขางด้วยกัน เพื่อนยืนยัน อ่างขางไม่เหมือนเดิม



White Daisy


จากนั้นก็ชวนกันเดินเที่ยว ที่แรกใกล้กับบ้านพักสุดคือสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา




Yellow/ Maroon Pansies



รองเท้านารี



ซากุระญี่ปุ่น




กุหลาบอังกฤษ


จากสวน 80 ปี ลัดเลาะมาสวนกุหลาบอังกฤษ ผ่านแปลงสาลี่ แปลงบ๊วย แปลงกีวี แปลงพลัม แปลงพีช สวนบอนไซ เนเซอรี่งานป่าไม้ แปลงแมคคาดาเมีย กลับมากินมื้อค่ำที่สโมสร เสียดายเริ่มเดินกันเย็นไปหน่อย หลังๆเลยถ่ายรูปไม่ได้ เพราะแสงน้อยเกิน



มีออเดริฟเป็นเกรียบกุ้ง





คนอื่นว่าไงไม่รุ แต่บุฟเฟต์มื้อนี้ถูกปากชะมัด เป็นอีกมื้อที่เจริญอาหาร อ้อ! BBQ นี่ก็อิ่มไม่อั้น




หลังอิ่มทองก็ไปเดินย่อยกันที่สวน 80ปี



นักเลงจะต่อยกันค่ะ





จบคืนวันแรกของปีด้วยการลอยโคมล้านนา



สวัสดีเช้าวันใหม่ด้วยบรรยากาศรุ่งอรุณบริเวณบ้านพัก พญาเสือโคร่งหลายต้นเพิ่งเริ่มบาน



อุณหภูมิบนยอดหญ้าต่ำกว่า 0 จึงเห็นแม่คะนิ้งได้ตอนเช้าตรู่



ปักษาสวรรค์ (Bird of Paradise)



ดอกบ๊วย



หลังมื้อเช้าเดินชมดอกไม้เมืองหนาวอิกซักรอบ



หน้าตาแบบว่ายังไม่ตื่นดี



โดนแอบถ่ายเบื้องหลังซะงั้น



ดอกพญาเสือโคร่ง




คืนกุญแจตอนเที่ยงเสร็จก็พร้อมลุยต่อ ขากลับยังรักเธอทางเดิมไม่เปลี่ยนใจ จริงๆกลับทางบ้านอรุโณทัยเข้าเชียงดาว ทางชันน้อยกว่า ระยะทาง 80 กม. สั้นกว่าทางไชยปราการที่ระยะทาง 83 กม. แต่ไม่เอา เค้าจาลงทางเดิมง่ะ



ชมทริปปีใหม่ ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ตอน 2 ปาย และ อช.ห้วยน้ำดัง ได้ที่นี่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=love-error&month=18-01-2010&group=1&gblog=23



**********


ททท. สำนักงานเชียงใหม่ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) 053-248607, 053-302500-1  //www.tourismthailand.org/chiangmai 


อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง 054-380000, 089-8513355 


สมาคมท่องเที่ยว จ.ลำปาง 054-226347


ศูนย์การท่องเที่ยว จ.ลำปาง 054-221813, 054-318809


ตำรวจทางหลวง จ.ลำปาง 054-218561


อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จ.ลำพูน 053-518901, 081-0326341


อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา 087-1862118 และ ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 16 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 053-818348, 053-819349


สำนักงานท่องเที่ยวเทศบาลนครเชียงใหม่ 053-252557


ตำรวจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ 053-247318, 053-249806, 1155


ตำรวจทางหลวง จ.เชียงใหม่ 053-242441, 053-247462


ร้านข้าวซอยเสมอใจ ซ.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 053-242928


รีสอร์ทธรรมชาติ อ่างขาง 053-450110


บ้านพักโครงการหลวง 053-450107-9 


ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยว(ททท) 1672







Create Date : 18 มกราคม 2553
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 8:53:30 น. 8 comments
Counter : 10356 Pageviews.

 
อืม กำลังหนุกเลย รูปสวยมากๆๆ จริงๆนะเนี่ย เด๋วจาไปดูตอน 2 ต่อเลยนะครับ


โดย: ชิน chiny@832 เองจ้า IP: 192.168.0.138, 118.175.74.65 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:11:58:28 น.  

 
เดี๋ยวนี้แจ้ซ้อนดูไฮโซจังแฮะ เคยไปเมื่อนานมาแล้ว ไม่มีอะไรเลย


โดย: ชวาลา IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:51:23 น.  

 
ลืมบอก ถ่ายรูปดอกไม้ได้สวยจัง ชอบๆ


โดย: ชวาลา IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:55:46 น.  

 
รูปสวยมากๆๆ จริงๆ....
ทำงัยจะทำได้อย่างงี้บ้าง....น้า....
สอนหน่อยดิ....
ใช้กล้องไรเหรอ...
จะติดตามตอนสองนะ....
รีบๆเอามาให้ชมด้วยละ....


โดย: m IP: 119.31.126.141 วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:16:31:02 น.  

 

คุณ m: ใช้กล้องโอลิมปัส SP560ค่ะ ใช้โหมด m ถ่ายเป็นส่วนใหญ่ กับ ขยันถ่ายบ่อยๆอ่ะค่ะ




โดย: LoveError วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:14:45:25 น.  

 
มีงานที่ไหนบ้างcโบราณแถวๆเหนือละ


โดย: ดุ๊กsr400 IP: 61.7.177.135 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:35:14 น.  

 
มีงานที่ไหนบ้างcโบราณแถวๆเหนือละ


โดย: ดุ๊กsr400 IP: 61.7.177.135 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:35:36 น.  

 
บอกได้ปะละ




โดย: ดุ๊กsr400 IP: 61.7.177.135 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:38:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LoveError
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





No title

 

 

 


Friends' blogs
[Add LoveError's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.